หลังจิบน้ำต้มจอกที่สองจนหมด นางถานถึงรู้สึกหายใจคล่องคอขึ้น อาการไอก่อนหน้าหยุดลง ตัวนางนั้นย่อมรู้ดีว่ามันจะหยุดแค่ชั่วคราว สักพักจะกลับมาไอรุนแรงอีกครั้ง เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา
“เอาล่ะ ๆ ข้าดีขึ้นมากแล้ว มาว่าเรื่องของเจ้าต่อซือซือ เจ้ารีบไปเก็บของแล้วตามข้ากลับบ้านเถอะ”
เซี่ยซือซือมองนางถานอีกหน มองให้ลึกไปถึงความเป็นจริงตรงหน้า ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้านหลังเก่าทรุดโทรมแห่งนี้ ด้วยอายุของเจ้าของร่างกับอายุของน้องทั้งสองคน อันตรายเกินกว่าจะปล่อยให้อยู่ตามลำพังได้
“ท่านป้าถานเจ้าคะ ท่านรู้เรื่องแยกบ้านของข้าแล้วใช่ไหม”
“ข้าย่อมรู้ดี ข้าไปหาแม่เฒ่าเซี่ยมาก่อนหน้า นี่ใบซื้อขายตัวของเจ้า” นางถานดึงเอกสารซื้อขายตัวออกมาจากอกเสื้อตนเอง “แต่แม่เฒ่าเซี่ยไม่ยอมพาเจ้าออกมาให้ข้า บอกว่าแยกบ้านกันแล้วให้ข้ามาตามเจ้าที่บ้านสามเอง พวกเขาช่างกั้นกำแพงได้รวดเร็วยิ่งนัก ข้าล่ะนึกแปลกใจจริง ๆ”
เซี่ยซือซือสัมผัสได้ถึงความเห็นอกเห็นใจในคำพูดของนางถาน พลอยทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย อย่างน้อยแม่สามีของนางก็ไม่ได้มีจิตใจเลวร้ายเหมือนแม่เฒ่าเซี่ย เรื่องนี้มีผลต่อการตัดสินใจของนางด้วย
“ท่านป้าถานเจ้าคะ อาซานของข้าถูกทำร้ายจนไม่ได้สติ ตอนนี้ยังนอนแน่นิ่งอยู่ในห้อง ข้าไม่อยากจากน้อง ๆ ไปในยามนี้เลย ขอเวลาให้ข้าได้ดูแลพวกเขาสักปีสองปีได้หรือไม่”
“เจ้าเอ่ยอันใดออกมาซือซือ ข้าจะไปรอถึงวันนั้นได้อย่างไรกัน !” นางถานหน้าถมึงทึงขึ้นในทันใด นางยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ
“หากข้าไปกับท่านวันนี้ แล้วน้อง ๆ ของข้า ใครจะดูแลล่ะเจ้าคะ”
“เจ้าก็ช่างโง่นัก อยู่ดีไม่ว่าดีไปขอแยกบ้านออกมาทำไม อย่างไรเสียวันนี้เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้า แม่เฒ่าเซี่ยรับเงินไปแล้ว ใบซื้อขายตัวก็อยู่ในมือข้า เจ้าอย่าได้คิดเบี้ยวข้าเด็ดขาดซือซือ !” นางถานไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด เรื่องนี้นางตัดสินใจแน่วแน่มาตั้งแต่ต้น กระทั่งลูกชายของนางก็ห้ามไม่ได้
เซี่ยซือซือเม้มปากเข้าหากันแน่ ข้อเสนอนี้ถูกนางถานปัดทิ้งอย่างไม่แยแส นางสูดลมหายใจเขาปอดลึก ๆ “เช่นนั้นท่านป้าถานพอจะให้น้องทั้งสองคนของข้า ไปอยู่ด้วยได้หรือไม่”
“อันใดนะ !”
