“แกนี่มันปากร้าย”
“คุณใหม่คะ นี่เป็นบ้านของดิฉัน ช่วยสุภาพกับดิฉันด้วยค่ะ พ่อของฉันยังสอนอีกด้วยว่า ใครดีมาก็ดีตอบค่ะ ใครร้ายมา เราก็จะร้ายตอบ เอาเป็นว่าคุณไม่กินนะคะขนมไข่เหี้ย ฉันจะได้ทำเมนูอื่น ยำสามร่าน หรือว่าจะเป็นแกงคั่วหอยแรดดีคะ ลืมไปว่าได้หอยแรดมาเมื่อวาน”
อย่างน้อยก็ขอคืนเป็นคำพูดพวกนี้ดู และก็ได้ผล
“แก” ภูริดามือสั่น ๆ และยกขึ้นมาชี้หน้าของทอดาว
“คุณช่วยออกไปเถอะค่ะ ถ้าเสร็จแล้ว ฉันจะยกไปเสิร์ฟนะคะ แต่ตอนนี้ฉันขอเตือนคุณหน่อยก็แล้วกัน ฉันกำลังจะลับมีด เกิดเพลี่ยงพล้ำ ฉันทำมีดหลุดมือ แล้วไปแทงทิ่มคุณเข้าจะเป็นเรื่องเอาได้ค่ะ” ทอดาวไม่พูดเปล่า เธอหยิบมีดใกล้มือขึ้นมาลับ ภูริดาแทบกรี๊ด เมื่อเห็นทอดาวหยิบมีดชี้มาทางใบหน้าของตัวเอง ภูริดาจึงรีบเดินออกไปจากห้องครัว
ทอดาวที่ทำแข็งแกร่งถึงกับน้ำตาร่วงอีกครั้ง ความเข้มแข็งเมื่อกี้ที่เธอสร้างขึ้นมาเป็นเพียงเกราะกำบังชั่วคราวเท่านั้นเอง สถานะของเธอกำลังสั่นคลอนเสียแล้ว
‘ผู้หญิงหน้าด้านที่อยากเข้ามาเป็นมือที่สาม’ ศัตรูของความรัก มันไม่ใช่เป็นเพียงความคิดภายในใจของเธอที่อ่อนไหวเท่านั้น แต่เป็นเพราะคุณปริญด้วย ที่เขาใจโลเล ทอดาวเวทนาและสมเพชตัวเองนัก
‘จริงหรือที่เขาเห็นฉันเป็นเพียงตัวแทนของผู้หญิงคนนี้ ทำไมนะ คุณใหม่ทั้งนิสัยใจคอและปากแบบนี้ แต่ว่าคุณปริญก็รักหล่อน โธ่! เขารักผู้หญิงคนนี้ลงไปได้อย่างไร ทั้งสารเลว น่ารังเกียจ ฮึ! คุณปริญ คุณชอบผู้หญิงไร้ยางอายใช่ไหมคะ’
ทอดาวได้แต่นิ่งเงียบ พยายามข่มเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ข้างใน และกลืนน้ำตาให้มันไหลย้อนกลับไปในตัวของเธอ
‘เธอจะไม่อ่อนแอให้ผู้หญิงคนนี้มาซ้ำเติมน่ะ’ ทอดาวได้แต่คิดและปลอบใจตัวเอง
ทอดาวเอาอาหารที่เธอทำเสร็จแล้วมาวางไว้บนโต๊ะ ไม่รู้ภูริดามีเจตนาอะไร เมื่อเห็นเดินเข้ามาหาในทันที
“เธอไม่ต้องจัดห้องให้ฉันแล้วนะ เพราะฉันได้ห้องแล้ว พี่ปริญเป็นคนจัดการให้ฉันแล้ว”
“ค่ะ” ไม่อยากเสวนาด้วย
“เอ่อนี่ แต่ที่ฉันสงสัย ที่นี่ไม่มีคนรับใช้หรือไง บ้านช่องออกจะใหญ่โต”
“ไม่มีค่ะ การมีคนอื่นอยู่ในบ้านของเรา มันทำให้เราทำอะไรไม่สะดวกใจน่ะค่ะ เราชอบที่จะอยู่กันสองคนแบบสงบสุขมากกว่า และงานบ้านที่ทำ หรือสิ่งใดที่ฉันทำให้คุณปริญ มันคือความสุขใจ”
“แต่ฉันว่าเธอน่าสงสารมากกว่า แท้จริงแล้วพี่ปริญเขาเห็นเธอเป็นเมียหรือว่าเป็นคนใช้กันแน่… ต่างหาก”
แม้จะปวดใจ “ที่ฉันทำทุกอย่างลงไปให้คุณปริญ ก็เพราะว่าฉันรักเขา”
“เธอจ๋า บางทีความรักของเธอ มันก็กินไม่ได้มั้งจ๊ะ ฉันว่ามันแปลกตั้งแต่เธอเรียกสามีตัวเองว่าคุณแล้วล่ะ เฮอะ! เป็นผัวเป็นเมียกันยังไง ไม่สนิทใจกันหรือ ถึงยังได้เรียกว่าคุณน่ะ”
“นั่นมันเรื่องของฉันกับคุณปริญค่ะ เราสะดวกใจเรียกอะไรกันก็ไม่เห็นจะแปลก แต่เราก็อยู่กันได้ด้วยดี ไม่เคยมีปัญหาแค่การเรียกชื่อ อาจจะฟังไม่เหมือนที่คุณเคยประสบพบเจอมา คุณอาจจะเรียกสามีคุณว่าที่รัก แต่ท้ายสุด ก็เลิกกันไม่ใช่หรือคะ” ภูริดาโดนตอกจนหน้าหงาย
“ขอตัวก่อนนะคะ ขอให้คุณกินข้าวอย่างอร่อยก็แล้วกัน” ทอดาวหมุนตัวหันหลัง จะเดินกลับเข้าห้อง
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป” ภูริดาเรียกทอดาวเอาไว้
“มีอะไรอีกหรือคะ”
