20:40แฟนผมรุ่นพ่อ: lovelism1.

20:40แฟนผมรุ่นพ่อ: lovelism1.

book_age18+
295
FOLLOW
1.4K
READ
HE
age gap
heir/heiress
sweet
loser
detective
apocalypse
lies
secrets
actor
like
intro-logo
Blurb

"เจ้าบ่าว ธี ธารา จะรับเจ้าสาว กาล กมล เป็นภรรยาของคุณทั้งในยามทุกข์และยามสุขหรือไม่"

"รับครับ"

"เจ้าสาว กาล กมล คุณจะรับเจ้าบ่าว ธี ธารา เป็นสามีของคุณทั้งในยามทุกข์และยามสุขหรือไม่"

" ระ ระ รับครับ"

จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!

"จูบเลยหรอ"

"ใช่ไงครับ"

"ไม่ได้นะ"

"ทำไมจะไม่ได้ เราแต่งงานกันอยู่นะ"

“ธีก็รู้นี่ว่าน้าแต่งกับธีเพราะอะไร” กาลตัวสั่นลุกลิกช้อนสายตามองค้อนวงใหญ่ใส่เด็ก ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าบ่าวของตน

“เพราะพ่อธีให้น้ามาช่วยดูแลธีและธุรกิจนะ เราไม่ได้แต่งกันจริงๆ สักหน่อย" แค่เหตุผลเดียวที่ทำให้งานวันนี้เกิดขึ้น เจ้าเด็กอย่าได้คิดได้ใจ ในตาแสนหวานจ้องหน้าสามีใหม่เอี่ยมด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ ถ้าไม่อยู่ต่อหน้าแขกเจ้าเด็กรุ่นหลานอาจจะโดนก้านมะยมตีขา ไม่ใช่มายืนจ้องหน้า จ้องจะกินเขาแบบที่กำลังทำ

"เพราะงั้นเธออย่าแม้แต่จะคิด"

"คิด...แต่งกันแล้ว น้ากาลคือเมียผม"

"ตาธี!!...เราแต่งแค่เพราะงานพ่อเธอนะ"

"ใช่เหตุผลนี้จริงหรือที่กาลมาแต่งงานง่ายๆ”

"ก็ใช่น่ะสิเจ้าเด็กบ้า คิดว่าฉันมาเพราะหวั่นไหวกับหุ่นน่ากอดกับหน้าหล่อๆ ของนายหรือไง"

"ปากแข็ง"

"..."

"คนแก่ปากแข็งจะต้องโดนลงโทษน้ากาลรู้ไหมครับ"

น้ำเสียงแหบทุ้มกล่าวขณะที่ช้อนร่างของเจ้าสาวในวงแขน สายตาคู่คมมองคนในชุดสูทเจ้าสาวอย่างกรุ้มกริ่ม ว่ากันว่าสายตานั้นไม่เคยโกหก มันจะแสดงทุกอย่างที่เจ้าของคิด และในตอนนี้มันก็ฟ้องชัดเจนว่า ธี ธารา เจ้าของอ้อมกอดวัย20ปีกำลังคิดอะไร เมื่อกำลังจะโน้มตัวจูบคู่แต่งงาน ทำเอาเจ้าของร่างขาวผู้ได้ชื่อว่าเจ้าสาวถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก เขาคิดผิดไปหรือไม่ หรือว่านี่จะเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงในชีวิตใน40ปีของเขา ที่ตัดสินใจแต่งกับเด็กคนนี้

เด็กที่เป็นลูกของเพื่อนแถมยังเป็นเสมือนหลานชาย...

ด้วยว่าตกในสถานการณ์ อึดอัดทำให้กาลนึกโทษตัวเอง ตนไม่น่ารับปากจะแต่งงานกับเด็กคนนี้เลย...เพราะดูเหมือนว่าเขาจะรับมือแทบไม่ได้

#น้ากาลไม่ใช่น้า แต่เป็นเมีย...