“ท่านป้าถาน ท่านใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไม่รบกวนเงินทองของท่านเด็ดขาด เรื่องอาหารการกินข้าจะเป็นคนจัดหาให้น้อง ๆ เอง ส่วนที่อยู่อาศัยขอห้องเก็บของ หรือห้องเก็บฟืนก็ได้เจ้าค่ะ”
“เจ้า ! เจ้าช่างกล้า มาร้องขอในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นะซือซือ”
“ท่านป้าถานข้าขอร้องท่าน ได้โปรดเมตตาพวกข้าสามคนพี่น้องด้วยเถิดเจ้าคะ” เซี่ยซือซือใช้ไม้ตายคุกเข่าขอร้อง
แอด ! เซี่ยซือหยางที่แอบฟังอยู่ในห้อง เปิดประตูออกมาดึงเสื้อพี่สาว พร้อมร้องตะโกนปาว ๆ ออกมา “ท่านพี่ ๆ ท่านอย่าไปนะ ท่านอย่าไป !”
“เสี่ยวซือหยางเจ้าทำอันใด เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยพี่สาวเจ้าเสีย” เสี่ยวซือหยาง เป็นชื่อที่คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน ใช้เรียกขานเด็กน้อยอย่างเซี่ยซือหยาง
“ท่านป้าถาน ท่านอย่าเอาท่านพี่ข้าไปเลย แง ๆ ๆ” ไม้ตายอีกคนมาช่วยเซี่ยซือซือแล้ว นางกลอกตาอยู่ในใจ น้องชายของนางจะเสแสร้งเก่งเกินไปแล้ว
กระนั้นนางถานก็ยังนั่งนิ่งไม่ยอมรับปากใด ๆ
เซี่ยซือซือพยายามคิดหาเหตุผลในการขอร้อง เรื่องไหนสำคัญสุดสำหรับนางถาน ปัง ! เสียงพลุแตกดังขึ้นในใจ เมื่อนางคิดออกแล้ว ใครที่นางควรเอ่ยถึงในยามนี้
“ท่านป้าถานข้าขอร้องท่าน ได้โปรดอย่าพรากพวกเราสามคนพี่น้องออกจากกันเลยนะเจ้าคะ ข้าสัญญาว่าข้าจะเป็นภรรยาที่ดีของลูกชายท่าน จะไม่มีวันทอดทิ้งเขาเป็นอันขาด” น้ำเสียงอันหนักแน่นของเซี่ยซือซือ ส่งผลให้บรรยากาศรอบตัวดูน่าเชื่อถือขึ้นมา
แววตาของนางถานไหววูบ เพราะคำว่าพูดสุดท้ายของเซี่ยซือซือ จ้องมองเด็กสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า ด้วยสายตายากจะคาดคะเนได้ “ที่ว่าจะไม่มีวันทอดทิ้งจ้านเออร์ของข้า เจ้ากล้าสาบานไหมซือซือ”
“กล้าเจ้าค่ะ ข้าเซี่ยซือซือขอสาบานต่อหน้าฟ้าดิน ขอเพียงท่านป้าถานยอมให้น้องทั้งสองคนของข้า ติดตามข้าไปอยู่ที่บ้านของท่านด้วย ข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งพี่ถานจ้าน ลูกชายของท่านป้าถานเป็นอันขาด หากผิดคำเมื่อใด ขอฟ้าดินจงลงทัณฑ์ ให้ไม่ได้ตายดี !”
“ท่านพี่...” เซี่ยซือหยางตะลึงในคำสาบานอันทรงพลังของพี่สาว ถึงขั้นน้ำตาแห้งเหือดในทันที
นางถานถอนหายใจเบา ๆ ออกมา มองสองพี่น้องที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอีกครา พลันสะท้อนความรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา ภายในห้องนั้นยังมีเด็กอีกคนที่นอนไม่ได้สติอยู่
“เจ้าต้องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจนะซือซือเรื่องคำสาบานของเจ้าในวันนี้ และจงตระหนักไว้ว่าบ้านข้านั้นยากจน ไม่สามารถเลี้ยงดูน้องทั้งสองคนของเจ้าได้”
“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับข้าเจ้าค่ะ ข้าบอกท่านแล้วว่าข้าจะรับผิดชอบเรื่องอาหารการกินของพวกเขาเอง ไม่ให้กระทบลูกชายท่านป้าถานอย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นเจ้าไปเก็บของเถอะ”
“ท่านป้าถานแล้วน้องของข้าล่ะเจ้าค่ะ”
“เมื่อเจ้ากล้าสาบานว่าจะไม่ทอดทิ้งจ้านเออร์ของข้า ข้าย่อมยินยอมให้น้องของเจ้าไปอยู่ด้วย รีบไปเก็บของเถอะ ส่วนซานซาน...”
“ข้าจะแบกนางไปเองเจ้าค่ะ”
“เจ้าแบกไหวรึ” นางถานทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ
“ไหวเจ้าค่ะ ข้าวของของพวกเราสามพี่น้องไม่ได้มีอะไรมาก แค่เสื้อผ้าคนละสองสามชุดกับผ้าห่มผืนเก่า ๆ”
“เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าหิ้วของเอง ส่วนซานซานเจ้าแบกนางไปก็แล้วกัน”
“ขอบคุณท่านป้าถานมากเจ้าค่ะ น้องเล็กรีบโขกหัวขอบคุณท่านป้าถานเร็วเข้า พวกเราไม่ต้องแยกจากกันแล้ว” นางกระตุกแขนเสื้อน้องชายเบา ๆ เซี่ยซือหยางหัวไวใช่เล่น รีบทำตัวพี่สาวในทันที
“ขอบคุณท่านป้าถานขอรับ”
สองพี่น้องโขกศีรษะขอบคุณนางถาน ความจริงแล้วเด็กน้อยเซี่ยซือหยางนั้นมิได้รู้ความมากนัก เพียงแต่กระทำเลียนแบบพี่สาวของตัวเองเท่านั้น
เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา[1]ผู้ใหญ่หนึ่งกับเด็กอีกสามก็มาถึงประตูบ้านสกุลถาน ซึ่งตั้งอยู่ตรงตีนเขาฝั่งตะวันออกของหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ความจริงแล้วหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่มีอยู่สามสิบกว่าหลังคาเรือน ทุกเรือนใช้แซ่อวี่เหมือนกันหมด
เมื่อสิบกว่าปีก่อน บ้านสกุลเซี่ยกับบ้านสกุลถาน เป็นผู้ลี้ภัยน้ำท่วมมาจากเมืองอื่น ทางการได้จัดหาที่ดินอยู่อาศัยให้ที่หมู่บ้านแห่งนี้ อีกทั้งยังให้ผู้ใหญ่บ้านมอบที่นาทำกินให้ตามความเหมาะสมอีกด้วย ยามนั้นนางถานเป็นเพียงแม่ม่ายลูกยังเล็ก ไม่ถนัดทำนาจึงปล่อยให้คนเช่าไป ต่างจากบ้านสกุลเซี่ยที่มีคนเยอะสามารถใช้แรงงานได้ดี
บ้านถานมีลานหน้าบ้านค่อนข้างกว้าง ด้านในเป็นห้องโถง ด้านข้างเป็นห้องครัว ภายในมีสามห้องนอน สภาพบ้านค่อนข้างเก่า มีร่องรอยซ่อมบำรุงอยู่บ่อยครั้ง นับว่ายังดูดีกว่าบ้านเก่าของเซี่ยซือซือ
“ซือซือข้าเตรียมห้องไว้ให้เจ้าแล้ว เจ้าพาซานซานเข้าไปด้านในก่อนเถอะ” นางถานเดินนำหน้าสามพี่น้อง เข้าไปยังห้องฝั่งปีกขวา
“ห้องนี้มีเตียงเดียว พวกเจ้านอนเบียดกันหน่อยก็แล้วกัน”
“ได้เจ้าค่ะท่านป้าถานพวกข้าอยู่ได้ นี่ยังดูดีกว่าที่บ้านเก่าของพวกข้าอีกเจ้าค่ะ” เซี่ยซือซือค่อย ๆ วางน้องสาวลง นางแสดงได้แนบเนียนมาก จนเผลอคิดไปว่านางหลับอยู่บนหลังของตนเสียแล้ว
“ให้ซานซานอยู่ที่นี่ ส่วนพวกเจ้าสองคนตามข้าไปทักทายจ้านเออร์ก่อน”
“เจ้าค่ะ” เซี่ยซือซือจูงมือน้องชายเดินตามหลังนางถาน ไปยังห้องฝั่งปีกซ้าย คาดว่าคงเป็นห้องนอนของถานจ้าน
นางถานหยุดอยู่หน้าประตู “จ้านเออร์แม่ของเจ้าเอง”
“ขอรับท่านแม่” มีเสียงตอบรับจากคนด้านใน นางถานจึงยื่นมือไปเปิดประตูออก
ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง แสงแดดทอแสงเข้ามาให้เห็นถานจ้านในชุดผ้าฝ้ายสีขาวหม่น ใบหน้าหล่อเหลาแลดูดั่งเทพเซียนก็ไม่ปาน ช่างไม่เข้ากับความยากจนของบ้านหลังนี้เลย บนโต๊ะมีกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวอักษร เหมือนเขากำลังคัดลอกตำราอยู่
“เจ้ามองพอรึยัง” น้ำเสียงตวาดด้วยความหงุดหงิด ที่ถูกเด็กสาวผอมแห้งจ้องมองจนเขาแทบพรุนไปหมดทั้งตัว
“เอ่อ ข้า” เซี่ยซือซือติดอ่างในทันที นางถูกรูปลักษณ์เด็กหนุ่มคนนี้ทำให้ตกตะลึงได้อย่างไร ก็แค่เด็กวัยรุ่นหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง ไม่ได้ ๆ นางจะมาหลงใหลในรูปร่างหน้าตาของผู้ชายไม่ได้ ว่าไปเขาคงสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรเห็นจะได้ หากยืนขึ้นคงจะรู้ชัดกว่านี้
“ข้าชื่อเซี่ยซือหยาง แต่คนอื่นมักเรียกข้าว่าเสี่ยวซือหยางขอรับ” เจ้าตัวน้อยกลับมีสติดีกว่าพี่สาว แนะนำตัวเองเสร็จสรรพ
“ข้าชื่อเซี่ยซือซือ ท่านเรียกข้าว่าซือซือก็ได้” ใครจะคาดคิดว่านางจะเกิดอาการประหม่า ต่อหน้าเด็กหนุ่มน้ำแข็งคนนี้ เพียงเขาปรายตามองมา นางก็กลายเป็นฝุ่นผงในอากาศไป สีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์แบบนี้คืออะไร นางยังไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้เขาเสียหน่อย
ถานจ้านปรายตามองเซี่ยซือหยาง ที่สูงยังไม่ถึงเอวของเซี่ยซือซือด้วยซ้ำ หัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันแน่น หันไปทางมารดาด้วยสายตาซับซ้อน “เหตุใดถึงมีเด็กมาด้วยล่ะท่านแม่ ไม่ใช่ว่าท่านซื้อภรรยามาให้ข้าหรอกหรือ นางมีลูกติดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เซี่ยซือหยาง “...”
เซี่ยซือซือ “...”
“จ้านเออร์เจ้าเข้าใจผิดแล้ว นี่เสี่ยวซือหยางน้องชายของซือซืออย่างไรเล่า” นางถานรีบเข้าไปอธิบายให้ลูกชายฟัง
“น้องชาย ?”
“เอ่อ พวกเจ้าสองพี่น้องกลับห้องไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับจ้านเออร์สักครู่หนึ่ง”
“เจ้าค่ะท่านป้าถาน” เซี่ยซือซือรีบดึงน้องชายเดินออกจากห้องเจ้าชายน้ำแข็งไป เห็นท่าทีของถานจ้านแล้ว เดาได้ไม่ยากว่าเขาไม่ต้องการภรรยาอย่างนางแน่นอน ออกแนวต่อต้านด้วยซ้ำไป
[1] หนึ่งถ้วยชา ราว 5-15นาที