บทที่ 4 : แอบหวงแบบไม่รู้ตัว (3)

1817 Words
หลายวันผ่านไป… ชนิกานต์เพลิดเพลินอยู่กับสีสันและลวดลายแปลกตาของผ้าทอมือจากกลุ่มแม่บ้านชาวผาตะวันหลากหลายชาติพันธุ์ที่อิงครัตจัดเตรียมไว้ให้ สาวน้อยช่วยออกแบบสินค้าที่แสนจะธรรมดาให้กลายเป็นแฟชั่นประยุกต์หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า เสื้อผ้า และเครื่องประดับ ต่างๆให้เข้าถึงคนทุกกลุ่มทุกวัย โดยมีอิงครัตยืนดูอยู่ไม่ห่าง “สวยมากนะแพท โดยเฉพาะชุดเดรสเทรนด์แฟชั่นเกาหลีสวยเก๋ชุดนี้ ถ้าเราเปิดตัวเมื่อไหร่จะต้องตีตลาดในกลุ่มวัยรุ่นได้แน่ๆ” อิงครัตว่าขณะที่ดวงตาคู่สวยจับจ้องอยู่ที่ชุดเดรสสั้นสีสันสดใสบนหุ่นโชว์ที่ถูกตัดเย็บเป็นต้นแบบออกมาเพียงชุดเดียว ด้วยความรู้สึกมั่นอกมั่นใจ แต่สำหรับชนิกานต์แล้วเธอไม่คิดแบบนั้น “แต่แพทว่าชุดนี้เหมาะสำหรับวัยรุ่นในสังคมเมืองมากกว่านะ เพราะถ้าให้ชาวบ้านผาตะวันวิจารณ์ พวกเขาต้องติมากกว่าชมแน่ๆ” ที่ชนิกานต์พูดแบบนั้นก็เพราะตลอดหลายวันที่เธอมาใช้ชีวิตอยู่ที่อำเภอผาตะวัน อำเภอเล็กๆท่ามกลางหุบเขาแห่งนี้ ทำให้ได้เห็นชุดประจำเผ่าของแต่ละชนเผ่าที่มีด้วยกันมากถึงห้าชนเผ่า และแต่ละชนเผ่าก็ล้วนแต่แต่งกายมิดชิด ไม่เหมือนชุดที่เธอออกแบบอยู่ตอนนี้ “ชุดจะปังหรือจะพังเดี๋ยวคืนนี้เรามาลุ้นกัน” “คืนนี้?” “ใช่ คืนนี้เห็นนายอำเภอบอกว่าจะชวนหัวหน้าทีมปฏิบัติการควบคุมไฟป่ามาทานข้าวด้วยกัน ไว้เราจะลองสวมชุดนี้แล้วให้หนุ่มๆเป็นคนให้คะแนนดูดีไหม” ชนิกานต์ทำหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเธอคิดว่าการที่มีหลายคนช่วยวิจารณ์ก็ย่อมดีกว่านั่นเอง ………………………….………………… ในค่ำคืนวันนั้น… ณ สนามหญ้าหลังบ้านพักของนายอำเภอศรัณ ถูกเนรมิตให้กลายเป็นสถานที่ทานอาหารเย็นนอกบ้านชั่วคราว เมื่อมีสี่หนุ่มหัวหน้าทีมปฏิบัติการพิเศษควบคุมไฟป่ามารวมตัวกันก็จะมีเสียงพูดคุยและหัวเราะดังไม่ขาด ทว่าพอสาวน้อยในชุดเดรสสั้นเหนือหัวเข่า เปิดไหล่อวดผิวขาวเนียนอมชมพูก้าวเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ เสียงสนทนาของหนุ่มๆก็หยุดลงโดยอัตโนมัติ สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่ร่างอรชรตามจังหวะการเคลื่อนไหวด้วยความชื่นชมอย่างไม่คิดปิดบัง ยกเว้นผู้กองหนุ่มที่กำลังจะยกเหล้าขึ้นจิบต้องชะงักมือค้างไว้พลางมองมาด้วยสายตาไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ “ทานให้อร่อยนะคะ เดี๋ยวอีกสักครู่จะมีเมนูพิเศษจากอิง ยังไงก็อย่าเพิ่งรีบอิ่มก่อนนะคะ” เสียงหวานใสบอกกับหนุ่มๆ ก่อนจะวางอาหารลงบนโต๊ะตรงหน้า จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อนำอาหารมาเสิร์ฟเพิ่ม ทว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าผู้กองหนุ่มก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาหยัดยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วคว้าข้อมือเล็กพร้อมออกแรงให้เธอเดินตาม โดยไม่สนสายตาของเพื่อนทั้งสามที่มองตามหลังด้วยความแปลกใจแกมสงสัย “เป็นอะไรของมันวะ” เจษฎาหันกลับมาถามเพื่อนในกลุ่มสนทนาอย่างงงๆ ไม่ต่างจากภูมินทร์ที่เจอสองพี่น้องนี้พร้อมกันทีไรเป็นต้องมีเรื่องทุกที “นั่นสิ น้องแพทไปทำอะไรให้ไอ้ผู้กองไม่พอใจหรือเปล่า ถึงได้กระชากลากถูกกันไปแบบนั้น” “ฉันว่า ไม่นานแก๊งเราต้องมีคนสละโสดเพิ่มอีกคนเร็วๆนี้แน่นอน” นายอำเภอพูดอย่างมีเลศนัยพลางระบายยิ้มอ่อนด้วยความมั่นอกมั่นใจ เพราะอาการแบบนี้เขาเป็นอยู่บ่อยๆเวลาที่เห็นภรรยาแต่งตัวเปิดเผยเนื้อตัวจนเกินงาม โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณะ เพราะสำหรับเขาแล้วของรักของหวงต้องเก็บไว้ดูเพียงคนเดียว “นี่นายกำลังจะบอกว่าไอ้อิทมันหึงน้องแพทเหรอวะ”เจษฎาหันขวับมาถามคนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “ไม่ใช่แค่หึงธรรมดานะ แต่หึงและหวงมากต่างหากล่ะ” “ก็ไหนมันบอกว่าไม่ได้ชอบน้องแพท เพราะเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวไง” “ใช่! ที่มันพูดแบบนั้นอาจจะเป็นเพราะมันยังไม่รู้ใจตัวเองมากกว่า พวกนายไม่เคยสังเกตสายตาที่มันมองน้องแพทเหรอวะ บอกตรงๆนะว่านั่นมันสายตาแบบเดียวกับที่ฉันมองเมียแป๊ะ” ศรัณพูดให้เพื่อนคิดตาม ซึ่งดูเหมือนว่าสองหนุ่มโสดจะคล้อยตามคำพูดของเขา อาจจะเพราะไม่มีใครทันสังเกตจริงๆนั่นแหละ “แบบนี้ก็แสดงว่ามันหึงหวงน้องแพทโดยไม่รู้ตัวสิวะ ฮ่าๆๆ” ภูมินทร์หัวเราะชอบใจ เมื่อคนปากแข็งขี้เก๊กที่สุดในกลุ่มเพื่อนตกอยู่ในห้วงความรักโดยที่ไม่รู้ตัว ทว่าอีกใจกลับรู้สึกหนักใจแทนเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะรู้ใจตัวเอง หรืองานนี้ต้องหาตัวช่วยทำให้เพื่อนสมหวังในความรักดี แต่เมื่อคิดดูอีกทีเขาไม่ควรยุ่งดีกว่า เพราะหากโชคชะตาได้ลิขิตเส้นทางรักของเพื่อนไว้แล้ว ไม่ว่ายังไงทั้งสองก็คงได้รักกันอยู่ดี “งั้นวันนี้เราดื่มฉลองให้กับ คู่รักคู่ใหม่ในแก๊งเรากันดีกว่า” พูดจบภูมินทร์ก็รินเหล้าให้เพื่อนอีกสองคนก่อนที่จะยกแก้วขึ้นชนแล้วกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมด ราวกับเหล้าขาวดีกรีแรงในมือเป็นเพียงน้ำเปล่าธรรมดา ทางด้านอิทธิฤทธิ์หลังจากที่ลากสาวน้อยห่างออกมาจากรัศมีสายตาและเสียงของกลุ่มเพื่อนๆก็ได้ปล่อยแขนเล็กออกแล้วหันมาเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ ดวงตาคมกริบดุจพญาเหยี่ยวกวาดมองชุดเดรสสั้นสีสดใสลายชนเผ่าของน้องสาวบุญธรรมที่ดูสวยสะดุดตา ทว่าเขากลับรู้สึกไม่ชอบใจนักตรงที่ชุดมันเปิดเผยเนื้อตัวมากเกินไป โดยเฉพาะเรียวขาเนียนขาวและเนินอกอวบอิ่มที่ไม่ได้ดูเล็กเหมือนรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นสักเท่าไหร่ และดูเหมือนชนิกานต์จะรู้ตัวว่ากำลังทำอีกฝ่ายไม่พอใจ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตอิทธิฤทธิ์มักจะคอยระมัดระวังเรื่องเสื้อผ้าให้กับเธอเสมอโดยเฉพาะการแต่งตัวในที่สาธารณะ “ถ้าพี่อิทจะดุที่แพทใส่ชุดนี้ อย่าเพิ่งดุแพทเลยนะ เพราะชุดนี้เป็นชุดที่แพทออกแบบเพื่อลองขายในกลุ่มวัยรุ่น แต่ก่อนที่จะผลิตออกมาขายก็เลย…” “ก็เลยอยากลองสวมดูก่อน!” อิทธิฤทธิ์ต่อให้จบด้วยเสียงลอดไรฟัน พลางมองใบหน้างดงามตรงหน้าด้วยสายตาขุ่นขวาง แต่ก่อนที่เธอจะโต้เถียงกลับมาเอวเล็กก็ถูกแขนใหญ่ตวัดรั้งเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว “ว้ายยยย!” ชนิกานต์หวีดร้องด้วยความตกใจ ใบหน้างดงามแตกตื่นอย่างไม่เก็บอาการ พอตั้งสติได้ก็รีบใช้มือเล็กทั้งสองข้างยันแผงอกกว้างกำยำเอาไว้ เพราะถึงแม้เธอจะเคยใฝ่ฝันอยากถูกโอบกอดจากเขา แต่ทว่าไม่ใช่การโอบกอดในลักษณะดิบเถื่อนแบบนี้ “จะต่อต้านทำไม เราใส่มาเพื่ออยากรู้ผลตอบรับของชุดไม่ใช่เหรอ พี่ก็จะเป็นตัวแทนของผู้ชายทั้งโลกให้ไง ว่าเวลาเห็นผู้หญิงสวมใส่ชุดแบบนี้แล้วพวกมันคิดอะไรกันอยู่” “บ้า! ใครเขาจะไปคิดแบบนั้นกัน คนสมัยนี้เขาก็สวมใส่เสื้อผ้าในลักษณะนี้กันทั้งนั้น บางชุดก็เปิดเผยเนื้อตัวมากกว่านี้อีกพี่อิทก็เคยเห็น” สาวน้อยเชิดหน้าเถียง เพราะเชื่อว่าชุดที่ตนออกแบบไม่ได้โป๊เกินงามจนไปกระตุกต่อมอารมณ์ความหื่นของผู้ชายอย่างที่เขากล่าวหา เพราะคนสมัยนี้ก็แต่งตัวเปิดเผยเนื้อตัวออกจะเยอะไป จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเสียแล้ว โดยฉะเพราะสาวๆในเมืองกรุงที่กลุ่มเพื่อนของพี่ชายชอบมองกันนักหนา แต่ที่อิทธิฤทธิ์มาติชุดของเธอเป็นเพราะอคติกับเธอเสียมากกว่า “แพทพูดแบบนี้แสดงว่าไม่เชื่อที่พี่พูด และยังจะสวมชุดแบบนี้อยู่อีกใช่ไหม!” “ก็ถ้าพี่อิทไม่อคติกับชุดของแพทเกินไปก็จะเห็นว่าชุดนี้สวยดีออก ใครๆก็พูดแบบนั้น” “ใครพูด! นอกจากเมื่อกี้นี้ แพทไปใส่ให้ใครดูอีก!” คนโมโหกระชากเสียงถามลอดไรฟัน ทำเอาคนถูกถามถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ชนิกานต์เพิ่งจะตระหนักได้ถึงแรงอารมณ์เดือดพล่านของพี่ชายบุญธรรมว่าน่ากลัวแค่ไหนก็วันนี้นี่เอง “ปะ…เปล่านะ แพทไม่ได้ใส่ให้ใครดูนอกจากอิง และอิงก็บอกว่าสวยดี” ชนิกานต์ตอบเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ดิ้นออกจากอ้อมแขนแข็งแรงอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อรู้สึกถึงแรงกดจากมือใหญ่ทางด้านหลังเธอที่ดูจะเพิ่มเป็นทวีคูณ จนทำให้หน้าอกนุ่มๆของเธอเบียดชิดอกแกร่งอย่างไม่ตั้งใจ “พี่อิทปล่อยแพทนะ แพทหายใจไม่ออก” น้ำเสียงอ้อนวอนกับสายตาตื่นตระหนกของสาวน้อยเรียกสติคนที่กำลังเดือดพร่านเป็นไฟให้คืนกลับมา แขนใหญ่ค่อยๆคลายออกจากเอวเล็ก จากนั้นก็ถอยห่างพร้อมออกคำสั่งกับเธอ “ก่อนจะออกมาทานอาหาร กลับไปเปลี่ยนชุดใหม่ซะ ถ้ายังดื้อไม่ยอมเชื่อฟังพี่จะจับเราเปลี่ยนชุดให้เอง” นั่นไม่ใช่คำขอร้อง แต่เป็นคำสั่ง และชนิกานต์เชื่อว่าคนอย่างอิทธิฤทธิ์จะทำอย่างที่พูดไว้จริงๆ เพราะสมัยที่เธอยังเป็นเด็กก่อนออกจากบ้านจะต้องผ่านด่านเขาก่อน ถ้าชุดไหนไม่ผ่านหรือเขาไม่อนุญาตให้สวมใส่ออกไปข้างนอก เธอก็จะถูกเขาจับเปลี่ยนชุดให้จนได้ “แพทไม่ใช่เด็กๆที่พี่จะจับเปลี่ยนชุดแบบเมื่อก่อนยังไงก็ได้นะ!” พูดแล้วก็น่าน้อยใจนัก เพราะในสายตาของพี่ชายบุญธรรมคนนี้เธอคงจะยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆตลอดเวลาสินะ ชนิกานต์สะบัดหน้าเดินหนีเข้าบ้านปล่อยให้ชายหนุ่มมองตามพลางส่ายหน้าไปมาเบาๆ “ไม่ใช่เด็ก แต่ดูทำเข้า…นี่มันไม่ต่างจากเด็กไม่รู้จักโตเลยสักนิด” ชายหนุ่มบ่นพึมพำเบาก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาหากลุ่มเพื่อนที่กำลังชนแก้วกันอย่างเมามัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD