ตอนที่2 บุญคุณ
“ป้ากชขอให้วีแต่งกับพี่ธาม จะว่ายังไง” สิ่งที่มารดาบอกทำเอามือของวิริศราที่กำลังเขียนรายงานชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามเหมือนคนละเมอ
“แม่พูดเล่นหรือพูดจริงคะ”
“พูดจริง ป้าบกชมาหาแม่เมื่อเช้าแม่ก็รอคุยกับเราตอนนี้นี่ไง”
“แต่วียังเรียนอยู่นะคะ”
“เรียนก็แต่งได้ ปีเดียวก็จบแล้วหนิ” หญิงสาวนิ่งเงียบเหมือนไม่อยากตกปากรับคำ ความกดดันจึงตกมาที่คนกลางอย่างนภา
“วีก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ได้ป้ากชแม่อาจจะตายไปตั้งแต่ตอนนั้น”
“รู้ค่ะ วีไม่เคยลืม”
สองปีที่แล้วนภาตรวจเจอมะเร็งปากมดลูกระยะที่สอง อนาคตทางการรักษามีน้อยกว่าแสงของเทียนเพราะเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เงินเก็บอันน้อยนิดนั้นก็อยากเอาไว้ให้ลูกสาวได้เรียน โชคดีที่เรื่องป่วยของเธอถึงหูเพื่อนรักอย่างบงกชและยื่นมือเข้ามาช่วยในทุก ๆ อย่างตั้งแต่ค่ารักษาตลอดจนให้คนรถของที่บ้านคอยพาเดินทางไปหาหมอ เรียกได้ว่าบงกชนั้นมีพระคุณแทบไม่ต่างจากผู้ให้กำเนิด
.....
วิริศราตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ จริงอย่างที่มารดาบอก บงกชคืนชีวิตให้แม่เธอ ชีวิตของเธอก็ย่อมมอบให้บงกชได้เหมือนกัน ผู้ใหญ่นัดให้มาพูดคุยเรื่องงานแต่งที่คนจะเป็นเจ้าบ่าวนั้นเธอไม่เคยพูดคุยกับเขาด้วยซ้ำ แม้เขาจะเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทแม่ก็ตาม
“รอแป้บนึงนะใกล้แล้วล่ะ”
รอราวสิบนาทีรถประจำตำแหน่งของธนาก็มาถึงหน้าบ้าน คนพ่อหน้าบึ้งตึง ส่วนคนลูกนั่นดูก็รู้ว่าถูกพ่อลากมา มุมปากแตกช้ำเด่นชัดจนคนเป็นยายตาเบิกโพลง
“ธาม! ไปโดนอะไรมา”
“พ่อต่อย ”
“ธนา! รุนแรงกับลูกขนาดนี้เลยเหรอ” คนที่โดนแม่ยายเอ็ดใส่หาได้ใส่ใจและอธิบาย เขาลากเก้าอี้ออกและนั่งลงข้างภรรยาก่อนจะมองตรงไปที่วิริศราเด็กสาวเพียงคนเดียว
“ไม่เห็นหน้านาน โตขึ้นสวยเชียว”
“คุณอยู่บ้านปีละชั่วโมงได้มั้งคะ จะไปเจอกันได้ยังไง”
“วี ไหว้ลุงธนากับพี่ธามสิ”
“สวัสดีค่ะ” วิริศราหน้าเสียเมื่อธนายิ้มรับแต่อีกคนนั้นใช้สายตาเย็นชามองเธอ
เพี๊ยะ!
บงกชมันเขี้ยวตีเข้าให้ที่ต้นแขนแน่นหนั่น แต่ก็ดูเหมือนจะเอามือไปตีรูปปั้นหินเปล่า ๆ
“น้องไหว้น่ะ มองไม่เห็นเหรอ” ธนาธิปไม่ตอบ คนเป็นยายเห็นสีหน้าพ่อของหลานตึงเปี๊ยะจึงตัดบท
“กินข้าวกันเถอะ จะว่าไงค่อยพูดกัน”
“ธันล่ะ”
“ธันมีนัดก่อนหน้าเราแล้วค่ะ เลยไม่ได้มา”
“ผมไม่อยากแต่งงาน” ชายหนุ่มโพล่งขึ้นมาตรง ๆ ทำให้วิริศรากับมารดาของเธอมองหน้ากันอัตโนมัติ แต่ก็เตรียมใจไว้บ้างแล้วล่ะว่าต้องเป็นแบบนี้
“แต่ง! จดทะเบียนให้เรียบร้อยแล้วเลิกขาดจากผู้หญิงคนนั้นซะ”
“ผมเลิกยุ่งแล้ว”
“แกเลิกไม่ขาด เดี๋ยวมันมาแกก็อ้าแขนรับอีก”
“ก็ให้ลุงจรัลขังเมียเขาไว้สิ ผมไม่เคยไปหาแพรอยู่แล้ว” ธนาจ้องลูกเขม็ง แต่ธนาธิปกลับดึงจานข้าวมาเบื้องหน้าแล้วลงมือรับประทานหน้าตาเฉย บงกชจึงลูบแขนสามีให้เย็นลงก่อน...
“บ่ายวันนี้ลองชุด ไม่เกินสองอาทิตย์งานแต่งจะจัดขึ้นที่บ้านเรา”
“งานแต่ง? จัดทำไม”
“พูดอะไรเกรงใจน้าภากับวีบ้างธาม” ธนาธิปโดนคนเป็นพ่อว่าให้ แต่เขากลับเหวี่ยงสายตาไปใส่หญิงสาวเสียอย่างนั้น
“อยากให้จดทะเบียนก็จดเงียบ ๆ ก็ได้ จะอะไรนักหนา”
“ประกาศให้บรรดาผู้หญิงของแกรู้ว่ามีเมียแล้วไง และก็ช่วยซื้อหน้าฉันกลับที่ลูกชายมันไม่ได้เรื่อง”
“อับอายขายขี้หน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ผู้หญิงมีนักหนาเสือกไปเป็นชู้..”
“คุณ!” บงกชยั้งสามีไม่ให้พูดเรื่องไม่น่าพูด
ธนาธิปถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ไม่คิดว่าการที่เขายังตัดแพรพลอยไม่ขาดมันจะเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนี้
“แต่งแล้ววีจะไปอยู่กับแกด้วย”
“จะยังไงก็ทำกันเลย บังคับกันขนาดนี้แล้ว”
“เรียนจบมาตั้งสามปีแล้วทำอะไรให้มันเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างเถอะ ยี่สิบห้าแล้วไม่ใช่ห้าขวบ”
“ทุกวันนี้ผมขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่มั้ยล่ะ” ธนามองขวับใส่ลูกชายอย่างฉุนเฉียว เขาเป็นพ่อที่ดุขนาดนี้แต่ธนาธิปไม่ยักจะกลัว ให้ลงการเมืองก็ไม่เอา ทำผับทำบาร์มันจะไปได้สักเท่าไร
“นภาจะย้ายมาอยู่กับป้าที่นี่ช่วงที่วีเป็นเมียธามนะ ป้าจะดูแลแม่แทนวีเอง”
“ค่ะ”
ตกค่ำมีช่างจากห้องเสื้อที่บงกชเป็นเจ้าของมาวัดสัดส่วนว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวถึงที่บ้าน
“เสร็จแล้วค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ” วิริศรายกมือไหว้สาวประเภทสองที่อายุมากกว่าเธอ ก่อนที่ในตอนนี้ห้องรับรองจะเหลือเพียงเขา และเธอที่ยังยืนทำหน้าไม่ถูก
“ไปทำท่าไหนแม่ถึงเอาเธอมายัดให้ฉันแบบนี้”
“วีไม่ได้ทำอะไรค่ะ ป้ากชมาคุยกับแม่ของวีเอง”
“...” ธนาธิปมองตามทุกกิริยาของหญิงสาว เธอแค่จะก้มหยิบกระเป๋าของเธอที่เขานั่งใกล้ยังทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง
“อยากเป็นลูกสะไภ้แม่ฉันแย่เลยสิ”
“ถ้าไม่อยากแต่งพี่ธามก็ดื้อกับป้ากชให้ได้สิคะ ส่วนวี...ไม่กล้าค่ะ” เธอจ้องดวงตาคมดุนั้นเพียงนิดเมื่อได้กระเป๋ามาแล้ว ก่อนจะเดินหนีราวไม่ได้สะทกสะท้านอะไร...ทั้งที่ความจริงแล้วมันตรงกันข้าม ‘คนอะไรน่ากลัวที่สุดแม้เขาเพียงแค่จ้องมอง’