“ขึ้นให้หน่อย” นิคมพูดหลังจากที่เราทั้งคู่เล้าโลมกันอยู่นาน เขาพาฉันมาที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ก้าวขาเข้ามาในห้อง เอื้อมมือปิดประตูเราทั้งคู่ก็เริ่มเล้าโลมกันอย่างหนักหน่วง จนมาถึงตอนนี้ฉันขึ้นคร่อมร่างหนาของชายตรงหน้า มือกำแท่งความเป็นชายของเขาไว้ ค่อย ๆ ดันตัวลงให้ร่องสาวตรงกับดุ้นเอ็นที่เส้นเลือดกำลังเต้นตุบ ๆ เมื่อสอดใส่ขยับจนได้ที่ฉันก็ขยับสะโพกช้า ๆ เพื่อให้ร่างกายได้เคยชินกับดุ้นที่เอ็นค่อนข้างใหญ่ จากนั้นก็ค่อย ๆ เร่งจังหวะบิดบ้างควงบ้าง สองมือบีบคลึงที่เต้าอวบอิ่มไว้ด้วย
“อ่าส์ เสียวโคตรว่ะ ซี๊ด...” นิคมเปล่งเสียงครางในขณะที่มือทั้งสองข้างของเขาจับที่สะโพกผายของฉัน เพียงไม่นานเขาก็เปลี่ยนเป็นคนคุมเกมเองโดยที่ฉันอยู่ในท่าคลานเข่าโก่งก้นงามงอน นิคมสอดใส่เข้ามาในร่องคับแคบดันเข้าดึงออกช้า ๆ สองสามครั้งจากนั้นขยับสะโพกเข้าออกไม่ยั้ง
“อืม...เสียวมากค่ะ อ๊ะ”
“ซี๊ด อย่าขมิบแรงดิ มันเสียว อืม อั้นไม่ไหวแล้ว” นิคมครางกระเส่าไม่ต่างจากฉัน เมื่อเราทั้งคู่เริ่มจะแตะจุดสุดยอด นิคมจับสะโพกฉันไว้แน่นแล้วเขาก็สับสะโพกรัว ๆ
“อ๊าส์” เป็นเสียงครางของเราทั้งสองที่เพิ่งจะไปแตะสวรรค์มาพร้อมกัน เอาจริง ๆ นอกจากป๋าพงษ์ก็มีนิคมคนนี้ที่ทำให้ฉันถึงจุดสุดยอดและฟินสุด ๆ มันแบบได้อารมณ์อะ
“เสียวดีไหม” นิคมถามขณะที่เขาใช้จมูกสูดดมตามแผ่นหลังขาวเนียวแล้วค่อย ๆ ขยับขึ้นมาหอมแก้ม
“เสียวค่ะ” ฉันพลิกตัวนอนหงาย สบตากับดวงตาคมเข้มและยิ้มให้เขา นิคมยิ้มตอบก่อนจะก้มลงมาประกบจูบที่กลีบปาก
“ฉันถูกใจเธอมากนะ เลิกทำอาชีพนี้ซะ ฉันจะดูแลเธอเอง” นิคมพูดกับฉันเหมือนกับแขกคนอื่น ๆ อีกแล้ว เฮ้อ เบื่อกับประโยคแบบนี้นะ คือแค่ลองครั้งเดียวจะถูกใจอะไรใช่ไหม เหมือนพูดเล่นไปอย่างนั้น เอาตามตรงนะถ้าฉันทำจริง ๆ จะจ่ายได้สักเท่าไหร่กันเชียว คิดว่าฉันทำอาชีพนี้เพราะอยากได้อยากใช้ของแพง ๆ แค่นั้นเองเหรอ ความจำเป็นของคนเรามันไม่เหมือนนะ
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันมีภาระที่จำเป็นต้องใช้เงิน” ฉันพูดความจริงแต่เขาจะเชื่อไหมก็อีกเรื่องหรือจะคิดเป็นอย่างอื่นมันก็เรื่องของเขา ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน
“สามเดือน เธอมาอยู่กับฉันแล้วห้ามไปนอนกับคนอื่นเด็ดขาด”
“ฉันบอกแล้วไงคะว่าจำเป็นต้องใช้เงิน”
“ห้าล้าน แลกกับสามเดือนนี้เธอต้องเป็นของฉันคนเดียว ฉันพูดจริง ทำจริง”
“...” เฮ้ยเอาจริงดิ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ห้าล้านเชียวเหรอ มันมากมายเพียงพอต่อการใช้หนี้และการดำรงชีวิตอยู่ของครอบครัวฉันเลยนะ ถ้าได้เงินก้อนนี้มาจริง ๆ ก็ถือว่าคุ้มค่า แต่ว่าสามเดือนมันนานนะ ฉันต้องเจอเขาทุกวัน จะมั่นใจได้ยังไงว่าฉันจะไม่แพ้ความชิดใกล้ ว่ากันว่าความรู้สึกมักเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยสิ
ทว่าหากได้เงินก้อนนี้มาฉันก็ไม่ต้องกลับมาทำอาชีพนี้อีก สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ ใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ ไม่ต้องทำอะไรที่ฝืนความรู้สึก
ฉันคิดอยู่นานพอสมควรแล้วสุดท้ายก็ได้คำตอบ เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็ต้องเลือกแบบฉัน
เอาวะ คิดซะว่าแค่สามเดือน ดีกว่าต้องขายตัวให้คนนั้นคนนี้ไปเรื่อยเลือกลูกค้าไม่ได้ อย่างน้อยถ้าตอบตกลงฉันก็นอนกับเขาแค่คนเดียว หลังจากสามเดือนนี้ผ่านไปชีวิตของฉันคงกลับไปเป็นปกติ เป็นเพียงนักศึกษาธรรมดา
หวังว่าหัวใจของฉันจะไม่อ่อนไหวไปกับความใกล้ชิดและความหล่อไม่บันยะบันยังนะ
“ตกลงค่ะ ฉันรับข้อเสนอ แต่คุณต้องโอนเงินให้ฉันก่อนนะคะ” เมื่อฉันตอบตกลง ใบหน้านิคมผลิยิ้ม เขาลุกขึ้นจากเตียง เดินหายไปครู่หนึ่งแล้วกลับมาพร้อมเอกสารบางอย่าง
“เซ็นซะ นี่คือข้อตกลงของฉัน เธอต้องทำตามทุกข้อ เราถึงจะอยู่ด้วยกันได้” นิคมยื่นเอกสารมาให้ฉัน เนื้อหาคร่าว ๆ ในเอกสารเขียนว่า
1. เวลาออกข้างนอกอย่าทำเหมือนรู้จัก (ถ้าผู้ว่าจ้างไม่อยากรู้จัก)
2. อย่ามีใครอื่นระหว่างที่อยู่ในสัญญา
3. ห้ามรัก อย่าแสดงอาการหึงหวงผู้ว่าจ้าง
4. ผู้ว่าจ้างสั่งอะไรต้องทำตาม
5. หลังจากหมดสัญญาทั้งคู่คือคนแปลกหน้า
ยังมีอีกหลาย ๆ ข้อ ในเอกสารแผ่นนี้
“ต้องขนาดนี้เลยเหรอคะ” หลังจากอ่านคร่าว ๆ ฉันจึงเกิดความสงสัยเพราะดูแล้วมันวุ่นวาย จะต้องมาเซ็นอะไรแบบนี้ทำไม หมดสัญญาก็แยกย้าย แค่นั้นก็จบ
“เพราะที่ผ่านมามันเคยเกิดขึ้นแล้วไง ฉันไม่อยากวุ่นวายทีหลัง” เขาตอบพลางนั่งลงข้างฉันด้วยท่าทางสบาย ๆ
“...” ถ้าฉันไม่รู้สึกอะไรกับเขา มองเขาเหมือนลูกค้าคนอื่น ๆ ก็คงไม่มีอะไรที่จะวุ่นวาย เซ็นไปก็คงไม่มีปัญหาอะไร ฉันก็เลยเซ็นชื่อตัวเองลงในเอกสารแผ่นนั้นเพราะตั้งใจและตั้งมั่นว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับเขา เมื่อเซ็นเรียบร้อยจึงยื่นคืนให้เขา
“ตั้งแต่วันนี้จนครบสามเดือนชีวิตเธอจะเป็นของฉัน นับจากนี้เรียกฉันว่า ‘เฮียคม’ เข้าใจไหม” มือหนาลูบไล้ไปตามร่างกายของฉันและบีบมือลงแรง ๆ ที่หน้าอกอวบอิ่ม
“เข้าใจค่ะ” หวังว่าฉันคงตัดสินใจถูกนะที่เซ็นสัญญายอมเป็นของเขาคนเดียวตลอดสามเดือนนี้ และหวังว่าเขาจะใจดีกับฉันเหมือนที่ป๋าพงษ์เคยดีด้วย
“สามเดือนนี้ โมต้องย้ายมาอยู่ที่คอนโดนี้กับเฮียนะครับ” เขาก้มลงมาพูดข้างใบหูและแลบลิ้นเลียรอบใบหูของฉัน เขาคงไม่ใช่พวกคนรวยโรคจิตใช่ไหม
“ค่ะ โมขอตัวไปเก็บของที่หอก่อนนะคะ” ในเมื่อฉันต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ ก็ต้องไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่หอสิ
“ไม่ต้อง!” จู่ ๆ เขาก็ตะคอกด้วยน้ำเสียงเกี้ยวกราด สีหน้าโมโหขึ้นมาทันที
“แต่ว่าโมต้องใช้…”
“ทิ้งไปให้หมด ฉันจะซื้อให้เธอใหม่ ฉันไม่อยากเห็นข้าวของที่คนอื่นซื้อให้เธอ ฉันรังเกียจ” ใบหน้าเขาขึงขังน่ากลัวที่สุด ใจฉันเริ่มเต้นแรงเพราะความกลัว เขารังเกียจฉัน คำนี้วนเวียนอยู่ในหัวสมอง
“ค่ะ” ฉันตอบเขาไปได้เพียงเเค่นั้น เพราะเซ็นสัญญาไปแล้วฉันต้องเชื่อฟังเขา ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง สามเดือนนี้ฉันคงมีชีวิตรอดกลับไปนะ