“อะไรนะคะ!!! พ่อกับแม่จะให้หนูแต่งงานเหรอคะ”เสียงตะโกนอย่างตกใจของหญิงสาวดังลั่นไปทั่วบ้าน
“พ่อกับแม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ตังเมแต่งงานจริงๆ”คุณหญิงจันทราผู้เป็นแม่เอ่ยบอกลูกสาวบุญธรรมของตนอย่างอ้อนวอน
“แต่ว่าหนูยังไม่พร้อมเลยนะคะ หนูเพิ่งเรียนจบเองนะคะ”หญิงสาวมองไปที่พ่อแม่ของตนด้วยความสับสนหลังจากที่เมื่อวานพ่อกับแม่เพิ่งไปแสดงความยินดีในวันเรียนจบของเธอเอง ไหงวันนี้ดันมาบังคับให้เธอแต่งงานกันล่ะ
“เตรียมตัวให้พร้อม วันนี้แกต้องไปพบกับว่าที่เจ้าบ่าว”พ่อของตังเมเอ่ยแกมบังคับ ก่อนจะเดินออกไปทันทีโดยไม่ได้สนใจสีหน้าอันผิดหวังของลูกสาวแม้แต่น้อย
“ตังเม อย่าโกรธพ่อกับแม่เลยนะ พ่อกับแม่มีความจำเป็นจริงๆ”จันทราลูบหัวของลูกสาวก่อนจะเดินตามผู้เป็นสามีออกไป ปล่อยให้หญิงสาวได้คิดทบทวนด้วยตัวเอง
ร่างบางกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกอดหมอนและร้องไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจ ทั้งชีวิตพ่อกับแม่ของเธอไม่เคยบังคับให้เธอทำอะไรที่ไม่เต็มใจจะทำเลยสักอย่างถึงแม้เธอจะเป็นเพียงลูกบุญธรรมก็ตาม แต่ครั้งนี้มันแปลกมากจริงๆที่พ่อแม่บังคับให้เธอแต่งงาน แล้วผู้ชายคนนั้นเธอก็ไม่เคยรู้จัก เพราะมันเป็นเพียงการพูดคุยของผู้ใหญ่เองทั้งหมด
“พี่เม สายฟ้าขอเข้าไปนะ”เสียงของสายฟ้าซึ่งคือน้องสาวของเธอเคาะประตูบอกที่หน้าห้องก่อนจะเปิดประตูเข้ามา หญิงสาวผมสั้นคล้ายผู้ชายในชุดนักเรียนโรงเรียนหญิงล้วนเดินเข้ามาหาพี่สาวในห้อง
“กลับมาแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง สอบได้มั้ย”
“พ่อกับแม่บังคับพี่เมให้แต่งงานเหรอ ถ้าพี่เมไม่อยากแต่งก็อย่ายอมสิคะ”
“คงไม่ได้หรอก พ่อกับแม่คงมีความจำเป็นจริงๆ”ตังเมเริ่มพอจะเข้าใจเหตุผลที่พ่อแม่จะให้เธอแต่งงานมากขึ้น และเธอก็รู้ว่าถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นคนไม่ดีพ่อกับแม่ของเธอคงไม่ยอมยกเธอให้เขาอย่างแน่นอน อย่างน้อยผู้ชายคนนี้เป็นคนดีก็พอแล้วล่ะ
“โธ่ พี่ตังเม”สายฟ้าโอดครวญด้วยความสงสารพี่สาวที่โตมาด้วยกัน ถึงเธอกับตังเมจะไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกัน เพราะถูกรับมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งคู่ แต่ก็เติบโตมาด้วยกันในทุกช่วงเวลาและรักกันเหมือนพี่น้องแท้ๆเลยล่ะ รวมถึงพ่อแม่ก็ดูแลพวกเธอให้มีชีวิตที่ดีไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยสักนิดเดียว
“ไปแต่งตัวสิ วันนี้พ่อกับแม่จะพาไปเจอว่าที่เจ้าบ่าวของพี่”
“สายฟ้าไม่ไปหรอก วันนี้หนูจะไปทำพาร์ตไทม์กับเพื่อน”
“โอเคจ้ะ งั้นก็รีบแต่งตัวไปทำงานสิ แล้วอย่ากลับดึกนักล่ะ”
“ค่ะ”
หลังจากที่สายฟ้าออกไป ตังเมก็ล้างหน้าล้างตาและเตรียมตัวไปเจอคู่หมั้นอย่างที่พ่อกับแม่บอกเธอไว้ พลางปลอบใจตัวเองไปด้วยว่าบางทีมันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดก็ได้
19:45 @BALABA RESTAURANT
ตังเมก็มาถึงสถานที่นัดพบซึ่งเป็นร้านอาหารหรูพร้อมกับพ่อแม่ เธอสวมชุดเดรสสีฟ้ายาวคลุมเข่า ผมรวบมัดเป็นหางม้าม้วนลอน และแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบนใบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จันทราบีบมือของลูกสาวเบาๆเพื่อปลอบลูกสาว หญิงสาวจึงหันมายิ้มให้เล็กน้อยเป็นสัญญาณบอกว่าเธอไม่เป็นไร
“สวัสดีค่ะคุณพายุคุณนิภา”
“สวัสดีค่ะคุณจันทราคุณพิทักษ์”พ่อแม่ของหญิงสาวทักทายกับพ่อแม่ของคู่หมั้นอย่างสนิทสนม ก่อนที่ทั้งสองจะหันมามองเธอ เธอจึงยกมือไหว้ทักทายอย่างเคารพ
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ สวยตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะ”คุณนิภาเอ่ยชมเธอด้วยท่าทีเอ็นดู
ที่จริงเธอเคยเจอกับคุณนิภาและคุณพายุบ้างเป็นครั้งคราวตอนไปออกงานกับพ่อแม่
แต่หลังจากที่เข้ามหาลัยเธอก็เลยไม่ค่อยได้ออกงานมากนัก ส่วนใหญ่จะไปงานเล็กๆแทนเพราะไม่ต้องเตรียมตัวเยอะแยะมากมาย ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็จัดการสั่งอาหารมารอชายหนุ่มอีกคนซึ่งก็คือว่าที่เจ้าบ่าวของเธอที่เป็นคุณหมอเพิ่งออกเวรเลยมาทีหลัง
อันที่จริงเธอก็เพิ่งรู้เมื่อกี้เลยว่าเจ้าบ่าวของเธอนั้นเป็นถึงคุณหมอที่เรียนจบจากต่างประเทศเลยล่ะ อีกทั้งคุณนิภาบอกว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบและบางทีอาจจะพูดจาไม่เข้าหูของเธอก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นคุณแม่ของเธอก็ยังคงคัดค้านว่าเขาคนนั้นนิสัยดีที่สุดแล้ว ไม่รู้ว่าเธอควรจะเชื่อใครดีแต่ที่แน่ๆแม่ของเธอดูจะชอบเขาเป็นพิเศษเลยล่ะ
“ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ”เสียงทุ้มที่แสนจะเรียบนิ่งเอ่ยก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของหญิงสาว ตังเมที่ก้มทานอาหารในจานอย่างเอร็ดอร่อยเงยหน้าขึ้นมามองว่าที่เจ้าบ่าวอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มผมสีดำที่ปล่อยเซอแล้วใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ธรรมดา แต่ทำไมถึงได้ดูดีขนาดนี้ ไหนจะท่าทีอันแสนจะเรียบนิ่งของเขาอีก ดูไปดูมารูปพรรณสัณฐานของเขาก็จัดว่าดีมากเลยทีเดียว คงต้องดูกันที่นิสัยแล้วล่ะ
“เหนือ นี่น้องตังเม ลูกสาวของคุณจันทรากับคุณพิทักษ์”
“กินเลอะเทอะชะมัด”ตังเมที่กำลังทานอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุขก็ชะงักไปทันที พลางเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มก่อนจะมองบนใส่เขาไปทีนึง เธอรู้ว่ามีอาหารติดอยู่บริเวณริมฝีปากของเธอและมันก็ไม่ได้เลอะเทอะเพียงแค่เปื้อนเล็กน้อยเท่านั้นเอง
“เหนือน้ำ ทำไมไปว่าน้องอย่างงั้นล่ะ”คุณนิภาตีไปที่ไหล่ของลูกชายทีนึงเป็นการปราม แต่เขานั้นก็ทำท่าทีไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ตังเม ทานดีๆสิลูก โตแล้วนะ”จู่ๆแม่ของเธอก็หันมาปรามทันทีนั่นยิ่งให้หญิงสาวหน้างอกว่าเดิมไปอีก ทั้งที่ปกติแม่ของเธอไม่เคยดุเรื่องนี้เลยแท้ๆแต่พอเป็นเขากลับทำให้แม่ดุเธอจนได้
“หนูขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”ตังเมหยิบทิชชู่ออกมาเช็ดริมฝีปากก่อนจะเอ่ยขอตัวออกมาจากตรงนั้น เพราะทนมองหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของเธอไม่ไหวแล้ว ดูท่าสิ่งที่คุณนิภาบอกจะจริงซะด้วยสิ แบบนี้เธอจะทนอยู่กับเขาได้ยังไงกัน ขนาดแค่เจอกันครั้งแรกเขายังพูดแบบนี้เลย นี่แค่เธอกินเลอะปากนิดหน่อยเองนะ ถ้าอยู่ด้วยกันเธอคงตายแน่ๆ
หญิงสาวเดินออกมาสูดอากาศบริเวณทางด้านหลังร้านซึ่งอยู่ติดกับริมแม่น้ำและมองเห็นสะพานขนาดใหญ่ที่ประดับด้วยแสงไฟทำให้ดูสวยงามในยามกลางคืนทันใดนั้นสายตาของเธอก็เหลือบไปสะดุดกับชิงช้าสีขาวที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
เธอจึงเดินเข้าไปนั่งและแกว่งไปมาอย่างช้าพร้อมมองทิวทัศน์ตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินโดยมีสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองเธออยู่
เหนือน้ำเดินตามหญิงสาวออกมาเพราะอยากจะเดินมาดูท่าทีดื้อๆของเธอ เมื่อกี้เขาแค่อยากแกล้งเธอเล่นเท่านั้นเอง แต่ดูจากท่าทางของหญิงสาวที่โต้ตอบเขาแล้ว ดูท่าจะหัวดื้อไม่เบาเหมือนกัน ชายหนุ่มยืนมองหญิงสาวที่กำลังไกวชิงช้าเล่นอยู่คนเดียวท่ามกลางลมหนาวในยามกลางคืนที่พัดมาเอื่อยๆ
จนกระทั่งตังเมรับรู้ได้ว่ามีใครบางคนกำลังมองเธออยู่จึงหันมาเห็นชายหนุ่มยืนอยู่นั่นเอง ตังเมถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย จู่ๆเธอก็รู้สึกไม่ค่อยชอบเขาแล้วสิ ปากเสียขนาดนั้น ใครจะไปชอบกันล่ะ!!! หญิงสาวลุกออกจากชิงช้าและเดินกลับไปทางเดิมที่เดินมาแต่ก็ถูกร่างสูงเดินเข้ามาดักไว้
“มีอะไรเหรอคะ คุณเหนือน้ำ”น้ำเสียงประชดประชันของหญิงสาว
ทำให้เหนือน้ำรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ว่าที่เจ้าสาวของเขาได้โกรธเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วอีกทั้งยังทำท่าทีห่างเหินราวกับคนไม่รู้จักกัน ก็จริงอยู่ที่เธอไม่รู้จักเขาแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้จักเธอสักหน่อย
“เปล่าหรอก แต่ว่าเธอไม่คิดจะทักทายว่าที่เจ้าบ่าวหน่อยหรือไง”ตังเมหันมามองว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองก่อนจะตอกกลับจนชายหนุ่มหน้าเหวอเล็กน้อย
“คงไม่ดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากทักทายคนปากปีจอ”