ตลอดทั้งวันต้นหลิวทำงานด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเพราะเห็นนลินชอบส่งยิ้มมาให้บ่อยครั้ง เดินเข้าบริษัทตอนกลางวันก็มักจะเจอนลินกับสายฝนอยู่ด้วยเสียทุกครั้ง การพบกันก่อนหน้านั้นไม่ได้ทำให้เธอกับคีรันมีปัญหากันมากนัก เถียงกันนิดหน่อยก็เข้าใจกันได้
ทว่าสายตาของนลินเวลามองคีรันมันทำให้เธอมั่นใจว่าอีกฝ่ายคิดไม่ดีแน่
วันนี้เป็นวันศุกร์หลังเลิกงานเธอเลือกจะรีบกลับห้องแต่ก็ไม่วายเจอนลินกับพนักงานที่มากันเป็นกลุ่ม เลิกงานแบบนี้ก็คงไปเลี้ยงฉลองต้อนรับเด็กใหม่ เธอไม่ชอบเข้าสังคมจึงเลือกจะปฏิเสธ ให้ไปนั่งกับนลินเธอไม่เอาด้วยหรอก
“หลิวพี่ขอคุยด้วยได้ไหม” นลินเรียกน้องสาวพาลให้พนักงานทั้งกลุ่มหยุดเดินและถอยออกไปยืนอีกมุมรอ บริเวณนั้นจึงเหลือเพียงนลิน สายฝน เหมย และอรวิภา
“รู้จักกันมาก่อนเหรอเนี่ย” เหมยเริ่มกังวลเพราะนินทาอีกฝ่ายไปเยอะพอสมควร หัวหน้าฝ่ายบัญชีเริ่มร้อนรน ว่าอีกฝ่ายน้อยเสียที่ไหน หากนลินไปเล่าให้น้องสาวฟังเธอต้องแย่แน่
“ลินเป็นพี่สาวของต้นหลิวค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับพร้อมกับมองน้องสาวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย นลินมองน้องสาวที่สวมเสื้อผ้าเนื้อดี ซึ่งต่างจากตนเองที่เป็นเพียงพนักงานธรรมดาใส่เพียงเสื้อผ้าราคาถูกเท่านั้น
พนักงานหลายคนที่รอเริ่มจับสังเกตสีหน้าได้ บางคนก็ทำเป็นเดินเฉียดไปฟัง บางคนมีมารยาทก็ถอยห่างนั่งรอเงียบ ๆ
“พี่สาวเหรอ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย” อรวิภานึกแปลกใจในความสัมพันธ์ของสองพี่น้อง ต้นหลิวดูดีจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่ามีพี่สาวเป็นพนักงานบัญชีอย่างนลิน
นิสัยก็ดูต่างกันมาก ต้นหลิวกล้าคิดกล้าตัดสินใจ เธอเป็นผู้หญิงทั้งสวยและเก่ง ตรงข้ามกับนลินที่ดูเรียบร้อยกว่า รูปลักษณ์ภายนอกยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต้นหลิวสวยและไม่มีส่วนไหนคล้ายกับนลินเลย นลินไม่ใช่คนขี้เหร่แต่หากมาเทียบกันต้นหลิวนั้นสวยจนผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา
“หลิวไม่ได้นับผู้หญิงคนนี้เป็นญาติหรอกนะคะ เธอไม่ต้องมาทักหรืออยากรู้จักฉันนลิน” แค่เดินผ่านไปจะตายกันหรือไง
เสียเวลาต้องมายืนหายใจใกล้ ๆ แบบนี้โคตรขยะแขยง
“ลินเป็นพี่สาวแกนะนังหลิว” สายฝนตะโกนเสียงดังด้วยเห็นว่าต้นหลิวกำลังมองเหยียดพี่สาวตัวเอง
ท่าทางเหมือนคนลืมกำพืดของต้นหลิวทำให้สายฝนรู้สึกเกลียดอีกฝ่ายมาตลอด วางท่าผู้ดีทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร
ตั้งแต่สมัยเรียนก็เที่ยวร่านแย่งผัวคนอื่นไปทั่ว เธอกับนลินแค่สั่งสอนเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำเป็นเกลียดจนไม่อยากยุ่งด้วย
ทำตัวเว่อร์ไม่มีใครเกิน!
“…” ต้นหลิวไม่ตอบแต่หันมาจ้องหน้าสายฝนคล้ายกับกำลังถามว่า ‘แล้วไง’ อีพี่สาวคนนี้มันมีบุญคุณอะไรให้ต้องซาบซึ้งถึงต้องเคารพมัน
แค่ทำตัวเป็นคนยังทำไม่ได้…แต่ดันอยากรับบทพี่สาวผู้รักน้อง
“ได้ดีแล้วหยิ่งเหรอ ลืมพ่อแม่พี่น้องเลยสินะ”
สายฝนมองเหยียดกลับพร้อมกับเตรียมจะต่อว่าต้นหลิวทว่านลินห้ามไว้ก่อน
“ฝนอย่าว่าหลิวเลยนะ เราผิดเองที่ใจร้อนรีบทักน้อง หลิวคงอายใช่ไหมที่มีพี่จน ๆ แบบลิน พี่ขอโทษนะหลิว”
นลินน้ำตาไหลพรากขอโทษน้องสาว
“ไม่ต้องมาเล่นบทนางเอกแถวนี้หรอก แกมาทางไหนไสหัวกลับไปทางนั้นเลย” หญิงสาวพูดเสียงลอดไรฟันชี้นิ้วไล่โดยไม่แคร์เหมยที่ยืนฟังอยู่
หัวหน้าฝ่ายบัญชีคนนี้ไม่ชอบเธอนัก นับว่านลินคิดมาดีที่อยู่ติดกับเหมยเพราะจะรู้ความเคลื่อนไหวเธอทั้งหมด ป่านนี้คงเอาเรื่องในอดีตไปนินทาจนหมด
“หลิวพี่ต้องทำงานเพื่อเอาเงินไปรักษาพ่อ ฮึก ที่พี่เข้ามาทักเพราะอยากให้หลิวลดดอกเบี้ยให้หน่อยได้ไหม”
ดอกเบี้ยเงินกู้ที่เธอกับพ่อแม่กู้ต้นหลิวมา ตอนนี้จวนจะส่งไม่ไหว
สามปีที่แล้วพ่อประสบอุบัติเหตุจึงบากหน้าขอความช่วยเหลือจากต้นหลิวผู้เป็นน้องสาว ทว่านอกจากโดนด่ากลับมายังเอาสัญญาเงินกู้ที่พ่อเคยเป็นหนี้มาขู่ด้วย ตอนนั้นแม่ก็ไม่เงินจึงเอ่ยปากขอหยิบยืม เธอและแม่จึงติดหนี้ต้นหลิวและต้องส่งดอกทุกเดือน
“ฉันต้องรับรู้ด้วยเหรอ” เป็นหนี้แต่ไม่อยากจ่าย เอาสมองส่วนไหนมาคิด
เงินทุกบาทเธอหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เธออยากเอาไว้ใช้สุรุ่ยสุร่าย เอาไว้โยนทิ้งมันก็สิทธิ์ของเธอหรือเปล่า
“แกเลวมากนังหลิว พี่น้องเดือดร้อนแทนที่จะช่วยเหลือ”
สายฝนลูบหลังเพื่อนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักขึ้นเรื่อย ๆ
“สงสารทำไมไม่ช่วยอะ ขี้เกียจตัวเป็นขนหัดทำงานบ้างจะได้รู้ว่าเงินแต่ละบาทมันมีค่า” ยืนแบมือขอเงินคนอื่นตลอดชีวิตมันใช้ได้เหรอ
นลินเองก็เรียนจบก่อนเธอด้วยซ้ำ อายุก็มากกว่าทำไมไม่เลี้ยงพ่อแม่มันเองถ้ากตัญญูรู้คุณนัก อยากเป็นนักบุญแต่ใช้ทุนอีต้นหลิวคนเดียวก็ไม่ไหว
“แต่งตัวดีมีรถหรู ๆ ขับแต่ทิ้งให้พี่สาวเลี้ยงพ่อแม่อยู่คนเดียว อีคนเนรคุณ” เสียงด่าทอของสายฝนเริ่มดังจนพนักงานมองเยอะขึ้น
“ฮึก ๆ พอเถอะฝน ฮือ ๆ ลินจะหาทางช่วยพ่อเอง ฮึก หลิวไม่ช่วยก็ไม่เป็นไรหรอกนะ แต่ไปเยี่ยมพ่อบ้างได้ไหม”
หญิงสาวขอร้องเพราะไม่รู้จะเอาชีวิตรอดต่อไปอย่างไร บ้านที่อยู่ก็กำลังจะโดนยึด หนี้นอกระบบที่อื่นก็มีอีกมาก
ชีวิตของเธอและพ่อแม่มาอยู่ในจุดย่ำแย่ที่สุด เงินทองที่เคยมีก็เริ่มหดหายเพราะต้องเอามารักษาตัว จากที่ไม่ต้องทำงานก็ต้องดิ้นรนหางานทำ
“ฉันไม่ว่างขนาดนั้นหรอก พ่อแกแกก็เลี้ยงดูเอาเองแล้วกัน ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนยอดกตัญญู” แววตาเฉยชาของต้นหลิวสร้างความประหลาดใจให้อรวิภาอยู่ไม่น้อย
ต้นหลิวแม้จะดูนิ่ง ๆ ไม่สุงสิงกับใครแต่สำหรับอรวิภาเธอรับรู้ได้ว่าหญิงสาวเป็นคนดีคนหนึ่ง ปัญหาระหว่างต้นหลิวกับนลินดูจะหนักหนา หนักชนิดที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเลือกจะมองพี่สาวตัวเองด้วยสายตาไร้เยื่อใยแบบนี้
“หลิวพี่ขอร้อง ฮึก ๆ” นลินนั่งคุกเข่าพร้อมกับยกมือไหว้ต้นหลิว เธอเห็นพนักงานหลาย ๆ คนกำลังสนใจและยิ่งไปกว่านั้นคือท่านประธานหนุ่มก็มองมาเช่นเดียวกัน
“ลุกขึ้นมาถ้าไม่อยากเดือดร้อนกว่าที่เคยเป็น ลาออกไปซะจะดีกว่า” ต้นหลิวสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง
นลินจำต้องลุกขึ้นยืนเพราะไม่กล้าขัดใจน้องสาว ต้นหลิวในตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว ต้นหลิวคนนี้ทำได้ทุกอย่าง
หญิงสาวทิ้งท้ายและไม่ได้อยู่ต่อปากต่อคำกับสองคนนี้ให้ปวดหัว เธอถือว่าได้เตือนอีกฝ่ายแล้ว ถ้าไม่ฟังก็เตรียมรับผลของตัวเองได้เลย