“ท่านพี่ท่านป้าให้ข้ามาตามท่าน” เสียงของเซี่ยซือหยางดังขัดจังหวะของทั้งคู่ ศีรษะน้อย ๆ ของเขายื่นออกมา ผ่านช่องประตูที่แง้มไว้เพียงเล็กน้อย
“มีเรื่องอันใดน้องเล็ก” เซี่ยซือซือเห็นน้องชายไม่กล้าเข้ามาก็นึกแปลกใจ
“ท่านหมออวี่มาหาท่านพี่ขอรับ”
เซี่ยซือซือขานรับในลำคอ หันไปทางเจ้าของห้อง เห็นเขาหันหลังกลับไปคัดลอกตำราต่อ ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย เซี่ยซือซือทำปากยื่นใส่อย่างหมั่นไส้ เขาก่อนหมุนตัวออกจากห้องไป
“น้องเล็กทำไมไม่เข้าไปในห้องล่ะ” นางจูงมือน้องชายเดินไปตามทางเดิน
“ท่านป้าถานบอกว่า ห้ามข้าเข้าห้องพี่เขยก่อนได้รับอนุญาต”
พี่เขย ! ทำไมคำนี้ทำนางรู้สึกกระดากอายชอบกล
“เช่นนั้นเจ้าต้องส่งเสียงบอกเจ้าของห้องก่อน รอให้เขาอนุญาตค่อยเปิดประตูเข้าไป”
“อื้ม ข้าจะจำไว้”
ทั้งคู่เดินมาถึงห้องโถงของบ้านสกุลถาน เห็นนางถานนั่งคุยเป็นเพื่อนท่านหมออวี่อยู่ บนโต๊ะด้านข้างมีกาชาร้อนวางต้อนรับ
“เจ้ามาพอดีเลยซือซือ ท่านหมออวี่มีธุระเรื่องน้องสาวของเจ้า”
“ท่านหมออวี่” เซี่ยซือซือโค้งคำนับทักทาย นั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง คว้าตัวน้องชายให้นั่งลงบนตักของนาง
“เมื่อวานข้าไปที่ตำบลแต่ดันเจอสหายเก่าที่ห่างหายกันไปนาน ปลีกตัวกลับมาไม่ได้มันมืดแล้ว เลยต้องอยู่ค้างคืนที่โรงเตี๊ยมคืนหนึ่ง ไม่ได้เอายากลับมาให้อาซาน นางเป็นอย่างไรบ้าง” สีหน้าของท่านหมออวี่ไม่ใคร่สบายใจนัก
“อาการของนางคงที่เจ้าค่ะ ข้าทายาภายนอกให้นางแล้ว ท่านหมออวี่ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านจะเข้าไปดูนางเสียหน่อยไหม”
“ไปสิ”
“ท่านป้าถานเจ้าคะ ข้าขอพาท่านหมออวี่เข้าไปดูอาการอาซานก่อนนะเจ้าคะ”
“ข้าเองก็จะไปดูนางอยู่เหมือนกัน ไปพร้อมกันนี่แหละซือซือ” เพราะเซี่ยซือซือเป็นลูกสะใภ้ของนางแล้ว นางถานจึงไม่สามารถให้บุรุษอื่นอยู่กับนางตามลำพังได้ เดินตามหลังพวกเขาเข้าไปภายในห้องฝั่งปีกขวา
ท่านหมออวี่ทำการตรวจชีพจรของอาซาน สีหน้าของเขายังคงไม่เข้าใจอาการของนางอยู่ดี ชีพจรเต้นคงที่ไม่มีตรงไหนบ่งบอกว่าอาการรุนแรงแต่อย่างใด
เซี่ยซือซือเห็นว่านี่เป็นโอกาสดี ที่จะเอ่ยเรื่องการฟื้นของน้องสาว “ท่านหมออวี่เจ้าคะ ไม่รู้ว่าข้ารู้สึกไปเองไหม เหมือนข้าเห็นนิ้วมือของอาซานขยับได้ อาการของนางกำลังดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“เจ้าเห็นนิ้วนางขยับรึ เมื่อใดกันอาซือ”
“เอ่อ เมื่อคืนเจ้าค่ะ ตอนข้าป้อนน้ำให้นาง แต่พอข้าเพ่งดูดี ๆ ก็ไม่ขยับแล้ว จึงไม่ค่อยแน่ใจเจ้าค่ะ”
“ไม่เลว ๆ อาการนางคงดีขึ้นจริง ๆ เจ้าต้มยาที่ข้าซื้อมา พยายามป้อนให้นางกินทุกวัน สามเวลาเช้า กลางวัน เย็น หากโชคดีนางอาจจะฟื้นขึ้นมาในเร็ววันนี้ก็เป็นได้”
“นี่ถือได้ว่าเป็นเรื่องดีใช่ไหมท่านหมออวี่” นางถานรู้สึกดีใจไปกับเด็ก ๆ ด้วย อีกทั้งยังปลดก้อนหินหนักในใจลงได้
“ย่อมดีอยู่แล้วเหลียนฮวา มีแนวโน้มที่ดีเลยล่ะ การขยับร่างกายบางส่วนได้ หมายความว่าร่างกายกำลังฟื้นตัวขึ้นมา อีกหน่อยคงขยับได้ทั้งตัว” ท่านหมออวี่สีหน้าสดใสขึ้นมาในทันที อาการป่วยของเซี่ยซานซานนั้นแปลกนัก หากนางไม่ฟื้นขึ้นมาอีก เขาคงรู้สึกค้างคาใจไปจนวันตาย
แต่คนรู้ความจริงสองคน กลับรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย เซี่ยซือซือคิดว่าอีกสองวันนางคงต้องน้องสาวฟื้นขึ้นมาแล้ว
“เจ้าล่ะเหลียนฮวาอาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” จู่ ๆ ท่านหมออวี่ก็หันไปทางนางถาน
“ข้ากินยาต้มตามเทียบยาของท่านหมอในตำบลอยู่เจ้าค่ะ แต่ว่าอาการไม่ได้ดีขึ้นเท่าไรนัก” นางถานทำหน้าหมดหวัง ไม่ว่าจะเปลี่ยนหมอสักกี่คน ทุกคนต่างพูดไปในทิศทางเดียวกันหมด นั่นคือหมดทางเยียวยา
“ข้ามันไร้ความสามารถรักษาเจ้าไม่ได้”
“โทษท่านได้อย่างไร ขนาดท่านหมอในตำบลยังรักษาข้าไม่ได้เลย เรื่องนี้คงต้องโทษตัวข้าเองที่ร่างกายอ่อนแอเกินไป”
เซี่ยซือซือเดินมาส่งท่านหมออวี่กับนางถานตรงประตูหน้าบ้าน ได้ยินสิ่งที่พวกเขาสนทนากันตลอดทาง พอจะเข้าใจได้ไม่ยาก นางถานมีอาการไออย่างรุนแรง นางไม่ใช่หมอจึงไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ แต่ที่เข้าใจคือท่านหมออวี่รักษาไม่ได้ ส่วนหมอในตำบล ทำได้แค่เขียนเทียบยาบรรเทาอาการให้เท่านั้น
มื้อเที่ยงที่นางถานทำต้อนรับลูกสะใภ้ มีเพียงข้าวต้มผสมธัญพืชหยาบ ส่วนกับเป็นผักป่าผัดใส่น้ำมันกับเกลือ ไม่มีเนื้อสัตว์แต่อย่างใด เซี่ยซือซือลองเดินไปเปิดดูถังข้าวสาร พบว่ามีอยู่เพียงก้นถังเท่านั้น ส่วนพวกแป้งก็เหลืออยู่ติดก้นถุง ไม่รู้จะอยู่ได้อีกสักกี่วัน
“เสี่ยวซือหยางเจ้าไปเรียกพี่เขยเจ้าออกมากินข้าวได้แล้ว” นางถานบอกเด็กน้อยระหว่างวางถ้วยข้าวลงบนโต๊ะ
“ขอรับท่านป้า” เซี่ยซือหยางรับปากแล้วรีบวิ่งไปตามถานจ้านที่ห้อง เขาหยุดยืนรอหน้าประตูอย่างที่พี่สาวสั่งสอน
“พี่เขยขอรับ ท่านป้าให้มาเรียกท่านไปกินข้าว”
“ข้ารู้แล้ว”
เสียงคนด้านในตอบกลับมาแล้ว แต่เจ้าตัวน้อยกลับไม่ยอมจากไปในทันที เขายังยืนรออยู่หน้าประตูดังเดิม พอประตูห้องถูกเปิดออก เขาก็ยิ้มแฉ่งในทันที “โอ๊ะ ท่านออกมาแล้ว”
ถานจ้านใช้ไม้ค้ำช่วยในการเดิน ทุกย่างก้าวจึงเป็นไปอย่างลำบาก เซี่ยซือหยางแอบมองเขาอยู่ตลอดทาง เด็กน้อยอยากจะเอื้อมมือออกไปช่วย แต่ว่าแขนของเขานั้นแสนสั้น คว้าเอวถานจ้านยังไม่ถึงด้วยซ้ำ ได้แต่เอามือไพล่หลัง โน้มตัวลงไปด้านหน้า คล้ายคนแก่หลังค่อม ค่อย ๆ เดินตามหลังคนตัวโตไป
เซี่ยซือหยางที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด อยู่ด้านหลังของถานจ้าน ทำให้คนเป็นพี่สาวอย่างเซี่ยซือซือ ถึงกับมุมปากกระตุก น้องชายของนางนี่คิดอะไรอยู่นะ
“มานั่งเร็วเข้าจ้านเออร์ มื้อนี้ข้าทำอาหารเลี้ยงต้อนรับภรรยาของเจ้าเชียวนะ เสียดายไม่มีเนื้อให้กิน”
ภรรยาของข้า ? ถานจ้านข่มความไม่เห็นด้วยเอาไว้ พยายามคิดว่าเจ้าเด็กผอมแห้งคนนี้คือภรรยาของตนก็แล้วกัน อย่างไรเสียท่านแม่ของเขาก็ซื้อนางมาแล้วนี่
“ขอบคุณท่านป้าถานมากเจ้าค่ะ”
“เหตุใดยังเรียกท่านป้าอีกล่ะ เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านแม่ได้แล้ว”
เซี่ยซือซือหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เจ้าค่ะท่านแม่”
“ดีมาก พวกเจ้ากินข้าวได้แล้ว ฝีมือของข้าไม่ได้เลอรสแต่พอกินได้แน่นอน” นางถานดูเหมือนจะเบิกบานกว่าใครเพื่อน นางคีบผักป่าให้ลูกชายก่อน จากนั้นก็คีบให้ลูกสะใภ้ ตามด้วยเซี่ยซือหยาง
รสชาติผักป่าผัดใส่น้ำมันอันน้อยนิด ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย ช่างเป็นรสชาติที่เซี่ยซือซือเกินจะบรรยายได้ นางหวนคิดถึงมันฝรั่งต้มโจ๊กเมื่อเช้าขึ้นมา พอมองดูคนอื่น ๆ กินแล้ว พลอยรู้สึกว่านี่มันรสชาติปกติของพวกเขา มีเพียงคนที่มาจากยุคปัจจุบันอย่างนาง ถึงรู้สึกว่ารสชาติอาหารมื้อนี้ไม่อร่อยเลยสักนิด
หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว ถานจ้านกลับเข้าห้องเข้าไปคัดลอกตำราของตนเองต่อ เซี่ยซือซือมารู้ภายหลังว่าเขารับจ้างคัดลอกตำรา เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ส่วนนางถานนั้นมีอาชีพหลักคือการปักผ้าเช็ดหน้า นำไปขายที่ร้านขายผ้าในตำบลหานตง แต่ว่าระยะนี้อาการของนางถานไม่สู้ดีนัก จึงปักผ้าได้ปริมาณน้อยลง
“ท่านแม่เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าว่าจะขึ้นเขาไปหาของป่า” หลังล้างจานเสร็จแล้วเซี่ยซือซือก็เดินมาบอกแม่สามีที่ห้องของนาง
นางถานเงยหน้าขึ้นจากผ้าที่กำลังปักอยู่ในมือ “เหตุใดต้องขึ้นเขาตอนนี้ด้วยล่ะซือซือ ข้าบอกแล้วไงว่าวันนี้เจ้าไม่ต้องทำกับข้าวให้น้อง ข้าจะเลี้ยงพวกเจ้าเองรวมถึงมื้อเย็นด้วย”
“ข้าจะไปจับปลาบนเขาเจ้าค่ะ น้องชายของข้ายังเล็กต้องได้กินเนื้อหน่อยถึงจะโต”
“บนเขามีปลาด้วยหรือ” นางถานเคยไปแค่ตีนเขาเพื่อเก็บผักป่ากับพวกผลไม้ป่า จึงไม่เคยเห็นลำธารที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน
“มีเจ้าค่ะ มีน้ำตกที่ไหลลงมาเป็นลำธารอยู่ด้านบนด้วย หนก่อนข้ากับน้อง ๆ เคยขึ้นไปจับปลามาย่างกินกันแล้วเจ้าค่ะ”
“มันจะอันตรายไหมซือซือเจ้าไปคนเดียว”
“ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ บริเวณนั้นค่อนข้างปลอดภัย ข้าจะรีบไปรีบกลับ ส่วนน้องเล็กตอนนี้นอนกลางวันอยู่ ถ้าตื่นขึ้นมาเกรงว่าจะร้องหาข้า วานท่านแม่ช่วยบอกเขาหน่อย ว่าข้าขึ้นเขาเดี๋ยวก็กลับลงมาแล้ว”
“ได้เช่นนั้นเจ้าเองก็ระวังตัวด้วยล่ะซือซือ”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
เซี่ยซือซือเดินกลับไปยังห้องครัว หยิบตะกร้าพร้อมจอบมือขึ้นสะพายบนหลัง มุ่งหน้าขึ้นเขาไฉ่หงไปเพียงลำพัง
พอลับตาคนนางก็ดื่มน้ำพุวิเศษไปอึกหนึ่ง ร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นในทันที นางวางฝ่ามือลงบนพื้นดิน พบว่าบริเวณใกล้ ๆ ไม่มีผู้คน จึงตั้งใจเดินขึ้นไปตรงน้ำตก ฝีเท้าเดินอย่างมั่นคงและคงความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ แต่เหงื่อสักหยดก็ไม่มี ความเมื่อยล้าก็ไม่ปรากฏ นางมาถึงธารน้ำตกในเวลาอันรวดเร็ว
และด้วยความเร็วของนาง ปลาในลำธารจึงไม่สามารถหลุดพ้นจากฝ่ามือของนางไปได้ ห้าตัวนางคิดว่าจับมาแค่นี้คงเพียงพอสำหรับการกินของทุกคน นางนำพวกมันเข้าไปไว้ในมิติพิเศษ ขังไว้ในถังภายในกระท่อมก่อน นางยังไม่อยากนำปลาจากมิติพิเศษออกมา เอาไว้ยามนางลำบากจริง ๆ ค่อยจับพวกมันออกมากินแล้วกัน
เซี่ยซือซือนั่งพิงโคนต้นไม้ใหญ่ มองไปน้ำตกที่ทิ้งตัวลงสู่เบื้องล่าง นางกำลังคิดว่าจะหาเงินได้จากอะไร โสมคน ! เห็ดหลินจือ ! บ้าชะมัดนางรู้จักสมุนไพรล้ำค่าแค่น้อยนิด มิติพิเศษแห่งนี้สามารถหาของตามที่นางต้องการ ย่อมหมายความว่านางต้องรู้จักของสิ่งนั้นด้วย หากนางไม่รู้จักมันก็ไม่สามารถจัดหาให้ได้
ไหนเลยจะมีของวิเศษให้นางเก็บเกี่ยวได้ง่ายดายเพียงนั้น นางใช้ฝ่ามือวางบนพื้นดินถ่ายพลังสำรวจรอบภูเขาลูกนี้ ไม่ปรากฏโสมหรือเห็ดหลินจือเลยสักต้น แต่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทีเดียว นางรีบตรงไปยังบริเวณที่ตัวเองค้นพบ หน่อไม้ขนาดใหญ่หลายหน่อ ถูกใบไผ่ทับถมจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
เซี่ยซือซือใช้จอบมือขุดหน่อไม้ขนาดใหญ่เท่าขาออกมาสี่ห้าหน่อ จากนั้นก็โยนเข้าไว้ในมิติพิเศษของตัวเอง สักพักสายตาของนางก็เจอเข้ากับเห็ดเยื่อไผ่ นี่เป็นเห็ดดีมีราคา อีกทั้งมีปริมาณค่อนข้างเยอะ นางรีบเก็บเข้าไปไว้ในมิติพิเศษอีกด้วย จำนวนเยอะขนาดนี้ นางพอจะเอาไปขายให้ร้านอาหารหรือหอโอสถในตำบลได้
แกรก ๆ เสียงสัตว์เล็กวิ่งอยู่ไม่ไกล แค่วางฝ่ามือสำรวจก็รู้ว่ามันคือกระต่ายสีขาวปุยครอบครัวหนึ่ง
ไม่ ข้าไม่กินกระต่าย !
พอวางฝ่ามือสำรวจสัตว์ป่าตัวอื่น นางไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะเสือตัวใหญ่ หมาป่าทั้งฝูง หรือว่าหมูป่าตัวนั้นได้ไหม เช่นนั้นอย่าเสี่ยงจะดีกว่า
แต่ว่า ! เจ้ากวางป่าบาดเจ็บตัวนั้นกำลังดึงดูดความสนใจจากนาง มันถูกเสือจู่โจมมาอย่างหนัก แต่กลับหนีรอดออกไปได้ เซี่ยซือซือมองตามหลังมันไป เห็นมันเข้าไปแอบหลบอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ลมหายใจของมันแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ ดวงตาของมันค่อย ๆ ปิดลงไป
มันกำลังจะตาย !
เนื้อกวางไม่ได้ทำให้เซี่ยซือซือสนใจมากนัก ที่นางต้องการคือเขากวางอ่อนต่างหาก ราคาในโลกปัจจุบันค่อนข้างแพงเลย ถือว่าเป็นยาบำรุงอย่างดี นางวิ่งไปยังถ้ำที่เจ้ากวางตัวนั้นหมดลมหายใจไป รีบนำมันเข้าไปเก็บไว้ในมิติพิเศษ นางสัมผัสได้ว่ามิติแห่งนี้สามารถคงสภาพสิ่งของที่นำเข้าไปได้ คล้ายว่ามันสามารถรักษาความสดของอาหารได้ด้วย
พรุ่งนี้นางจะเอากวางตัวนี้เข้าไปขายให้หอโอสถในตำบลหานตง เซี่ยซือซือไม่รู้วิธีตัดเขากวาง เช่นนั้นให้คนของหอโอสถทำเองจะดีกว่า