“เธอไม่อึดอัดใจจริง ๆ เหรอ ที่ฉันมาอยู่ที่นี่” เยาะหยันทั้งสีหน้าและแววตา
“จะเอาคำตอบที่ถูกใจคุณ หรือว่าถูกใจฉันล่ะคะ” ท้าทายด้วยสายตาเช่นกัน การที่จะห้ำหั่นกับคนหน้าด้านก็ต้องเล่นลูกนี้
“ฮึ... อึดอัดสิคะ ถามได้ แต่ถ้าฉันจะออกปากไล่คุณให้ออกไปจากบ้านของเรา แล้วคุณจะออกไปหรือเปล่าล่ะคะ” เถรตรงขนาดนี้แล้ว ถ้าภูริดาไม่สะท้าน ทอดาวก็จนปัญญา
“คุณอย่ามาใช้ข้ออ้างว่าไม่มีคนรู้จักที่เมืองไทยเลย เพราะฉันคิดว่าคุณคงไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่น่ะนะคะ”
ภูริดาตัวสั่นดิก ๆ
“อ้อ... และที่ฉันเห็นคุณทำอะไรกับคุณปริญเมื่อตอนที่ฉันเข้ามาในบ้าน ฉันจะถือว่า ฉันมองไม่เห็นก็แล้วกัน ฉันใจกว้างมากพอ ที่จะให้สามีของฉันไปกินอะไรที่แปลก ๆ และรสชาติแตกต่างไปบ้าง ถึงแม้มันจะอร่อย หรือไม่อร่อยก็ตาม แต่การได้กินของที่ยังไม่เคยกิน อาจจะทำให้เขามีความสุขขึ้น แต่ถึงยังไงก็ ในฐานะผู้หญิงเหมือนกัน นึกถึงใจของคนอื่นบ้างนะคะ ฉันจะไม่โทษสามีของฉันค่ะ อ้ออีกอย่าง บ้านเรามีผีบ้านผีเรือน ถ้าไม่อายสายตาของคน ก็หัดอายผีบ้านผีเรือนด้วยค่ะ ขอตัว” ตอนที่พูดทอดาวก็ใช้สายตามองภูริดาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
ทอดาวสะบัดหน้าแล้วเดินออกไปแบบไม่เหลียวหลัง ตอนนี้หัวใจของเธอเจ็บเกินเยียวยา ความมั่นใจที่เธอเคยมี ที่คิดว่าจะทำให้ปริญรักเธอได้ ตอนนี้แทบมลายหายไปสิ้น
การแต่งงานและวันเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้มีค่าและมีความหมายสำหรับเขาเลย ทอดาวเธอจึงประจักษ์แก่ใจว่า ปริญอาจจะยังรักและรอคอยการกลับมาของผู้หญิงคนนี้ ทอดาวกลับเข้าไปในห้องนอนอย่างอ่อนแรง เธอทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่ข้างเตียง พลางยกมือขึ้นมาลูบหน้าท้องที่มีลูกน้อยอยู่ในครรภ์
‘แม่จะทนได้สักกี่วันน่ะลูก แม่จะไม่ไหวแล้วนะ’
ติ๊ง ๆ เสียงข้อความเข้ามาในมือถือของเธอ
ทอดาวหยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความของปกป้อง เขาส่งรูปถ่ายของเขากับคุณแม่มาให้ดู ในความรู้สึกของทอดาวแล้ว เธอคงเป็นคนอื่น ไม่ว่าจะกับปริญ หรือว่าคนในครอบครัวของเขา
ทอดาวยิ้มไม่ออก เธอไม่รู้จะคุยเรื่องนี้กับใครดี เธอได้แต่ส่งสติกเกอร์หน้ายิ้มกลับไปให้ปกป้อง ก่อนที่จะวางมือถือลง ทอดาวได้เห็นข้อความที่ปริญส่งมาให้เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า
(ใหม่จะมาอยู่กับเราสักระยะหนึ่ง และขอโทษนะกับเรื่องเมื่อกลางวัน ผมไม่ได้ตั้งใจ)
‘แค่นี้เหรอ แค่นี้จริง ๆ เหรอ’ น้ำตาของทอดาวร่วงริน เธอมองไปที่บานประตู ทอดาวมีความคาดหวังว่าคนที่เป็นสามีจะมาเคาะประตูห้องของเธอ และเข้ามาปลอบใจ อย่างน้อยก็เอ่ยปากขอโทษด้วยตัวเอง แต่ก็ไร้เงาเขา
ทอดาวนั่งอยู่ตรงนั้นเป็นนานสองนาน ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำชำระกายา พร้อมกับล้างคราบน้ำตาที่เปรอะเต็มใบหน้า ทอดาวสบตาตัวเองในกระจก
‘อย่าร้องสิ ตอนนี้เธอเป็นแม่คนแล้วนะ อย่าร้องไห้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจิตใจที่อ่อนแอจะส่งผลไปถึงลูก ลูกจ๋า แม่ขอโทษนะ แม่ขอโทษ’
มันใช่ความผิดของเธอที่ไหนไม่ใช่สักนิดเดียว ในค่ำคืนนั้นทอดาวไม่ได้ออกจากห้องนอนของเธออีกเลยทั้งคืน