Let's begin

1822 Words
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง  ตั้งอยู่ในย่านโรงเรียนดังในกรุงเทพฯ เจ้าของร้านแต่งเอาใจวัยทีนด้วยสไตล์โมเดิร์นสไตล์สดใส ตกแต่งร้านน่ารัก กระจุ๋มกระจิ๋ม มุ้งมิ้ง แบบชิค ๆ ชิลล์ ๆ แต่ชื่อร้านสุดติ่ง "ร้านคุณบังอร"             ที่นี่มีเค้กมะพร้าวอ่อนรสชาติอร่อยมาก ๆ อาหารไทยที่หากินที่อื่นได้ยาก และขนมไทยหน้าตาแปลก ๆ ชื่อเป็นมงคลมีทั้งที่ทำออกมาใหม่ ๆ สด ๆ  และขนมบางอย่างที่สามารถเก็บไว้กินยาว ๆ มากมายหลากเมนู อีกทั้งอาหารรสชาติก็ดี ราคาย่อมเยาไม่แพงอย่างที่คิด             "Hi หลิน ยังไม่กลับอีกเหรอ" เสียงใส ๆ ของ แพรวาสาวสวย ตากลมโตหุ่นกะทัดรัดสมวัย ผมดำขลับ และยาวสลวยถึงเอว แพรวาเป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก ใจดี และเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของหลิน ที่คอยเป็นห่วงเป็นใยกันเสมอ             เธอเพิ่งจะกลับมาทำงานวันแรก หลังจากลาพักไปเที่ยวกับแฟนและกลุ่มเพื่อน ของเขาที่จังหวัดภูเก็ต รีบเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในร้านเพื่อแลกเปลี่ยนกะสลับกันกับหลิน             "จะรีบไปไหนได้ล่ะ แฟนก็ไม่มี" หลินพูดปนเสียงหัวเราะเบา ๆ             "ที่ฉันรอนี่นะ ไหนละของฝากจากภูเก็ตคะคุณแพรวา อิจฉาเธอจัง ได้ไปเที่ยวกับแฟน ลงรูปอัปสเตตัส ฉันนิ...กดไลก์จนมือหงิกแล้ว" หลินแกล้งทำหน้าเง้า แบมือเพื่อทวงถามของฝาก             "พรุ่งนี้นะคะ หลินคนสวย แพรยังไม่ได้รื้อกระเป๋าเลย ลงเครื่องปุ๊บก็รีบตรงดิ่งมาที่นี่เลยอะ" แพรวายิ้มหวานส่งมาให้แทน             "แพร เห็นในเฟซบุ๊กของแพรนะ เพื่อนพี่กฤษไปด้วยเหรอ แม้น่าอิจฉาเนอะ ท่าทางน่าสนุกจัง สามคู่สวีตตี" หลินพูดถามไปเพราะความอยากรู้ พลางถอนหายใจ บ่นพึมพำคนเดียว             "เมื่อไรหนอ ฉันจะมีแฟนหล่อ ๆ รวย ๆ แบบนี้มั่ง"             "ตื่น ๆ ฝันกลางวันอยู่หรือไง กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวเธอต้องไปทำงานที่สถานีวิทยุต่ออีกนี่  ใช่ไหมจ๊ะ" แพรวากระเซ้า ตบหลังเพื่อนเบา ๆ พร้อมทั้งเตือนเรื่องที่ต้องไปทำงานต่ออีกที่หนึ่ง             หลินตกใจรีบวิ่งเข้าไปตอกบัตรหลังเคาน์เตอร์  ปากก็ยังบ่นไม่เลิก             "อดเมาท์เลย พรุ่งนี้เจอกันนะ คืนนี้เลิกงานแล้วไลน์คุยกันนะจ๊ะ บาย ๆ”                         หลินลงจากสถานีรถไฟฟ้า ก็วิ่งตรงดิ่งขึ้นตึกของสถานี เพื่อไปยังออฟฟิศของคลื่นวิทยุ 99.95 MHz Clean Radio             "ไอ้หลินวิ่งเป็นควายเลยนะมึง มาทำงานสายได้เกือบจะทุกวัน" เสียงพี่โก้หัวหน้างานในฝ่ายเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องเสียง ส่งเสียงแว้ดมาแต่ไกล             "นี่ฉันจะเบาใจให้แกทำคนเดียวได้ยังไง มันเป็นซะยังงี้ ตรู...