ร่างบอบบางของเจ้านายสาวเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ในทันใดเมื่อยามที่เธออ่านเอกสารฉบับสุดท้ายจนจบและได้ทำการเซ็นอนุมัติเป็นที่เรียบร้อย พอดีกับที่สายตาของเธอนั้นเหม่อมองไปเห็นคนตัวสูงที่กำลังหลับตาพริ้มเอนตัวพิงโซฟาอยู่ และมันทำให้เธอเผลอมองสำรวจเขาโดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ตั้งใจ
คิ้วหนาดกดำรับกับสันจมูกโด่ง ๆ ของเขามันทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเครื่องหน้าของเขาดีมากจนน่าอิจฉา ไหนจะริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มที่เหมือนจะเผยอขึ้นอยู่หน่อย ๆ นั่นอีก มันคงจะนุ่มนิ่มหนุบหนับน่าดูหากได้ลองเอามือไปสัมผัส และดวงตาของเขาที่หลับพริ้มรับกับขนตางอนยาวนั่นอีก แม้จะมีแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมบดบังแต่ก็ไม่อาจทำให้หน้าของเขาดูดรอปลงไปได้เลย
“จ้องกันขนาดนั้นเลยเหรอ?” ริมฝีปากที่เธอกำลังนึกอิจฉาอยู่ภายในใจนั้นขยับพูดขึ้นมาราวกับดึงสติของเธอให้กลับมาดังเดิม พร้อมกับดวงตาสีดำสนิทของเขาที่เบิกกว้างขึ้นให้เธอต้องเผลอผินหน้าหนีราวกับกลัวจะถูกจับได้
“ฉันจ้างให้เธอมาทำงาน แต่เธอก็เอาแต่นั่งหลับ” ปากสีแดงสดอวบอิ่มพูดขึ้นมาบางเบาพลางมือก็กดเรียกเลขาหน้าห้องให้มารับเอกสารออกไป
“ฉันก็แค่พักสายตาเท่านั้นเอง ไม่เคยต้องมานั่งอยู่เฉย ๆ นาน ๆ แบบนี้เลย” และเขาก็ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง พอดีกับที่เลขาของเธอเดินเข้ามา “เดินทั้งวันคงเหนื่อยแย่เลย”
“คะ?” ควีนสบมองคนพูดสลับกับเลขาของตนที่ทำหน้าเหลอหลาเพราะยังไม่แน่ใจว่าเขาพูดกับใครกันแน่
“หมายถึงคุณเลขาไง...” รอยยิ้มแพรวพราวประดับที่มุมปากให้เลขาของเธอเสียอาการ แต่ควีนก็ได้แต่กอดอกและมองดูต่อไปอย่างไม่ได้ว่าอะไร
“อ๋อ ก็...ก็ไม่นะคะ” เจ้าหล่อนตอบกลับ และเดินเขินอายเข้ามาหยิบเอกสารก่อนที่จะเดินจากออกไปจนกระทั่งลับสายตา
“ทำแบบนี้กับทุกคนเลยหรือไง?”
“หืม?” เขาหันหน้ามาสบมองเธอและยกยิ้มแพรวพราวออกมาอีกครั้ง “ก็แค่กับผู้หญิงที่สนใจเท่านั้นแหละ” และเขาก็เดินเตร็ดเตร่ไปมาราวกับเป็นห้องทำงานของตัวเองไปเสียอย่างนั้น
“อย่ามาทำรุ่มร่ามต่อหน้าฉัน จะทำอะไรก็ทำ...แต่ต้องไม่ใช่ในตอนที่มีฉันอยู่”
“เอ...อย่างนี้เขาเรียกหึงหรือเปล่านะ?”
“หยิบปืนของเธอออกมาและส่งมันมาให้กับฉัน...”
“ล้อเล่นน่า แผลเก่ายังไม่หายดีเลยน้า” คนพูดจายียวนกวนประสาทหัวเราะออกมาอย่างไม่ยี่หระ “ขอถอดสูทออกได้ไหม รู้สึกเหมือนเลือดมันจะซึมน่ะ”
“ตามสบาย” เธอตอบกลับ ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ
ร่างสูงค่อย ๆ ถอดสูทที่ตัวเองสวมใส่อยู่ออกให้เหลือแค่เชิ้ตที่สวมใส่อยู่ด้านใน รอยเลือดเป็นวงกว้างที่แขนของเขาทำให้เธอได้แต่มองดูว่าเขาจะทำอย่างไรต่อ อีกใจหนึ่งก็นึกเป็นห่วงเพราะเธอเป็นคนทำให้เขามีบาดแผลนี้
ก็ใครใช้ให้มายียวนกวนประสาทกันล่ะ!
“อ่า ซึมจริงด้วยแฮะ” เขาจับที่แขนเสื้อของตัวเอง พลางเงยหน้าขึ้นกลับมาหาเธอซึ่งกำลังมองดูอยู่ “ว่าแต่คุณมีเครื่องมือปฐมพยาบาลหรือเปล่า ตั้งแต่เช้าฉันยังไม่ได้ล้างแผลเลย”
“มินจู เอากล่องพยาบาลเข้ามาให้ในห้องที”
“ค่ะควีน” ไม่นานเลขาของเธอก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ในมือ “ควีนเป็นอะไรตรงไหนเหรอคะ? เดี๋ยวมินจูทำแผลให้ดีไหม”
“ฉันไม่ได้เป็น” เธอกอดอกและพยักหน้าไปทางคนด้านหลังที่กำลังจะถอดเสื้อของตัวเองออก “เอาไปให้เขา”
“ค่ะควีน...” มินจูเดินเข้าไปหาคนที่กำลังรออยู่ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาและยกยิ้มให้กับเธออีกครั้ง
หัวใจของเธอเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเพราะไม่อาจจะต้านทานหัวใจของตัวเองได้ไหว คน ๆ นี้ที่เธอได้เห็นเป็นครั้งแรกบอกเลยว่าเขาดูดีมากแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน
ส่วนตัวของเธอไม่ได้ชอบพอผู้หญิงเป็นการส่วนตัว แต่กับเขาที่เธอได้เห็นเพียงครั้งเดียวยังยอมรับว่าหัวใจดวงนี้มันไม่รักดีเอาเสียเลย
“ขอบใจนะ” เขาว่าและถอดเสื้อออก เผยให้เห็นสปอร์ตบราพร้อมกับลอนกล้ามหน้าท้องที่ทำเอาเธอได้แต่ยืนผินหน้าหนีเพราะมันรุนแรงต่อหัวใจของเธอเกินไป
“หะ ให้ฉันทำให้ดีไหมคะ?” ไลอ้อนเงยหน้ามองคนพูดก่อนที่เขาจะขยับร่างของตัวเองให้มีที่ว่างพอให้อีกคนได้นั่ง
“งั้นรบกวนด้วยนะ” มินจูกำลังจะนั่งลงเพื่อทำแผลให้กับเขา ซึ่งเธอก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าเขาไปโดนอะไรมา
การที่เธอมาทำงานกับควีนได้แน่นอนว่าเธอจะต้องมีภูมิต้านทานในเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว การ์ดของควีนหลาย ๆ คนก็เป็นเธอทั้งนั้นที่นั่งทำแผลให้ แม้ว่าทุกวันจะเสี่ยงลูกปืนจากทั่วทุกสารทิศ แต่มันก็แลกมากับค่าเหนื่อยที่คุ้มค่า และควีนก็ดีกับเธอมาก ๆ จนเธอได้แต่ขอบคุณเจ้าหล่อนที่รับเธอเข้ามาทำงานที่นี่
“มินจู”
“คะควีน?” เธอหันหน้าไปหาเจ้านายสาวที่ยังนั่งกอดอกและมองมาทางเราสองคน
“ไปส่งเอกสารให้กับหัวหน้าฝ่ายผลิตหน่อย เขาเร่งมาว่าจะต้องส่งให้กับฝ่ายขายต่อ”
“อ่า...” เธอมองหน้าของควีนสลับกับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างหนักใจ
“ไปเถอะ เดี๋ยวฉันทำเอง” เขายกยิ้มและพูดออกมาอย่างสบาย ๆ แม้เธอจะรู้สึกเสียดายแต่หน้าที่ของเธอก็คือทำตามคำสั่งผู้หญิงที่นั่งอยู่ในห้องอีกคน
“ได้ค่ะควีน” เธอหันไปตอบรับ “ขอโทษด้วยนะคะ” และเบนหน้ากลับมาบอกเขาอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรเลย อย่างไรเดี๋ยวฉันก็คงมีแผลมาอยู่บ่อย ๆ” เขายกยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร “ถึงตอนนั้นแล้ว...ฉันจะมาให้คุณทำแผลเป็นคนแรกเลย”
“มินจู...”
“ค่ะควีน” เธอรีบลุกและเดินจากออกไปในทันทีด้วยใบหน้าแดงก่ำและหัวใจที่พองโต เมื่อเจ้านายของเธอเริ่มใช้น้ำเสียงเย็น ๆ แห่งความไม่พอใจ
และมันทำให้ไลอ้อนได้แต่มองเจ้าหล่อนที่เดินออกไปจนกระทั่งลับสายตา และเขาก็หันกลับมาสนใจที่แขนของตัวเองต่อ
ไลอ้อนค่อย ๆ เปิดผ้าพันแผลสีขาวของตัวเองออกอย่างเบามือและทิ้งมันไปเนื่องจากว่าเลือดซึมออกมามากจนน่าจะไม่สามารถใช้งานต่อไปได้อีก
แต่แล้วโซฟาที่ยวบลงข้าง ๆ ก็ทำให้เธอได้แต่เงยหน้าขึ้นสบมองบุคคลที่มานั่งมัน ก่อนจะเห็นว่าคนที่มานั่งแทนที่คุณเลขาคนสวยไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเจ้าของห้องหรือเจ้าของตึกนี้อย่างควีนนั่นเอง
“ส่งมือมา...”
