ตอนที่ 2 วาจาเชือดเฉือน

1758 Words
ตอนที่ 2 วาจาเชือดเฉือน ท่านราชครูกลับเข้าจวนอีกครั้งก็กลางดึกแล้ว แอบย่องมาดูว่าฮูหยินหลับสบายหรือไม่ ค่อย ๆ ย่องอย่างเบาเสียงที่สุดเท่าที่จะเบาได้ เขาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงแล้วหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ มองดวงหน้าสะสวยด้วยความสงสัย ครุ่นคิดในใจไม่จางหาย เหตุใดนางจึงยินดีตกลงสัญญาที่คล้ายว่าเขาเอาเปรียบนางกัน นางมีเหตุผลกลใดซ่อนอยู่กันแน่ จึงเลือกที่จะยินยอมให้เขาแต่งภรรยาอีกคน หรือว่าแท้จริงแล้วนางมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง คงมิใช่เพราะในครานั้นที่เขาช่วยชีวิตนางเอาไว้ จึงกลายเป็นบุญคุณจึงยินดีทดแทนเขาด้วยการแต่งงานนี้ เขายังนั่งเหม่อมองใบหน้าแสนสะสวย จู่ ๆ ใจดวงน้อย ๆ ของเขาเต้นตึกตักขึ้นมาเสียอย่างนั้น เห็นความอวบอิ่มซึ่งโผล่พ้นเสื้อบาง ๆ สีขาว พร้อมกับดึงผ้าห่มที่นางคงถีบมันลงมาถึงปลายเท้าขึ้นมาปกปิดส่วนเนินอวบอิ่มนั่น เกรงว่าค่ำคืนนางจะหนาวพานป่วยไข้เอาได้ แล้วจึงกล่าวเบา ๆ ขึ้นว่า “ฝันดีนะ ขอให้เจ้ามีความสุขกับสิ่งที่เจ้าเลือกอย่าได้ คะนึงหาความรักที่ไม่ใช่ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” ถ้อยคำนี้นั้นมิได้ทำให้สตรีที่นอนหลับฝันหวานตื่นจากห้วงนิทราเลยก็ว่า นางยังคงหายใจสม่ำเสมอ พร้อมกับพึมพำเสียงแผ่วเบาว่า “ใจข้าคือของท่าน” น้ำเสียงนี้หากผู้ไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธ์ก็คงได้ยินไม่ชัดนัก แต่สำหรับโจวหย่งเล่อราชครูผู้เก่งกาจนี้ได้ยินชัดถ้อยชัดคำเต็มสองรูหู เขานิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วค่อย ๆ เดินออกไป “พรุ่งนี้จัดเตรียมเรือนฝั่งตะวันออกตกแต่งเสียใหม่ ต้อนรับฮูหยินรอง” เมื่อเปิดประตูออกมา ก็พบกับชายชราพ่อบ้านเฉิง “ทำไมจึงเร็วเช่นนี้เล่าขอรับ” ชายชราแปลกใจยิ่งนัก จึงสอบถามด้วยความอยากรู้ ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่ได้สั่งการใด ๆ ลงมา เหตุใดคุณชายใหญ่จึงใจร้อนเยี่ยงนี้ หรือว่ามีอันใดเกิดขึ้นกัน เขาย่อมเก็บความใคร่รู้นี้เอาไว้ อีกเดี๋ยวก็คงทราบเองกระมัง “ข้าไม่อยากให้นางเสียใจ ทำตามที่ข้าบอกก็พอ เรื่องอื่นข้าจัดการเอง” ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยต่อว่าตำหนิชายชรา เพราะพ่อบ้านเฉิงทำงานดูแลจวนนี้มาตั้งแต่เขาอายุเพียงไม่กี่หนาว อีกทั้งยังเชื่อใจได้ และระมัดระวังรอบคอบ ยามนี้อายุมากขึ้นจึงเดินเหินไม่คล่องแคล่วเหมือนก่อน ก็ยังหวังว่าจะทำงานออกมาดีเหมือนเคย “ขอรับคุณชายใหญ่” ชายชราก้มหน้าขานรับ พร้อมกับยกมือประสานอย่างนอบน้อม รอให้ท่านราชครูเดินกลับไปยังห้องหนังสือ โจวหย่งเล่อเปิดประตูห้องหนังสือได้กลิ่นกำยานหอมอ่อน ๆ เลิกคิ้วขึ้นแปลกใจนัก ในเรือนนี้มิได้มีกำยานดอกไม้แบบนี้นี่นา แล้วเป็นผู้ใดกันถือวิสาสะมาจุดให้โดยที่เขาไม่ได้อนุญาต บนโต๊ะยังมีกาน้ำชาวางเอาไว้ เขาก็ยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก พ่อบ้านเฉิงเมื่อครู่ลืมบอกนายท่าน จึงเร่งฝีเท้า เมื่อพบว่าท่านราชครูกำลังยืนกอดอกมองไปยังกาน้ำชาและกำยาน เขาจึงเอ่ยขึ้นแจ้งว่า “เป็นฮูหยินน้อยให้อาชิงนำมามอบให้ขอรับ” “แล้วนางรู้หรือไม่ว่าข้าไม่อยู่ในห้อง” หากนางรู้ว่าคืนแต่งงานเขาออกไปข้างนอกจะเสียใจหรือไม่ หรือแท้จริงแล้วนางเพียงแค่ส่งสาวใช้มาดูว่าเขายังอยู่ในห้องนี้หรือเปล่า เกรงว่าพรุ่งนี้อาจถูกนางฟ้องมารดาเป็นแน่ “ข้าน้อยบอกว่าคุณชายออกไปทำธุระประเดี๋ยวก็กลับ” พ่อบ้านเฉิงกล่าวจบก็ออกไปแล้ว ปล่อยให้ท่านราชครูนั่งงงงวยอยู่บนฟูกผืนหนา พร้อมกับผ้าห่ม เขาถอดรองเท้าแล้วเอื้อมมือขึ้นจับการินน้ำชาลงในถ้วย กลับได้รับรู้ถึงกลิ่นหอมที่ค่อย ๆ ลอยอบอวลขึ้นมาเตะจมูกเขาทีละนิดที ละนิด ยามเมื่อเขาจรดริมฝีปากละเลียดชิมน้ำชาอันแสนชุ่มคอหวานหอม พลันชายหนุ่มยิ้มออก ความกลัดกลุ้มกังวลใจจางหาย เพียงได้ดื่มชาในถ้วยนี้ เขามองด้วยความสงสัย ยกกาน้ำชาขึ้นมาแล้วเทใส่จอกอีกครั้ง คราวนี้เขาค่อย ๆ ดมกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ “นางช่างใส่ใจเสียจริง” ยามนี้เขารับรู้ได้ว่า นางมิได้เลวร้ายถึงเพียงนั้น ย่อมไม่จำเป็นต้องเย็นชาหรือเมินเฉยต่อนาง ในใจกลับชื่นชมนางเข้าให้แล้ว ใจดวงนี้เต้นโครมคราม เมื่อได้ใคร่ครวญมองใบหน้าสะสวยยามหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอน ซึ่งไร้เขาข้างกาย รุ่งอรุณวันใหม่มาเยือน ร่างบอบบางที่ต้องคอยอยู่ในห้องนอน กลับตื่นตั้งแต่เช้า เข้าครัวทำอาหาร หวังว่าจะมัดใจสามีเอาไว้ได้ แม่สามีมิต้องเอ่ยถึงก็เพราะว่าโม่อวี้หรานนั้นจิตใจงดงามอ่อนโยนต่อสะใภ้ผู้นี้นัก ยามนี้ฮูหยินน้อยคนใหม่ กำลังลงมือทำโจ๊กที่มิเคยมีผู้ใดได้พบเห็นมาก่อน นางค่อย ๆ แล่อกไก่ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำมาใส่หม้อ จากนั้นเคียวจนกระทั่งมันเปื่อยยุ่ย ข้าวที่ต้มเอาไว้นานแล้ว ก็ล้วนปรุงรสจากเครื่องปรุงที่นำมาจากบ้าน กลิ่นหอม ๆ นี้ร่องละลอยไปปะทะชายหนุ่ม ซึ่งมักตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายที่สวนด้านข้าง วันนี้กลับมีกลิ่นหอมอันยั่วยวนน้ำลายสอ เขาจึงหยุดการออกกำลังกาย แล้วเดินมายังโรงครัว โจวหย่งเล่อมองดูหญิงสาวกำลังง่วงกับการทำอาหาร เขารู้สึกแปลกใจนัก บุตรีของใต้เท้าถังผู้นี้มิเหมือนผู้ใดจริง ๆ เขายังคงยืนมองอยู่เช่นนั้นครู่หนึ่ง กระทั่งการมาของใครบางคน “คารวะท่านลุงขอรับ” เสี่ยวเปาตื่นแต่เช้า มองดูท่านป้าสะใภ้กำลังลงมือทำอาหาร เขาจึงเอ่ยทักทายพร้อมกับกำลังจะวิ่งเข้าไปหา “เสี่ยวเปาจะไปไหนเล่า” ชายหนุ่มแปลกใจ หลานชายตั้งท่าจะวิ่งไปหาใครบางคน “ถามได้ ข้าก็ไปหาท่านป้าสะใภ้สิขอรับ หิวจนตาลายแล้ว” เจ้าตัวแสบมิฟังเสียงเอ่ยถามของท่านลุง กลับวิ่งแจ้นเข้าไปในครัว เขากระโดดโลดเต้นอยู่ข้าง ๆ ถังเหมยหลินด้วยความดีใจนักหนา นางมองเจ้าเด็กน้อยแสนซุกซนแล้วถามเสียงนุ่มนิ่มด้วยความคุ้นเคย “ตื่นแต่เช้าเชียว หิวหรือไม่เล่า” “แน่นอนสิขอรับ ท่านป้าสะใภ้ทำอะไรก็อร่อย ครั้งนั้นทำขนมมาให้หลานยังคงติดใจอยากชิมอีกหนเลยขอรับ” เสี่ยวเปา หรือโจวสือเฉิง ประจบประแจงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก็เพราะสนิทสนมกับท่านป้าสะใภ้ก่อนที่นางจะกลายมาเป็นภรรยาของท่านลุง ดังนั้นเขาจึงต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาพบหน้า สตรีที่แสนใจดีมีเมตตา ซ้ำยังสะสวยอีกด้วย “ช่างปากหวานนัก เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะทำให้นะ” นางระบายยิ้มแล้วย่อตัวลงตอบกลับ รอยยิ้มอันแสนบริสุทธิ์ทำให้ใครบางคนถึงกับชะงักงัน เมื่อเห็นรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยน มือเรียวยกขึ้นมาจับแก้มของเสี่ยวเปาเบา ๆ อย่างอ่อนโยน “อีกเดี๋ยวจะให้คนยกโจ๊กไปให้นะ เสร็จแล้วล่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นแล้วจูงมือเจ้าตัวแสบออกจากห้องครัว เกรงว่าเขาจะหกล้ม ในนี้ล้วนอันตรายต่อเด็ก มีน้ำร้อน และมีเชื้อเพลิง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา เกรงว่าเสี่ยวเปาของนางอาจได้รับอันตราย “ท่านป้าสะใภ้จะไปพบท่านย่าแบบนี้คงไม่ดีนักนะขอรับ” เขาอมยิ้มอย่างมีเลศนัย “ทำไมกันเล่า” แววตานางสงสัยนัก สำรวจอาภรณ์ก็ล้วนเรียบร้อยดีนี่นา แล้วทำไมเจ้าตัวแสบจึงบอกว่าไม่ดีเล่า “ข้ายังไม่ได้มอบดอกไม้ให้เลย” เสี่ยวเปาดึงดอกไม้ออกมาจากในสาบเสื้อ เป็นดอกไม้แสนงดงาม แล้วเขาจึงยื่นมอบให้ถังเหมยหลิน นางรับดอกไม้มาด้วยความยินดี “แล้วจะให้ข้าปักไปหรือ มันจะสวยใช่หรือไม่” “แน่นอนว่าสวยมากขอรับ ท่านป้าสะใภ้ของข้า งดงามกว่าผู้ใด” คำนี้ล้วนกล่าวกระทบท่านลุงที่กำลังซ่อนตัวอยู่ซอกประตู เมื่อครู่เขาเห็นด้วยสองตาว่าท่านลุงมายืนมองท่านป้าทำอาหาร อีกหน่อยเขาจะมีน้อง ๆ แล้ว ท่านลุงไม่รักท่านป้าผู้นี้ย่อมตาบอดเต็มที น่ารักเยี่ยงนี้หาได้ที่ไหนกัน “เจ้ากำลังยกยอข้าจนตัวหงิกงอแล้ว” หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ เด็กน้อยผู้นี้น่ารักและปากหวาน อีกทั้งยังไร้เดียงสา นางชื่นชอบเด็กเป็นพิเศษ เพราะที่ผ่านมานางก็มักคลุกตัวสอนหนังสือเด็กกำพร้าในสถานศึกษาที่เปิดอยู่นอกเมืองหลวง “ฮูหยิน พร้อมหรือไม่ หากยังไม่พร้อมข้าขอตัว” เขาเดินออกมาจากที่หลบอยู่เมื่อครู่ เห็นนางพูดคุยอย่างถูกคอกับหลานชายก็นึกไม่ชอบใจ มาอยู่ไม่ทันไรก็ตีสนิทกับหลานชายของเขาเสียแล้ว ช่างร้ายกาจแล้วเจ้าเล่ห์ไม่เบา “เดี๋ยวสิเจ้าคะ ท่านรับมื้อเช้าหรือไม่ ข้าทำโจ๊กเผื่อท่านด้วยนะเจ้าคะ” นางเอ่ยถามพร้อมกับดึงแขนเสื้อเขาเอาไว้ เมื่อเขาไม่ฟังและไม่หยุดมองนาง กลับคิดเดินหนี นางจึงรีบคว้าแต่ก็คว้าได้เพียงแค่ปลายแขนเสื้อ “ที่จริงเจ้าไม่จำเป็นต้องทำให้ข้าประทับใจ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่อาจ มอบใจให้เจ้าได้” เขากล่าวเสียงแข็งกระด้าง จ้องมองนางด้วยสายตาไม่พอใจ นางยิ้มเจื่อน ก้มหน้าตอบเขาด้วยเสียงสั่นเครือ “ข้าทราบเจ้าค่ะ ไม่จำเป็นต้องตอกย้ำ คำคำนี้ก็ได้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD