ช่วงอาหารค่ำ...บนโต๊ะมีแค่ฉันกับคุณป๋าเพียงสองคนที่กำลังนั่งทานข้าวกันอยู่
ฉันจะบอกคุณป๋าไปว่ายังไงดี ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจะลงไปในสระน้ำแบบนั้น ตอนนั้นสมองมันคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้
เมื่อคิดถึงตอนที่คุณป๋าใช้ปากของตัวเองมาประกบลงบนริมฝีปากของฉัน จู่ ๆ หัวใจดวงน้อย ๆ มันก็พรันเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาซะดื้อ ๆ
“คุณป๋าคะ....”
“มีอะไร” น้ำเสียงเคร่งขรึมเอ่ยตอบโดยที่ไม่ได้เงยขึ้นมามองหน้าฉันแต่อย่างใด ความเย็นชาของคุณป๋ามันทำให้ฉันกลัว จนลืมว่าตัวเองกำลังจะพูดเรื่องอะไรไปชั่วขณะ
“อะ เอ่อ คือ ฝะ ฝุ่น ฝุ่น เอ่อ.....”
“เวลากินข้าว ห้ามพูด” คุณป๋าเงยหน้าขึ้นแล้วมองฉันด้วยสายตาตำหนิ “ไม่มีมารยาท”
“....” ฉันก้มหน้างุด ทุกครั้งที่เจอดุฉันก็แทบไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นไปมองคุณป๋าอีกเลย
หลังจากกินข้าวเสร็จ คุณป๋าเรียกฉันให้ตามขึ้นไปบนห้อง รู้สึกรับรู้ได้ทันทีว่าคุณป๋ามีเรื่องอะไรที่จะพูดกับฉัน คงไม่พ้นเรื่องในวันนี้แน่ ๆ
“อยากตายมากใช่มั้ย ถึงได้ทำแบบนั้น !!” เมื่อเข้ามาถึงในห้องคุณป๋าก็ตวาดขึ้นมาเสียงดังทันที ทำเอาฉันสะดุ้งก่อนจะถอยหลังหนีคุณป๋าอัตโนมัติ
“ฝะ ฝุ่นไม่เคยคิดแบบนั้นนะคะ”
“ไม่คิด ไม่คิดแล้วทำบ้าอะไรลงไป ทั้งที่รู้ว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น”
“.....”
“เธอไม่รักชีวิตตัวเองรึไง !!”
“คุณป๋าเป็นห่วงฝุ่นหรอคะ...”
ฉันมองหน้าคุณป๋าด้วยความรู้สึกประหม่า แต่คุณป๋ากลับเงียบไม่ตอบอะไร
“ฉันไม่อยากให้วิญญาณของเพื่อนผิดหวัง ถ้าฉันดูแลเธอไม่ดี แค่ฝนจากไป....” พอพูดถึงชื่อพี่ฝนคุณป๋าก็เงียบไปกระทันหัน
“คะ คุณป๋า...”
“ออกไปได้แล้ว ฉันต้องการจะพักผ่อน”
ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องตามที่คุณป๋าสั่ง เมื่อเข้ามาในห้องของตัวเอง ฉันทิ้งตัวลงบนที่นอนพรางคิดถึงเรื่องราวตอนที่พี่ฝนยังอยู่
มันจริงอยู่ที่ฉันกับพี่ฝนเหมือนกันทุกอย่าง ทั้งหน้าตาและรูปร่าง นิสัยคล้าย ๆ แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันด้อยกว่าพี่ฝนคือความเก่งและความกล้า ในตอนนั้นพี่ฝนอายุแค่สิบเจ็ดปี แต่กลับช่วยงานในบริษัทคุณป๋าได้แทบทุกอย่าง
พี่ฝนเก่งถึงขนาดคุณป๋ายกให้เป็นเลขาส่วนตัวเลยก็ว่าได้ นี่คงเป็นเหตุผลที่คุณป๋าเอ็นดูพี่ฝน เพราะฉันมันไม่ได้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง แต่ฉันจะพยายาม จะทำให้คุณป๋าเห็นถึงความตั้งใจของฉันให้ได้ คุณป๋าจะได้เลิกเมินฉันสักที