.
..
...
....
หญิงสาวร่างเล็กใบหน้าเรียวรูปไข่หน้าตาสะสวย เดินไหล่ตกออกมาจากห้องตรวจด้วยสีหน้าวิตกกังวล เดินเรื่อยเปื่อยมาได้สักพักเธอก็หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ ในมุมนั่งเล่นของโรงพยาบาลอย่างหมดอาลัยตายอยาก
‘อินทิรา’ เพิ่งจะได้รับข่าวร้ายจากคุณหมอมาหยกๆ เพราะแม่ของเธอเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่สองต้องเข้ารับการผ่าตัดและทำเคมีบำบัดควบคู่กันไป ทำให้ค่ารักษาสูงลิ่วและนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่ในตอนนี้
‘อินทิรา เจริญกิจกุล’ หรือที่เพื่อนเรียก ‘อิน’ สาวน้อยวัยยี่สิบสองกะรัต เพิ่งจะจบการศึกษาด้านกฎหมายมาได้เพียงสองเดือน ยังไม่ได้แม้แต่จะหางานทำเลยด้วยซ้ำ แต่มารดาผู้เป็นเสาหลักก็ต้องมาป่วยเข้าเสียก่อน มารดาของเธอมีอาชีพขายข้าวแกงข้างทางรายได้เพียงน้อยนิด แต่ต้องมาเลี้ยงดูส่งเสียเธอและน้องชายวัยสิบแปดปีที่เพิ่งจะจบชั้นมัธยมปลายมาหมาดๆ
“แม่จ๋าหนูจะทำทุกทางเพื่อหาเงินมารักษาแม่ให้ได้ ฮือออ...” เจ้าหล่อนอดไม่ได้ที่จะปล่อยโฮออกมา นั่นเพราะคิดหาหนทางไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะหาเงินจำนวนมหาศาลขนาดนั้นมาจากไหนได้ในระยะเวลาอันสั้น
เอ๋!!!
“ฮัลโหลค่ะคุณบาสเตียน ตอนนี้ดิฉันกำลังหาอยู่ค่ะ สาวพรหมจรรย์ที่ไหนจะมารับงานอย่างนี้ล่ะคะ ติดต่อใครไปก็ปฏิเสธทุกราย แต่ดิฉันจะพยายามหาให้ได้นะคะไม่ต้องห่วง”
เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนกำลังคุยสายอยู่ข้างๆ อินทิราจึงเอี้ยวหน้าไปมองอย่างงงๆ ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มจนหมด จากนั้นก็ลุกขึ้นจะเดินไป
“เพิ่มให้อีกห้าล้าน เป็นสิบล้านเลยเหรอคะ!”
ได้ยินอย่างนั้นอินทิราก็ชะงักฝีเท้าทันที ก่อนจะเอี้ยวหน้าไปมองหญิงสาวคนนั้นอีกครั้งอย่างสนใจ
สิบล้านบาทเลยงั้นหรือทำไมถึงได้มากมายมหาศาลขนาดนี้นะ
ว่าแต่มันคืองานอะไรกันแน่ทำไมถึงได้มีค่าจ้างมากมายมหาศาลขนาดนี้ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นงานอะไรก็ตาม เธอจะยอมทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมารักษามารดาให้จงได้
“ขอโทษนะคะ” เธอยอมหน้าด้านเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายก่อน
“มีอะไรเหรอคะ”
แรกพบคนแปลกหน้าก็ทำเอา ‘ปราลี’ ถึงกับตะลึงงันกับความสวยของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เห็นอย่างนี้แล้วมีหรือที่เธอจะยอมปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ เพราะเหลือระยะเวลาอีกไม่นานก็จะถึงเส้นตายที่บาสเตียนได้ขีดไว้ให้แล้ว ไม่งั้นค่าจ้างก้อนใหญ่ที่เธอจะได้รับคงจะหลุดมือไปแน่ๆ
“คือ...ฉันสนใจงานที่คุณพูดถึงเมื่อครู่ค่ะ” อินทิรากลั้นใจพูดออกไปรวดเดียวจนจบ ก้มหน้ารอคำตอบด้วยกลัวว่าจะโดนปฏิเสธ
“คุณพูดจริงเหรอคะ” ปราลียิ้มกว้างกระโดดตัวโหยงๆ ด้วยความดีอกดีใจ
“จริงค่ะ...ว่าแต่ได้สิบล้านจริงหรือเปล่าคะ” ใครจะหาว่าเธอเห็นแก่เงินก็ช่าง เพราะชีวิตของมารดาสำคัญที่สุด
“จริงสิคะ สิบล้านบาทแต่มันก็มีข้อแม้ที่ค่อนข้างจะยุ่งยากพอสมควร”
“งานที่ว่าคืออะไรคะฉันทำได้ทุกอย่างเลย”
“ฉันว่าเราไปนั่งคุยกันที่อื่นดีกว่าไหมคะตรงนี้คนเยอะอาจจะไม่สะดวก”
“ได้ค่ะ”
อินทิราเริ่มยิ้มออกเมื่อรู้ว่ากำลังเข้าใกล้เงินสิบล้านมากขึ้นทุกที แม้จะยังไม่ได้รู้เลยว่ามันคืองานอะไรกันแน่
ทั้งสองเดินมาถึงบริเวณโซนที่นั่งปลอดคนในชั้นเดียวกัน จากนั้นปราลีก็เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา
“ก่อนอื่นต้องแนะนำตัวก่อนนะคะฉันชื่อปราลี เคยทำงานเป็นเลขาส่วนตัวคุณบาสเตียนที่ลาสเวกัส และเมื่อไม่นานมานี้ท่านติดต่อมาเพราะต้องการให้ฉันหาแม่อุ้มบุญให้”
“ห๊ะ! มะ...แม่อุ้มบุญ” อินทิราแทบไม่เชื่อหูตัวเอง มิน่าล่ะจำนวนเงินถึงได้มหาศาลขนาดนี้ เธออาจจะตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น แต่ถ้าถามว่าจะทำไหม เธอตอบได้เต็มปากว่า…ทำจ้า!!!