“อะไรนะ?” เธอถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “อ๊ะ ๆ เบา ๆ สิคุณ” แต่กลับถูกกระชากแขนออกไปเป็นคำตอบของคำถามเธอแทน
ควีนบรรจงใช้น้ำเกลือเช็ดไปที่รอบ ๆ แผลของเธอด้วยมือที่เบาที่สุดจนไลอ้อนไม่รู้สึกเจ็บกับมันเลย กลับกัน...ใบหน้าหวานสวยที่ดูดุดันเพราะริมฝีปากสีแดงสดจากการแต่งแต้มนั้นทำให้เธอไม่อาจจะละสายตาออกไปจากใบหน้านั้นได้เลยแม้เพียงเสี้ยววินาที
“หากคุณไม่แต่งหน้า...หน้าของคุณจะต้องหวานสวยมากแน่ ๆ” และมันเป็นเพราะว่าตัวเองคิดอะไรก็มักจะพูดออกไปอย่างนั้นเสมอ...และครั้งนี้มันก็เป็นเช่นนั้น
ควีนเงยหน้าสบมองคนพูดก่อนที่เธอจะผินหน้าหนีอย่างรู้สึกทำตัวไม่ถูกเพราะเขาดันเล่นจ้องเธอเสียจนแววตาเป็นประกายอย่างไม่ปิดบัง และเธอก็แก้อาการประหม่าของตัวเองด้วยการ...
“โอ้ย ๆ เบา ๆ คุณณณณณณ!”
“ปากมากนักนะ! อยากชิมลูกปืนอีกสักรอบไหม?”
“คุณณณณณณณณณณณณ!!”
สุดท้ายแล้วตอนนี้เราก็มานั่งอยู่ในรถด้วยกัน นับว่าเป็นโชคดีของเธอก็แล้วกันที่ไม่ต้องกินลูกปืนอีกเม็ด และยังไม่ขาดใจตายกับการทำแผลของควีนที่เล่นกดมาเสียเต็มแรง
“แวะห้องตัดชุดให้ฉันด้วย”
“ได้ครับควีน” ซงคังพยักหน้าตอบรับคนที่นั่งอยู่ทางเบาะหลัง และเขาก็หันหน้ามาสบมองเธอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยดวงหน้าที่เธอก็พอดูออกว่าเขาคงจะยังไม่ค่อยไว้ใจเธอเท่าที่ควร
แต่ไลอ้อนเองก็ไม่ได้สนใจ เธอไม่ได้ใส่ใจในตอนนี้ว่าจะมีใครมาไว้เนื้อเชื่อใจเธอหรือเปล่า ยกเว้นแค่ควีนคนเดียวเท่านั้น...และเธอเชื่อว่าที่เจ้าหล่อนรับเธอเข้ามาเป็นคนของตัวเอง ควีนเองก็คงจะคิดมาดีแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสนใจใครคนอื่นอีก
ไม่นานนักรถก็เคลื่อนตัวมาจอดยังร้านตัดเสื้อที่ดูแล้วน่าจะเป็นร้านประจำของคุณเขา เธอเดินตามหลังควีนอยู่ไม่ห่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งซงคังที่เดินอยู่ข้าง ๆ ของควีนอีกฝั่งอย่างระวังตัวให้
“สวัสดีค่ะควีน วันนี้จะมาตัดชุดใหม่เพื่อใส่ในงานอีกสองวันข้างหน้าใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
“เชิญทางนี้เลยค่า” เจ้าหล่อนที่ดูเหมือนเป็นเจ้าของร้านผายมือให้ควีนได้เข้าไปด้านใน “นั่งรออยู่แถว ๆ นี้ก่อนนะซงคัง”
“ได้ครับควีน”
“ส่วนเธอตามเข้ามา...”
“ฉันเหรอ?” เธอชี้ไปที่ตัวเองอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องให้เข้าไปด้วย
“เรียกคนวัดสูทให้เขาด้วยนะคะ ขอเป็นตีมเดียวกันกับฉัน”
“รับทราบค่ะควีน”
“เดี๋ยวนะคุณ...”
“ไม่ต้องถามมาก...” ควีนยกมือขึ้นมากอดอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “วันงานเธอต้องเข้าไปกับฉันในฐานะของบอดิการ์ด ดังนั้นฉันสั่งให้ทำอะไรก็แค่ทำตาม เข้าใจไหม...ไอชิบะ!”