ic_default
chap-preview
Free preview
ตอนที่1 คืนเข้าหอ
บ้านหลังใหญ่โตตั้งอยู่บนดินราคาแพงย่านใจกลางกรุง ทรงโมเดิน ตั้งเด่นกลางสนามหญ้าสีเขียวเป็นพรมเสมอตลอดทั้งสวน มีต้นไม้ให้ร่มเงาร่มรื่น แซมสลับด้วยพุ่มดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ และซุ้มลูกโป่งสีขาวสลับสีฟ้าอันเป็นพร็อบประจำงานแต่ง และแน่นอนว่ามันก็เป็นงานแต่งจริงๆ ของบ่าวสาวต่างวัย ที่ทำพิธีร่วมหอลงโรงกันในวันนี้ ภายในห้องโถงกว้างของบ้าน กำลังดังสนั่นด้วยเสียงร้องเชียร์จากแขกในงานพร้อมเพรียงกันว่า'จูบเลย'เพื่อยุยงคู่บ่าวสาวให้โชว์สวีทหวานตามธรรมเนียมแบบตะวันตก เจ้าบ่าวตัวสูงในวัยละอ่อนกำลังยิ้มเขินทว่ายังคงความนิ่ง ไม่ลุกลี้ลุกลนเกินไป แม้ในใจจะตื่นเต้นจนแทบก้าวขาไม่ออก เขามีรูปร่างหน้าตาดีมาก จัดว่าหล่อเหลาตรงใจใครหลายคน เอียงใบหน้าคมคายขยับเข้าไปใกล้เจ้าสาวอีกหน่อย ดวงตาจับจ้องริมฝีปากบางตรงหน้าราวกับว่าเริ่มล็อกเป้าเพื่อเตรียมจะมอบจูบให้อีกคนตามที่เสียงพยานในงานกู่ร้อง  จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย! ส่วนทางเจ้าสาวเพศชายในขุดสีขาวกลับมีแววหน้าตื่นตระหนก ดวงตาเบิกโพลงอย่างตกอกตกใจ ใบหน้าหวานเลิ่กลั่กวางสีหน้าไม่ถูก เหมือนไม่คาดคิดว่าจะพบเจอเหตุการณ์น่าขนลุกเช่นตอนนี้ สองขาค่อยๆ ขยับถอยหนีเพื่อเว้นระยะการตั้งรับเหตุที่เกิดขึ้น เขาช่างเป็นเจ้าสาวที่ทำตัวแปลกแยกซะจริง แทนที่จะก้าวเท้าเข้าหาเจ้าบ่าวผู้หล่อเหลา เจ้าตัวกลับทำเหมือนว่าไม่อยากให้เข้าใกล้ "ธ ธี จะทำอะไร" กาล กมลถามเจ้าบ่าววัยละอ่อนด้วยอาการหวาดผวา เมื่อเจ้าเด็กตัวสูงย่างก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ซ้ำยังใช้อ้อมแขนตวัดรวบเอวเข้ามาประคองไว้หลวมๆ  "ธีก็จะจูบเจ้าสาวของธี...น้ากาลมีปัญหาอะไรครับ" "ต แต่…แต่เราแค่แต่งกันแค่เป็นพิธีการนะ น้าไม่ใช่จะเป็นเมียเธอจริงๆ ซะหน่อย ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดก็ได้" ดวงตาเรียวสวยกวาดมองด้วยแววตื่นตระหนกนี่มันอะไรกันทำไมต้องมีเรื่องแบบนี้ด้วยนะ "น้าทำไม่ได้" กาล กมลส่ายหน้ายึกๆ ยืนการจะไม่บ้าจี้ทำตามคำบอกของคนในงานนี้แน่นอน แต่ธีกลับยิ้มกริ่มไม่ได้ใส่ใจกับอาการตื่นกลัวของคนในอ้อมแขน และเขาก็ไม่ได้เชื่อคำยุยงของใครด้วย ที่บอกว่าจะจูบก็เพราะมันเป็นความต้องการของเขาแต่แรกแล้ว  สองแขนเจ้าบ่าวตัวสูงกระชับเอวบางเข้าแนบชิดลำตัว ทำให้เจ้าสาวขยับตัวหนีไม่ได้อีก ใบหน้าหล่อคมค่อยๆ โน้มลงตัวไปใกล้ใบหน้าหวานของอีกฝ่าย จนทำให้กาล-กมลรู้สึกกายร้อนผ่าว ลมหายใจอุ่นๆ แผ่ซ่านมาสัมผัสที่ปลายจมูกเชิดรั้นจนต้องรีบเอียงหน้าหนี แต่กับช้าเกินไป ด้วยความเร็วของเด็กเจ้าเล่ห์ รีบแตะรีบฝีปากมาประกบจูบดักทางไว้ทัน ปากเรียวระเรื่อด้วยลิปสติกสีอ่อนเลยถูกคู่แต่งงานอายุน้อยขโมยจูบไปเป็นของตัวเอง อย่างหน้าไม่อาย อุ๊ก! เจ้าเด็กบ้านี่ กาล กมลดิ้นอยู่ครู่หนึ่งเมื่อรู้ว่าไม่ได้ผลจึงยอมโอนอ่อนคล้อยตาม ปล่อยให้เด็กบ้าทำตามอำเพอใจ พร้อมกันนั้นคนในงานก็ส่งเสียงปรบมือกันเกรียวกราวราวกับว่ารอชมแค่ภาพนี้ ทั้งโห่ร้องผิวปากแซวเหมือนกับได้มาจูบเจ้าบ่าวเองเสียอย่างนั้น คนจูบก็ฉวยโอกาสเอาเปรียบคนอายุมากด้วยการจาบจ้วงลิ้นอุ่นเข้าไปลุกล้ำถึงภายใน ฉกชิงเอาลมหายใจของกาล กมลมาเป็นของตัวเองเสียสิ้น จูบเนิ่นนานกระทั่งอีกคนดิ้นลุกลิกผินหน้าหนี จนถูกหยิกต้นแขนเข้า ธีจึงยอมผละปากออกจากกาล กมล เจ้าเด็กดื้อทำสีหน้าอ้อยอิ่งอย่างเสียดาย คนถูกจูบราวกับถูกดูดวิญญาณไป เกิดอาการแขนขาอ่อนแรงทรุดลงไปกองกับพื้น เจ้าสาววัยเช่นเขาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ แต่ไม่เคยถูกจูบพอถูกเจ้าเด็กนี่ทำก็หมดท่าเสียทีไปอย่างไร้ทางต่อต้าน หัวของกาลหมุนติ้วในทันที ภายในอกยังเต้นโครมครามไม่หยุด 'จูบครั้งแรก' มันรู้สึกแปลกประหลาดเหลือเกิน ทั้งร้อนผ่าวราวกับจะหลอมละลายเขาเป็นของเหลว ทั้งร้อนแรงดังไฟแผดเผาเหมือนคนจะเป็นบ้า เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจ แต่ก็ไม่อาจจะบอกได้ว่ารู้สึกดี ขณะตอนนี้เขายังตัวสั่นสติไม่กลับคืนมาอยู่กับตัวเลย เด็กธี ธารา เล่นแรงไปจริงๆ กาล กมลมองค้อนที่เจ้าบ่าวอายุคราวลูกอย่างต่อว่าผ่านสายตา แต่เขากลับได้สายตาหวานเยิ้มน่าขนลุกตอบกลับมา จนแทบอยากถวายไม้เรียวที่ขาสักทีให้เลือดซิบ ถึงปีนี้กาลกมลอายุจะปาเข้า40ปีแล้ว แต่ชายหนุ่มยังดูอ่อนเยาว์ราวกับวัย20ปีปลายๆ ด้วยรูปร่างเล็กบาง ผิวขาวเนียนใสไร้ริ้วรอย ทั้งใบหน้าหวานๆ นั่นอีก ใครจะเชื่อเล่าว่าชายสวยคนนี้ล่วงสู่วัยกลางคน ผ่านมาถึง40ฤดูกาลแล้ว ส่วนเจ้าบ่าวตัวสูงข้างกันนั้นมีชื่อว่าธี ธารา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตรีภพ เพื่อนรักของกาล ธีเป็นหนุ่มหล่อหุ่นนายแบบ ที่สาวๆ ทุกคนใฝ่ฝันอยากได้เป็นแฟน ในตอนนี้เขาอายุได้เพียง20ปี แต่เพราะเหตุผลหลายอย่าง ทำให้กาลจำต้องทำตามคำสั่งเสียของเพื่อนก่อนตาย ขอให้แต่งงานกับธีเพื่อเข้ามาจัดการดูแลธุรกิจ เพราะเจ้าธียังไม่มีความสามารถในการบริหาร "ถ้าเราตาย ตาธีไม่เหลืออะไรแน่ๆ กาลก็รู้ว่าพวกญาติๆ เรามันมีแต่แร้งกาทั้งนั้น" "เราเข้าใจ แต่จะให้แต่งกับหลานนี่นะ!" "แค่ในนามเท่านั้นล่ะกาล ช่วยอยู่กับเขาจนกว่าเขาจะยืนได้ ได้ไหม?"  ใบหน้าขาวมีลังเล ในคำขอของเพื่อนหากแต่เป็นคำขอสุดท้าย กาลจำต้องรับปากรับคำ "อือ ก็ได้เราจะช่วยดูแลธีให้ ภพไม่ต้องห่วงนะ" อย่างไงเสียตนก็มองธีเป็นเด็กคนหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น แค่เดินเข้าพิธีแล้วไปเขียนทะเบียนสมรสก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร  "นี่ธี! พิธีจบแล้วเธอห่างๆ น้าหน่อยจะได้ไหม?"กาลกระซิบเสียงเบาบอกเจ้าบ่าวตัวสูงที่ตามติดเขายิ่งกว่าเงาแม้พิธีแต่งงานจบลงแล้ว  "ไม่ได้ครับ...เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว กาลอย่าเรียกธีแบบนั้นสิครับ" "เธอต่างหาก ทำไมเรียกน้าแบบนี้" "คำว่าน้ามันหายไปไหน" "หายไปตอนเราจดทะเบียนสมรสไงครับ" "ธี!!" กาล กมล ถอนใจระอา ก็ถึงแม้เขาจะอธิบายกับธีมาตลอดว่าทำไมถึงแต่งงานกัน แต่เจ้าเด็กนี่กลับไม่คิดจะรับฟัง ยังทำราวกับว่าเขาเป็นภรรยาจริงๆ เด็กหนอเด็ก..แต่ช่างเถอะ หวังว่าสักวันคงจะเลิกคิดไปเองก็แล้วกันนะ ที่สุดกาลหาทางผละจากธีไปได้ ด้วยเหลี่ยมผู้ใหญ่ที่แพรวพราวกว่า แต่นายเจ้าบ่าวเห็นดังนั้นก็ยินดีจะปล่อยให้ก่อน เพราะคืนนี้ต่างหากที่เข้าจะตีป้อมของจริง ที่ห้องหอ หลังจากจบงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวข้าวใหม่ปลามันก็ถูกส่งเข้าหอตามธรรมเนียม กาลยืนเก้กังทำตัวไม่ถูก ต่างจากธีที่นั่งจ้องกาลอย่างกดดัน ตบเตียงดังปุกๆ ให้มานั่งลงข้างๆ แต่กาล กมลผู้เคยใช้ชีวิตเพียงลำพังมาตลอด ย่อมมีอิสระในการใช้ชีวิต จะใส่กางเกงหัวยืดนอนน้ำลายไหลยังไงก็ไม่มีใครมารู้เห็น วันนี้ต้องมาแชร์เตียงนอนกับผู้ชายอีกคน แถมได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี พลันก่อเกิดความรู้สึกเหมือนถูกช่วงชิงอิสรภาพจากไป เขากระอักกระอ่วนจนไม่อาจจะนิ่งสุขุมได้เหมือนเคย ลุกลี้ลุกลนเหมือนคนป่วยไข้ "เอ่อ…น้าว่า แยกห้องนอนเถอะ แบบนี้ไม่เห็นจำเป็นเลย "กาลตัดสินใจ เพียงคำพูดเท่านั้นของอีกคน ก็ทำเจ้าบ่าวธีรู้สึกคันยุบยิบในอกข้างซ้าย มันได้เหรอสามี-ภรรยามาแยกห้องนอนตั้งแต่คืนเข้าหอเนี่ยนะ จากที่นั่งกอดหมอนข้างจ้องมองกาลด้วยแววตากรุ้มกริ่ม กลับโยนมันทิ้งอย่างไม่ไยดีก่อนจะลุกขึ้นไปลากเจ้าสาวมานั่งลงข้างๆ ไม่แค่นั้นธียังไม่พอเขาผลักให้กาลนอนหงายแผ่นหลังแนบชิดเตียงนุ่ม พลางพาร่างใหญ่โตเคลื่อนขึ้นคร่อมร่างคนตัวบางทันที "กาลว่าอะไรนะครับ"ให้โอกาสพูดใหม่ ช้อนสายตาแพรวพราวจ้องจะเคลมกาลอย่างไม่ปกปิด "ย แยก…ห้อง" "ยังจะพูดอีก ยังไม่ทันได้เข้าหอกันเลย มาแยกห้องนอนมันไม่ถูกนะครับ ผมว่าเราควรจะเข้าหอตามพิธีการนะ จะได้ถูกต้องตามหลักจารีตประเพณี หากน้ากาลจะหนีไปนอนอีกเกิดเรื่องอาเพศกับคู่เราจะทำยังไง เรามาสานต่อจากตอนหัวค่ำดีกว่า"  "สานไหน!? ต่อจากไหน!?"กาลร้องเสียงหลง ดิ้นลุกลิกพลิกตัวหนีเจ้าเด็กบ้า แต่หนียังไงก็สู้แรงคนที่ตัวโตกว่าไม่ได้เลย ธีล็อกสองแขนบางขึ้นไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะกล่าวอย่างหน้าไม่อาย "ก็มาสานต่อหน้าที่บ่าวสาวจากจูบยังไงล่ะครับ"ว่าจบ ธีก็ก้มลงมาหวังจะประทับริมฝีปากลงที่เดิม แต่กาลรีบเอี่ยวตัวหลบ ไม่ยอมให้นายธีได้ทำมันอีกรอบ ไอ้คราวนั้นที่ยอมเพราะต้องรักษาหน้าหรอกนะ แต่นี่มันสองต่อสอง ยังไงกาลก็ไม่มีทางให้เด็กเกเรได้เล่นพิเรนทร์แบบนั้นอีกแล้ว "ทำแบบนี้กับน้าไม่ได้นะธี มันไม่ควร" "อะไรคือไม่ควร? เราแต่งงานกันแล้วนะ จดทะเบียนแล้วด้วย"ธีท้วงติงเสียงแอบงอแง "ธีก็รู้ว่าเราแต่งเพราะอะไร" "กาลครับ…ธีจริงจังนะ" "น้าไม่ตลกนะ" "ธีบอกว่าธีจริงจัง กาลไม่รู้หรือไงว่าธีรู้สึกยังไงกับกาล" "เธอยังเด็ก" "อย่ามาอ้างคำนั้น"ดวงตาของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เขาแสลงหูเหลือเกินกับคำพูดประเมินเขาน้อยไป "คำว่าเด็กมันเป็นคำพูดสูตรสำเร็จของพวกคนเกิดก่อนเหรอครับ ผมเกิดทีหลังแล้วไง แปลว่าผมต้องเป็นเด็กแบบที่คิดอย่างงั้นเหรอ"ธีต่อว่าเสียงไม่ค่อยพอใจ กาลรู้สึกเหนื่อยมากที่ต้องมารบกับธี เขาไม่เคยฟัง และไม่เข้าใจอะไรเลย นอกจากความคิดของตน"น้าจะบอกอีกทีนะธี ฟังชัดๆ แล้วจำเอาไว้ เราแต่งงานกันเพราะงานที่ภพฝากเอาไว้ ธีอย่าสับสนคิดเรื่องอื่น ที่น้าแต่งกับธีเพราะภพขอนะ"  "……" "ออกไปจากตัวน้าได้แล้ว เหนื่อยมาทั้งวัน เธอก็ไปหานอนเถอะ น้าจะไปนอนห้องอื่น" ธียอมผละออกอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มรู้ว่าพ่อคือรักแรกและรักเดียวของกาล แต่เขาก็ยังคาดหวังอยู่เสมอว่ากาลจะมองมาที่เขาบ้าง คืนนั้นกาลนอนไม่หลับ จึงลุกไปที่ห้องเก็บอัฐิของตรีภพ ด้วยรู้สึกเหมือนเขายังมีชีวิตอยู่ นิ้วเรียวลูบโถเงินด้วยความรู้สึกอาลัยอาวอนหา คิดถึงช่วงเวลาที่เรายังอยู่ด้วยกันจับหัวใจ พลันก้อนร้อนๆ ก็ไหลมาจุกที่คอจนทำให้กลืนน้ำลายลำบาก ราวกับความทรงจำสมัยเก่าวกกลับมา "นี่ภพ อยู่ทางนั้นเป็นไงบ้าง สุขสบายดีไหม กาลยังคงคิดถึงภพนะ อ้อ! ลูกชายเธอดื้อมากนะเราจะฟ้อง" "..." "เฮ้อออ..คิดถึงเธอจัง ไม่รู้ตอนนี้ เธอจะคิดถึงเราเหมือนกันหรือเปล่า" "..." "ดูสิ ตอนนี้เราเป็นสะใภ้ภพล่ะ ไอ้คุณพ่อตา ถึงตอนนี้ก็สบายใจได้แล้วนะว่าตาธีจะไม่มีคนดูแล เพราะเราจะช่วยตาธีทุกอย่างเอง"กาลพูดไปก็ลูบโถอัฐิไปพลาง อย่างกับว่าได้สัมผัสคนที่ไม่อยู่แล้วอย่างนั้น "เสียดายเนอะ ถ้าเราสารภาพกับนายเร็วกว่านั้น…"ที่ตรงนั้นคงเป็นเราที่ยืนอยู่ กาลนึกย้อนไปถึงอดีต วันที่พวกเขาไปดูหนังด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างรู้ถึงใจของอีกฝ่าย และเป็นวันที่กาลตัดสินใจจะสารภาพรัก แต่ตรีภพชิงหักเสียก่อน "ภพทำผู้หญิงท้อง" กาล กมลเหมือนวิญญาณหลุดลอย ประโยคมากมายต่อจากนั้นแทบฟังไม่ได้ยิน รู้ตัวอีกที เขาก็ได้มายืนรดน้ำสังข์ให้เจ้าบ่าว เฝ้ามองเพื่อนรักเติบโตอยู่ไกลๆ "เราจะดูแลตาธีแทนภพเอง หลับให้สบายนะ ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว" "แต่จะว่าไป เจ้าลูกชายของภพเนี่ยก็ซนจริงๆ เลยนะ"กาลเอามือแตะที่ริมฝีปาก นึกถึงสัมผัสอ่อนนุ่มและเปียกแฉะ รสจูบที่…ทำให้รู้สึกแปลกๆ อีกฝั่งธีที่คงนอนไม่หลับเช่นกัน ชายหนุ่มจึงมาหาพ่อเหมือนเช่นทุกวัน มือแข็งแรงเอื้อมเปิดประตูเข้ามา ทันทีที่เผยให้เห็นร่างกาล ที่กำลังยืนจ้องมองโหลอัฐิตรีภพอยู่  พวกเขาสองคนนี้เหมือนกันจริงๆ พอมีเรื่องทุกใจอะไรก็วิ่งหาตรีภพก่อนตลอด หากเจ้าตัวยังมีชีวิตอยู่ คงได้บ่นว่า เห็นกันเป็นหมอจิตแพทย์ไปได้ "ธีเหรอ?" กาล กมลหันไปเมื่อรู้สึกว่าถูกสายตาใครสักคนมองอยู่ เจ้าของชื่อพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดยืนใกล้ๆ  "กาลก็มาหาพ่อเหมือนกันเหรอ...ขอโทษนะธีไม่รู้เลยมากวน" "ไม่เป็นไรหรอก ธีจะคุยกับภพเหรอ พอดีเลยน้าจะกลับห้องแล้ว"ว่าจบก็เบี่ยงตัวหลบเดินออกไป ธีจึงคว้าแขนไว้ได้ทัน เกิดความอึดอัดขึ้นครู่หนึ่ง เมื่อกาลไม่กล้าหันมาสบตาธีอีก "..." "อยู่ก่อนก็ได้ครับ...ธีจะคุยกับพ่อนิดหน่อย เดี๋ยวไปส่งที่ห้อง" "อ้อ อืมก็ได้" ทั้งที่ก่อนหน้าที่จะแต่งงานกันพวกเขาก็สนิทกันดีแท้ๆ กาลกล้ามอง กล้าสบตา กล้าที่จะใกล้ชิดกับธีมากกว่านี้ แต่วันนี้มีบางอย่างเปลี่ยนไป กาลรู้สึกได้ว่ามันหลังจากที่กาลถูกธีจูบเมื่อตอนเข้าพิธี "พ่อ...ธีกับน้ากาลทำตามที่พ่อบอกแล้วนะ เราแต่งงานกันแล้ว" หากจะว่าตามตรงก็คือเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามที่พ่อปรารถนา แค่มีอย่างเดียวเท่านั้นที่มันเป็นปัญหาของธี จึงแบกหน้ามาหาพ่อกลางดึกเขาคงไม่สามารถหาทางแก้มันได้แน่นอน นั่นคือ...เจ้าสาวของเขาไม่ยอมเข้าหอนี่แหละ...เขารักกาลกมลแทบจะใจขาดตาย เฝ้ารอวันนี้มานับสิบปี แต่พอได้แต่งจริงๆ เจ้าสาวของเขากลับไม่ยอมใช้เตียงร่วมดันด้วยซ้ำ หลังจากเดินไปส่งกาลกมลที่ห้องอีกฝั่ง ธีก็กลับมานอนที่ห้องของตนที่จัดไว้เป็นห้องหอ วันนี้มันเวิ้งว้างเสียยิ่งกว่าการอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตเพียงลำพัง ทั้งที่มันคือห้องหอแท้ๆ แต่ปราศจากเงาเจ้าสาวเสียได้ กลีบกุหลาบแดงและขาวถูกโปรยบนเตียงเป็นรูปหัวใจที่ใช้มือสะบัดผ้าห่มครั้งเดียวทำให้มันกระจายไปทั่วพื้นอย่างไม่อาลัยอาวอน มันช่างดูไร้ราคาเมื่อไม่มีเจ้าสาวมานอนข้างๆ ตรงนี้ ธีคิดมากจนพาลให้นอนไม่หลับ จึงต้องแชทคุยกับไอ้สองแฝด เพื่อนที่พึ่งพาอะไรไม่ค่อยได้ ห้องแชทลับสามทหารเสือ ธี:นอนกันยังวะ ตี๋:ยาง เต้:มีหน้ามาคุยแชทได้นะมึง ไม่เข้าหออ่อ ธี:ก็เรื่องนี้แหละ ตี๋:อย่าบอกว่าทำไม่เป็น เต้:ห่าตี๋ กูบอกแล้วให้เทรนมันก่อน ตี๋: ใครจะคิดว่าหล่อเท่อย่างมันจะอ่อนขนาดนี้วะ ธี :ไม่ใช่โว๊ย ฟังกันมั้งดิ เต้: อะ ว่ามา ธี: กาลเขา…ทิ้งกูนอนคนเดียว เต้: อ่าว ตี๋: ไหงงั้น ธี: กูก็ไม่รู้ เต้: คนแก่นี่เข้าใจยาก ธี: ตบปากสามที อย่ามาว่ากาลกู เต้: อะ โทษๆ ตี๋: แล้วเขาบอกเปล่าว่าทำไม ธี: …… ธี:ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าที่กาลทำไปเพราะพ่อวานให้ช่วยดูแลกิจการ แต่คนเราอ่ะ ถ้าไม่มีใจให้สักหน่อย จะกล้าแต่งงานกันหรอ ธี: เขาคงคิดว่ากูล้อเล่นมั้ง เห็นชอบพูดจัง คำก็ว่าเด็ก สองคำก็ว่าอย่ามาล้อเล่น เต้: จับทุบลากเข้าห้องเลยแบบนี้ ธี :ไอ้นี่ แนะนำแต่ละอย่าง ตี๋: งั้นมีทางเดียวที่พอจะเห็นแสงสว่าง ธี: คือ? ตี๋ :มึงก็จีบเขาให้ติดสิ เต้ :จีบเมียตัวเอง ฟังแล้วกูขำ คนอื่นเขามีแต่จีบก่อนแต่ง ไอ้นี่จีบหลังแต่ง กูว่าซั่มแล้วค่อยจีบจะรวดเร็วกว่า ธี :มึงนี่ ยุแต่ให้กูทำบาป เดี๋ยวกาลของกูเสียใจมึงรับผิดชอบยังไง เต้: กูบวชให้พรรษาหนึ่งเลยเอ้า ธี:ไอ้…เฮ๊ย สรุปกูเอาอย่างไอ้ตี๋ว่าแล้วกัน พวกมึงก็คอยช่วยแนะนำกูด้วยนะ เกิดมาไม่เคยจีบใครซะด้วย กูทำไม่เป็น เต้: เสียดายหำมึงมากเลยเพื่อน ตี๋ :ก็แต่เล็กจนโตเอาแต่หมกมุ่นแต่กับน้ากาลๆ ไง ธี :ก็กูรักของกู เต้: จ้า พ่อคนรักมั่น *********** บ้านหลังใหญ่โตตั้งอยู่บนดินราคาแพงย่านใจกลางกรุง ทรงโมเดิน ตั้งเด่นกลางสนามหญ้าสีเขียวเป็นพรมเสมอตลอดทั้งสวน มีต้นไม้ให้ร่มเงาร่มรื่น แซมสลับด้วยพุ่มดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ และซุ้มลูกโป่งสีขาวสลับสีฟ้าอันเป็นพร็อบประจำงานแต่ง และแน่นอนว่ามันก็เป็นงานแต่งจริงๆ ของบ่าวสาวต่างวัย ที่ทำพิธีร่วมหอลงโรงกันในวันนี้ ภายในห้องโถงกว้างของบ้าน กำลังดังสนั่นด้วยเสียงร้องเชียร์จากแขกในงานพร้อมเพรียงกันว่า'จูบเลย'เพื่อยุยงคู่บ่าวสาวให้โชว์สวีทหวานตามธรรมเนียมแบบตะวันตก เจ้าบ่าวตัวสูงในวัยละอ่อนกำลังยิ้มเขินทว่ายังคงความนิ่ง ไม่ลุกลี้ลุกลนเกินไป แม้ในใจจะตื่นเต้นจนแทบก้าวขาไม่ออก เขามีรูปร่างหน้าตาดีมาก จัดว่าหล่อเหลาตรงใจใครหลายคน เอียงใบหน้าคมคายขยับเข้าไปใกล้เจ้าสาวอีกหน่อย ดวงตาจับจ้องริมฝีปากบางตรงหน้าราวกับว่าเริ่มล็อกเป้าเพื่อเตรียมจะมอบจูบให้อีกคนตามที่เสียงพยานในงานกู่ร้อง จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย! ส่วนทางเจ้าสาวเพศชายในขุดสีขาวกลับมีแววหน้าตื่นตระหนก ดวงตาเบิกโพลงอย่างตกอกตกใจ ใบหน้าหวานเลิ่กลั่กวางสีหน้าไม่ถูก เหมือนไม่คาดคิดว่าจะพบเจอเหตุการณ์น่าขนลุกเช่นตอนนี้ สองขาค่อยๆ ขยับถอยหนีเพื่อเว้นระยะการตั้งรับเหตุที่เกิดขึ้น เขาช่างเป็นเจ้าสาวที่ทำตัวแปลกแยกซะจริง แทนที่จะก้าวเท้าเข้าหาเจ้าบ่าวผู้หล่อเหลา เจ้าตัวกลับทำเหมือนว่าไม่อยากให้เข้าใกล้ "ธ ธี จะทำอะไร" กาล กมลถามเจ้าบ่าววัยละอ่อนด้วยอาการหวาดผวา เมื่อเจ้าเด็กตัวสูงย่างก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ซ้ำยังใช้อ้อมแขนตวัดรวบเอวเข้ามาประคองไว้หลวมๆ "ธีก็จะจูบเจ้าสาวของธี...น้ากาลมีปัญหาอะไรครับ" "ต แต่…แต่เราแค่แต่งกันแค่เป็นพิธีการนะ น้าไม่ใช่จะเป็นเมียเธอจริงๆ ซะหน่อย ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดก็ได้" ดวงตาเรียวสวยกวาดมองด้วยแววตื่นตระหนกนี่มันอะไรกันทำไมต้องมีเรื่องแบบนี้ด้วยนะ "น้าทำไม่ได้" กาล กมลส่ายหน้ายึกๆ ยืนการจะไม่บ้าจี้ทำตามคำบอกของคนในงานนี้แน่นอน แต่ธีกลับยิ้มกริ่มไม่ได้ใส่ใจกับอาการตื่นกลัวของคนในอ้อมแขน และเขาก็ไม่ได้เชื่อคำยุยงของใครด้วย ที่บอกว่าจะจูบก็เพราะมันเป็นความต้องการของเขาแต่แรกแล้ว สองแขนเจ้าบ่าวตัวสูงกระชับเอวบางเข้าแนบชิดลำตัว ทำให้เจ้าสาวขยับตัวหนีไม่ได้อีก ใบหน้าหล่อคมค่อยๆ โน้มลงตัวไปใกล้ใบหน้าหวานของอีกฝ่าย จนทำให้กาล-กมลรู้สึกกายร้อนผ่าว ลมหายใจอุ่นๆ แผ่ซ่านมาสัมผัสที่ปลายจมูกเชิดรั้นจนต้องรีบเอียงหน้าหนี แต่กับช้าเกินไป ด้วยความเร็วของเด็กเจ้าเล่ห์ รีบแตะรีบฝีปากมาประกบจูบดักทางไว้ทัน ปากเรียวระเรื่อด้วยลิปสติกสีอ่อนเลยถูกคู่แต่งงานอายุน้อยขโมยจูบไปเป็นของตัวเอง อย่างหน้าไม่อาย อุ๊ก! เจ้าเด็กบ้านี่ กาล กมลดิ้นอยู่ครู่หนึ่งเมื่อรู้ว่าไม่ได้ผลจึงยอมโอนอ่อนคล้อยตาม ปล่อยให้เด็กบ้าทำตามอำเพอใจ พร้อมกันนั้นคนในงานก็ส่งเสียงปรบมือกันเกรียวกราวราวกับว่ารอชมแค่ภาพนี้ ทั้งโห่ร้องผิวปากแซวเหมือนกับได้มาจูบเจ้าบ่าวเองเสียอย่างนั้น คนจูบก็ฉวยโอกาสเอาเปรียบคนอายุมากด้วยการจาบจ้วงลิ้นอุ่นเข้าไปลุกล้ำถึงภายใน ฉกชิงเอาลมหายใจของกาล กมลมาเป็นของตัวเองเสียสิ้น จูบเนิ่นนานกระทั่งอีกคนดิ้นลุกลิกผินหน้าหนี จนถูกหยิกต้นแขนเข้า ธีจึงยอมผละปากออกจากกาล กมล เจ้าเด็กดื้อทำสีหน้าอ้อยอิ่งอย่างเสียดาย คนถูกจูบราวกับถูกดูดวิญญาณไป เกิดอาการแขนขาอ่อนแรงทรุดลงไปกองกับพื้น เจ้าสาววัยเช่นเขาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ แต่ไม่เคยถูกจูบพอถูกเจ้าเด็กนี่ทำก็หมดท่าเสียทีไปอย่างไร้ทางต่อต้าน หัวของกาลหมุนติ้วในทันที ภายในอกยังเต้นโครมครามไม่หยุด 'จูบครั้งแรก' มันรู้สึกแปลกประหลาดเหลือเกิน ทั้งร้อนผ่าวราวกับจะหลอมละลายเขาเป็นของเหลว ทั้งร้อนแรงดังไฟแผดเผาเหมือนคนจะเป็นบ้า เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจ แต่ก็ไม่อาจจะบอกได้ว่ารู้สึกดี ขณะตอนนี้เขายังตัวสั่นสติไม่กลับคืนมาอยู่กับตัวเลย เด็กธี ธารา เล่นแรงไปจริงๆกาล กมลมองค้อนที่เจ้าบ่าวอายุคราวลูกอย่างต่อว่าผ่านสายตา แต่เขากลับได้สายตาหวานเยิ้มน่าขนลุกตอบกลับมา จนแทบอยากถวายไม้เรียวที่ขาสักทีให้เลือดซิบ ถึงปีนี้กาลกมลอายุจะปาเข้า40ปีแล้ว แต่ชายหนุ่มยังดูอ่อนเยาว์ราวกับวัย20ปีปลายๆ ด้วยรูปร่างเล็กบาง ผิวขาวเนียนใสไร้ริ้วรอย ทั้งใบหน้าหวานๆ นั่นอีก ใครจะเชื่อเล่าว่าชายสวยคนนี้ล่วงสู่วัยกลางคน ผ่านมาถึง40ฤดูกาลแล้ว ส่วนเจ้าบ่าวตัวสูงข้างกันนั้นมีชื่อว่าธี ธารา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตรีภพ เพื่อนรักของกาล ธีเป็นหนุ่มหล่อหุ่นนายแบบ ที่สาวๆ ทุกคนใฝ่ฝันอยากได้เป็นแฟน ในตอนนี้เขาอายุได้เพียง20ปี แต่เพราะเหตุผลหลายอย่าง ทำให้กาลจำต้องทำตามคำสั่งเสียของเพื่อนก่อนตาย ขอให้แต่งงานกับธีเพื่อเข้ามาจัดการดูแลธุรกิจ เพราะเจ้าธียังไม่มีความสามารถในการบริหาร "ถ้าเราตาย ตาธีไม่เหลืออะไรแน่ๆ กาลก็รู้ว่าพวกญาติๆ เรามันมีแต่แร้งกาทั้งนั้น" "เราเข้าใจ แต่จะให้แต่งกับหลานนี่นะ!" "แค่ในนามเท่านั้นล่ะกาล ช่วยอยู่กับเขาจนกว่าเขาจะยืนได้ ได้ไหม?" ใบหน้าขาวมีลังเล ในคำขอของเพื่อนหากแต่เป็นคำขอสุดท้าย กาลจำต้องรับปากรับคำ "อือ ก็ได้เราจะช่วยดูแลธีให้ ภพไม่ต้องห่วงนะ" อย่างไงเสียตนก็มองธีเป็นเด็กคนหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น แค่เดินเข้าพิธีแล้วไปเขียนทะเบียนสมรสก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร "นี่ธี! พิธีจบแล้วเธอห่างๆ น้าหน่อยจะได้ไหม?"กาลกระซิบเสียงเบาบอกเจ้าบ่าวตัวสูงที่ตามติดเขายิ่งกว่าเงาแม้พิธีแต่งงานจบลงแล้ว "ไม่ได้ครับ...เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว กาลอย่าเรียกธีแบบนั้นสิครับ" "เธอต่างหาก ทำไมเรียกน้าแบบนี้" "คำว่าน้ามันหายไปไหน" "หายไปตอนเราจดทะเบียนสมรสไงครับ" "ธี!!" กาล กมล ถอนใจระอา ก็ถึงแม้เขาจะอธิบายกับธีมาตลอดว่าทำไมถึงแต่งงานกัน แต่เจ้าเด็กนี่กลับไม่คิดจะรับฟัง ยังทำราวกับว่าเขาเป็นภรรยาจริงๆ เด็กหนอเด็ก..แต่ช่างเถอะ หวังว่าสักวันคงจะเลิกคิดไปเองก็แล้วกันนะ ที่สุดกาลหาทางผละจากธีไปได้ ด้วยเหลี่ยมผู้ใหญ่ที่แพรวพราวกว่า แต่นายเจ้าบ่าวเห็นดังนั้นก็ยินดีจะปล่อยให้ก่อน เพราะคืนนี้ต่างหากที่เข้าจะตีป้อมของจริง ที่ห้องหอ หลังจากจบงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวข้าวใหม่ปลามันก็ถูกส่งเข้าหอตามธรรมเนียม กาลยืนเก้กังทำตัวไม่ถูก ต่างจากธีที่นั่งจ้องกาลอย่างกดดัน ตบเตียงดังปุกๆ ให้มานั่งลงข้างๆ แต่กาล กมลผู้เคยใช้ชีวิตเพียงลำพังมาตลอด ย่อมมีอิสระในการใช้ชีวิต จะใส่กางเกงหัวยืดนอนน้ำลายไหลยังไงก็ไม่มีใครมารู้เห็น วันนี้ต้องมาแชร์เตียงนอนกับผู้ชายอีกคน แถมได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี พลันก่อเกิดความรู้สึกเหมือนถูกช่วงชิงอิสรภาพจากไป เขากระอักกระอ่วนจนไม่อาจจะนิ่งสุขุมได้เหมือนเคย ลุกลี้ลุกลนเหมือนคนป่วยไข้ "เอ่อ…น้าว่า แยกห้องนอนเถอะ แบบนี้ไม่เห็นจำเป็นเลย "กาลตัดสินใจ เพียงคำพูดเท่านั้นของอีกคน ก็ทำเจ้าบ่าวธีรู้สึกคันยุบยิบในอกข้างซ้าย มันได้เหรอสามี-ภรรยามาแยกห้องนอนตั้งแต่คืนเข้าหอเนี่ยนะ จากที่นั่งกอดหมอนข้างจ้องมองกาลด้วยแววตากรุ้มกริ่ม กลับโยนมันทิ้งอย่างไม่ไยดีก่อนจะลุกขึ้นไปลากเจ้าสาวมานั่งลงข้างๆ ไม่แค่นั้นธียังไม่พอเขาผลักให้กาลนอนหงายแผ่นหลังแนบชิดเตียงนุ่ม พลางพาร่างใหญ่โตเคลื่อนขึ้นคร่อมร่างคนตัวบางทันที "กาลว่าอะไรนะครับ"ให้โอกาสพูดใหม่ ช้อนสายตาแพรวพราวจ้องจะเคลมกาลอย่างไม่ปกปิด "ย แยก…ห้อง" "ยังจะพูดอีก ยังไม่ทันได้เข้าหอกันเลย มาแยกห้องนอนมันไม่ถูกนะครับ ผมว่าเราควรจะเข้าหอตามพิธีการนะ จะได้ถูกต้องตามหลักจารีตประเพณี หากน้ากาลจะหนีไปนอนอีกเกิดเรื่องอาเพศกับคู่เราจะทำยังไง เรามาสานต่อจากตอนหัวค่ำดีกว่า" "สานไหน!? ต่อจากไหน!?"กาลร้องเสียงหลง ดิ้นลุกลิกพลิกตัวหนีเจ้าเด็กบ้า แต่หนียังไงก็สู้แรงคนที่ตัวโตกว่าไม่ได้เลย ธีล็อกสองแขนบางขึ้นไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะกล่าวอย่างหน้าไม่อาย "ก็มาสานต่อหน้าที่บ่าวสาวจากจูบยังไงล่ะครับ"ว่าจบ ธีก็ก้มลงมาหวังจะประทับริมฝีปากลงที่เดิม แต่กาลรีบเอี่ยวตัวหลบ ไม่ยอมให้นายธีได้ทำมันอีกรอบ ไอ้คราวนั้นที่ยอมเพราะต้องรักษาหน้าหรอกนะ แต่นี่มันสองต่อสอง ยังไงกาลก็ไม่มีทางให้เด็กเกเรได้เล่นพิเรนทร์แบบนั้นอีกแล้ว "ทำแบบนี้กับน้าไม่ได้นะธี มันไม่ควร" "อะไรคือไม่ควร? เราแต่งงานกันแล้วนะ จดทะเบียนแล้วด้วย"ธีท้วงติงเสียงแอบงอแง "ธีก็รู้ว่าเราแต่งเพราะอะไร" "กาลครับ…ธีจริงจังนะ" "น้าไม่ตลกนะ" "ธีบอกว่าธีจริงจัง กาลไม่รู้หรือไงว่าธีรู้สึกยังไงกับกาล" "เธอยังเด็ก" "อย่ามาอ้างคำนั้น"ดวงตาของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เขาแสลงหูเหลือเกินกับคำพูดประเมินเขาน้อยไป "คำว่าเด็กมันเป็นคำพูดสูตรสำเร็จของพวกคนเกิดก่อนเหรอครับ ผมเกิดทีหลังแล้วไง แปลว่าผมต้องเป็นเด็กแบบที่คิดอย่างงั้นเหรอ"ธีต่อว่าเสียงไม่ค่อยพอใจ กาลรู้สึกเหนื่อยมากที่ต้องมารบกับธี เขาไม่เคยฟัง และไม่เข้าใจอะไรเลย นอกจากความคิดของตน"น้าจะบอกอีกทีนะธี ฟังชัดๆ แล้วจำเอาไว้ เราแต่งงานกันเพราะงานที่ภพฝากเอาไว้ ธีอย่าสับสนคิดเรื่องอื่น ที่น้าแต่งกับธีเพราะภพขอนะ" "……" "ออกไปจากตัวน้าได้แล้ว เหนื่อยมาทั้งวัน เธอก็ไปหานอนเถอะ น้าจะไปนอนห้องอื่น" ธียอมผละออกอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มรู้ว่าพ่อคือรักแรกและรักเดียวของกาล แต่เขาก็ยังคาดหวังอยู่เสมอว่ากาลจะมองมาที่เขาบ้าง คืนนั้นกาลนอนไม่หลับ จึงลุกไปที่ห้องเก็บอัฐิของตรีภพ ด้วยรู้สึกเหมือนเขายังมีชีวิตอยู่ นิ้วเรียวลูบโถเงินด้วยความรู้สึกอาลัยอาวอนหา คิดถึงช่วงเวลาที่เรายังอยู่ด้วยกันจับหัวใจ พลันก้อนร้อนๆ ก็ไหลมาจุกที่คอจนทำให้กลืนน้ำลายลำบาก ราวกับความทรงจำสมัยเก่าวกกลับมา "นี่ภพ อยู่ทางนั้นเป็นไงบ้าง สุขสบายดีไหม กาลยังคงคิดถึงภพนะ อ้อ! ลูกชายเธอดื้อมากนะเราจะฟ้อง" "..." "เฮ้อออ..คิดถึงเธอจัง ไม่รู้ตอนนี้ เธอจะคิดถึงเราเหมือนกันหรือเปล่า"

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

คุณอาของหนู...น่ารักกว่าใคร

read
7.7K
bc

Heroine (ที่นี่ไม่มี นางเอก)

read
14.1K
bc

เป็นได้แค่เพื่อน(รัก)

read
7.6K
bc

งูบ้านนี้สายพันธุ์เหมียว (Luna V.)

read
1K
bc

เป็นแฟนผมนี่มันไม่ดียังไงครับเฮีย

read
3.1K
bc

เมื่อปีศาจมาสิงสู่ [omegaverse]

read
1K
bc

Friendship จุดจบสายเถื่อน

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook