กังเฉินเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยองครักษ์เสื้อแพรประจำพระองค์ของฮ่องเต้แห่งแคว้นหมิง ภายหลังฮ่องเต้ทรงเห็นว่าองครักษ์กังมีความสามารถยอดเยี่ยมเหมาะสมที่จะไปช่วยงานขององค์ชายสิบห้า พระอนุชาที่ทรงมอบหมายให้ดูแลกำกับการทำงานของสำนักมือปราบเมืองหลวง กังเฉินจึงกลายเป็นหัวหน้าองครักษ์ประจำพระองค์แห่งวังพยัคฆ์ขาว
กิตติศัพท์ในด้านการเป็นองครักษ์ผู้เคร่งขรึม เย็นชา ห้าวหาญและโหดเหี้ยมไม่เป็นรองผู้ใดในสำนักองครักษ์เสื้อแพร จะว่าไปก็ค่อนข้างสูสีกับสหายสนิทจงเหยียนที่เป็นมือทารุณกรรมผู้นั้น แต่สิ่งที่ทำให้สหายองครักษ์แห่งวังหลวงไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกสังกัดองครักษ์เสื้อแพรต่างอิจฉามิใช่เรื่องวรยุทธ์อันล้ำเลิศหรือรูปร่างหน้าตาที่ชวนให้สตรีหันมามองซ้ำ หากแต่เป็นคำเล่าลือที่ว่า....
“พวกเจ้ารู้หรือไม่? หญิงคณิกาไม่ว่าจะหยาดฟ้ามาดินในสำนักโคมเขียวใหญ่ๆ ในเมืองหลวงและหัวเมืองหากได้ปรนนิบัติกังเฉินครั้งหนึ่งแล้ว คราวต่อไปพวกนางแทบจะทอดกายถวายตัวให้เขาเลยทีเดียว อย่าพูดถึงเรื่องเงินทอง...พวกนางบอกว่าสำหรับองครักษ์กังแล้วไม่ต้องการแม้สักอีแปะหวังเพียงให้องครักษ์กังเมตตาหลับนอนกับพวกนางสักคืนก็พอแล้ว”
ถ้อยคำเหล่านี้ออกจากปากสหายองครักษ์วังหลวงผู้หนึ่งที่เคยติดตามกังเฉินไปปฏิบัติภารกิจที่เมืองฉู่จิ้ง คนผู้นั้นพบว่าโฉมงามของสำนักโคมเขียวที่นั่นเมื่อได้พบกงเฉินอีกครั้งล้วนเข้ามารุมล้อมและขอให้เขาเลือกนางไว้ปรนนิบัติ โดยพวกนางยอมที่จะไม่รับค่าตัวแม้สักน้อย
“แล้วกังเฉินทำอย่างไรเล่า?”
“หึ! เจ้าคนรูปงามเย่อหยิ่งผู้นั้นน่ะหรือ? ก็เอาแต่ยิ้มน้อยๆ แล้วก็ชี้นิ้วเลือกเอาไว้สามคนจากนั้นก็บอกเวลาที่จะเข้าห้องกับพวกนางตามลำดับน่ะสิ”
“ไอหยา! ร้ายกาจเสียจริง จากนั้นเล่า....”
เสียงรบเร้ารอบวงสุราให้ผู้เล่าเร่งให้ถึงตอนสำคัญทำเอาโต๊ะแทบคว่ำ เจ้าคนเมามายที่กำลังเล่าเรื่องอย่างเมามันรีบคว้าไหสุราเอาไว้ก่อน
“พวกเจ้าใจเย็นๆ กันหน่อยสิ ข้ากำลังจะเล่าต่ออยู่นี่!” คนเล่าเห็นคนรอฟังตาตั้งหูผึ่งกันทั่วหน้าก็หัวเราะหึๆ แสร้งยกถ้วยสุราขึ้นดื่มอีกคราหนึ่ง “ข้าตื่นเต้นกับเรื่องนี้มากจนมิได้เรียกหญิงใดมาปรนนิบัติเลย คอยจับตาดูกังเฉินเข้าห้องไปกับสตรีคนแรก พวกเจ้ารู้หรือไม่?”
“ไม่!” เสียงตอบออกมารอบวงสุราพร้อมๆ กัน
“เย้ย! พวกเจ้าอย่าข้าก่อกวนข้าสิ....ประเดี๋ยวข้าก็ไม่เล่าเสียหรอก”
สหายที่นั่งข้างๆ รีบตบบ่าคนเล่าแรงๆ “เร็วเข้า...กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เจ้าทำข้าเสียอารมณ์นะนี่”
“ข้ายืนเฝ้าอยู่หน้าห้องแรกได้ยินเสียงหญิงงามอันดับหนึ่งผู้นั้นร้องครวญครางเรียกชื่อกังเฉินแทบจะขาดใจ เสียงกระแทกกระทั้นจากในห้องดังจนข้าที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ยินชัดเจนจนแทบจะปล่อยออกมาด้วย”
เสียงฮือฮาของบุรุษรอบวงร่วมสิบคนต่างพึมพำกันด้วยความชื่นชม บ้างก็ว่ากังเฉินนับเป็นยอดบุรุษ บ้างก็ว่าอยากรู้เคล็ดลับของเขานัก บ้างก็สงสัยใคร่อยากไปแอบดูตอนกังเฉินปฏิบัติกิจบ้างว่าใช้ท่าทางและวิธีพิสดารเช่นไร? พอเสียงรอบข้างเงียบลง คนเล่าก็ค่อยขยับปากต่อ
“เกือบครึ่งชั่วยามเสียงในห้องเงียบลง ที่ข้าตกใจก็คือกังเฉินสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยออกมาแล้วตรงไปห้องที่สอง....ข้าก็ทั้งเมาทั้งเดินตามไป ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเหมือนห้องแรก นางทั้งครางทั้งขอร้องให้กังเฉินช่วยนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงตอนนั้นข้าแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว นึกอยากจะเรียกหญิงงามมาปรนนิบัติบ้างแต่ก็ยังข้องใจอยู่ว่าถึงห้องที่สามกังเฉินจะสู้ไหวได้อย่างไร?”
“เจ้าตามไปถึงห้องที่สามเลยหรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิ! ห้องที่สองกังเฉินใช้เวลาประมาณสามเค่อ (สี่สิบห้านาที) ก็เสร็จเรียบร้อย จากนั้นเขาก็เดินไปยังห้องที่สาม”
“บ๊ะ! ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!” เสียงบุรุษที่นั่งตรงข้ามคนเล่าเอ่ยขึ้น
“ห้องที่สามนี่สิ...ทำเอาข้าแทบสติกระเจิง”
“ทำไมหรือ?” เสียงร้องถามรอบข้างดังขึ้นพร้อมกัน
“ข้าได้ยินกังเฉินดุสตรีอีกคนที่มาแอบอยู่ข้างเตียง นางมิได้ถูกเลือกหากแต่ต้องการมาปรนนิบัติกังเฉินมาก จึงขอมาช่วยสตรีคนที่สาม”
“ไอหยา! ควบสองเลยหรือ?”
“ข้าก็ไม่เห็นนางออกมาเลยนะ ได้ยินเพียงเสียงร้องรัญจวนของนางสองคนสลับกันไปมา เกือบครึ่งชั่วยามกังเฉินก็แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินออกมา ตอนนั้นข้าที่ยืนเฝ้าหน้าประตูไม่รอช้ารีบชะโงกเข้าไปดูด้านใน ภาพที่ได้เห็นช่างเหลือเชื่อเสียจริง”
คนทั้งหมดที่กำลังฟังด้วยความระทึกใจ พอคนเล่าหยุดกะทันหันก็ร้องโวยวายหัวเสีย “เจ้าเห็นอะไรล่ะ? ปัดโธ่!”
“ให้ข้าดื่มอีกสักถ้วยก่อนไม่ได้หรือไร?”
“รีบว่ามาเถอะ ข้าฟังจบแล้วจะรีบไปหอโคมเขียวเดี๋ยวนี้ล่ะ”
“ที่ข้าเห็นคือสตรีสองคนนอนเปลือยกายไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียงน่ะสิ ข้ากำลังจะถามแต่กังเฉินกลับยกมือขึ้นห้ามแล้วก็ปิดประตูไว้ไม่ให้ข้าเข้าไป”
เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบทิศ เรื่องเล่าในวงสุราครั้งนี้กระจายไปในหมู่องครักษ์ทั่ววังหลวงในเวลาไม่นาน จากนั้นทุกครั้งที่มีผู้เอ่ยถึงหอคณิกาเรื่องนี้จะต้องถูกหยิบยกขึ้นมาอ้างอิง จนมีคำกล่าวว่า ‘เก่งกาจเหนือสตรีเยี่ยงกังเฉินจึงเป็นยอดบุรุษ’
เมื่อมีผู้นำเรื่องนี้ไปสอบถามเจ้าตัว เขาทำเพียงยกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยว่า
“เหลวไหล! เจ้าเชื่อเรื่องเล่าในวงสุราได้อย่างไรกัน?”
แม้เจ้าตัวคล้ายจะปฏิเสธแต่...มิได้ทำให้เรื่องนี้ลดทอนความร้อนแรงแต่อย่างใด ระยะหลังที่จงเหยียนได้ยินมาเรื่องราวพิสดารจนกลายเป็นกังเฉินมีหญิงคณิกาปรนนิบัติครั้งละสี่คน เมื่อกังเฉินได้ฟังสหายกลับมาถ่ายทอดข่าวลือให้ฟัง เขาก็เอาแต่หัวเราะหึๆ ในลำคอ
“นี่ล่ะนะข่าวลือ! สุดแท้แต่ผู้ใดจะสร้างให้มหัศจรรย์พันลึกอย่างไรก็ได้”
“กังเฉิน เจ้าไม่คิดจะปฏิเสธบ้างหรือ?”
“ข้าปฏิเสธไปแล้ว พวกเขามิได้ใส่ใจฟังนี่ อยากจะพูดแบบใดก็ให้พวกเขาพูดไปเถอะ”
สิ่งที่กังเฉินคาดไม่ถึงก็คือ...ยิ่งนานวันเข้า เรื่องของเขากลายเป็นเรื่องที่เล่าออกไปนอกวังกระทั่งมีหลายตระกูลได้ยินชื่อเขาแล้วไม่กล้าให้แม่สื่อนำรูปบุตรีของตนมาเสนอให้ตระกูลกังพิจารณาเป็นคู่ครองของกังเฉิน ในทางกลับกันชื่อของกังเฉินก็กลายเป็นที่ใฝ่ฝันของหญิงคณิกาทั่วแคว้นหมิง
....เป็นเช่นนี้แล้ว...ครอบครัวของกังเฉินก็ได้แต่หนักใจว่าจะหาคุณหนูตระกูลดีจากที่ใดที่จะยอมมาเป็นฮูหยินของกังเฉิน
**********************
ไรท์แนะนำ...นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นหลายเล่มๆ มารวมกันนะคะ เริ่มตอนแรก "รักของกังเฉิน" ค่ะ