อดพักร้อนอีกปีนี้ นี่ก็ใกล้จะสิ้นปีอยู่แล้ว ยังไม่ได้ลางานเลย"             "เฮีย บ่น บ่น บ่น ระวังนะ! จะได้เมียแก่" หลินเย้าหยอก พร้อมยกมือไหว้ วางกระเป๋าไว้บนชั้น แล้วไปนั่งข้างเฮียโก้อย่างเอาใจ ปากก็อ้อน             "หลินทำเป็นหมดแล้ว วันนี้เฮียนั่งให้สบายใจเลย จะเฟซฯ จะไลน์ จะแชทสาว ตามสบาย" ว่าแล้วก็จัดแจงเลือกเพลงตามที่ดีเจส่งลิสต์มาให้ พร้อมกับปรินต์ข่าวและสปอร์ตตัวใหม่ ที่ทางออฟฟิศใหญ่ส่งมาให้ดีเจ ส่งให้ดีเจทันก่อนออนแอร์ แบบรู้งาน             หลิน ชื่อจริง ศุภมาศ ลิ่มเจริญทรัพย์ อายุเท่ากันกับแพรวา คือ ย่างเข้ายี่สิบสามปี  เด็กสาวจากเชียงราย ผิวขาวเนียน รูปร่างดี สูงโปร่ง ผมยาวประบ่า พอรวบได้ ทำสีน้ำตาลปนทองแบบวัยรุ่นทั่วไปเขาฮิตกัน             ส่งผลให้เธอดูเด่น และน่ารัก รับกับใบหน้าที่สวย หน้าตาคล้ายดาราฮ่องกง ซึ่งเพื่อน ๆ จะล้อเลียนเสมอ เพราะว่าเธอได้เชื้อสายจีนจากคุณพ่อนั่นเอง             เธอต้องทำงานพาสไทม์สองที่ เพื่อหาเงินในการส่งเสียตัวเองเรียน ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ             ตอนเช้า หลินทำงานร้านคุณบังอร และหลังเวลาสิบเจ็ดนาฬิกา เธอทำที่สถานีวิทยุ คลื่น 99.95 MHz Clean Radio อยู่ฝ่ายเครื่องเสียง และทำงานทั่วไป ที่นี่ใคร ๆ ก็เรียกเธอว่า ‘เจเนรัลเบ๊’ ดี ๆ นี่แหละ โดยพี่ ๆ ที่สถานีเรียกใช้ ตั้งแต่ซื้อข้าว ขนม น้ำ และจิปาถะ             ที่หลินต้องทำงานสองที่ เพราะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากทางบ้าน อยากวิ่งตามความฝันก่อนที่จะหมดอิสรภาพ รวมถึงเธออยากมาใช้ชีวิตในบางกอกเมืองศิวิไลซ์ จึงดื้อดึงไม่ยอมเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เชียงราย ครอบครัวจึงตัดเงินเดือนที่เคยได้รับทั้งหมด             ครอบครัวตระกูลลิ่มเจริญทรัพย์ที่มีทั้งรีสอร์ตและไร่ชาที่อำเภอแม่สาย ในจังหวัดเชียงราย เหนือสุดยอดแดนสยาม รวมถึงมีกิจการปั๊มน้ำมันหลายสาขา คุณขจร ลิ่มเจริญทรัพย์มีลูกสาวสองคน หลินเป็นคนกลาง และเธอยังมีน้องสาวคนเล็กอีกคนชื่อ ‘มีมี่’ และลูกชายคนโตที่รับช่วงกิจการทั้งหมด ชื่อว่า ‘เฉิน’             เนื่องจากแม่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้หลินต้องรับฟังคุณพ่อ และพี่ชายที่ทำตัวเป็นเผด็จการมากที่สุดในบ้าน และนี่คือการปฏิวัติครั้งแรกของหลิน ที่ต้องการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวลำพังนั่นเอง แต่พี่ชายและคุณพ่อก็ไม่ได้ขัดข้องถ้าคิดว่าอยู่เองได้ แต่ได้ยื่นคำขาดแล้วว่า หากเรียนจบแล้ว ไม่กลับมาช่วยทำงานที่บ้าน หลินจะไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว             แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่รบกวนใจเธอที่สุดและหนักใจเป็นที่สุด ก็คือว่าที่เจ้าบ่าวที่ทางครอบครัวจัดเตรียมจัดหาเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วนั่นเองโดยที่เธอไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้จริง ๆ               ติ๊ง ๆ เสียงข้อความดังขึ้น พร้อมกับแสงไฟแวบ             (นอนหรือยัง) แพรวาทักมา             (อาบน้ำเพิ่งเสร็จ กำลังว่าจะทักไป) หลินตอบ พร้อมส่งจูบจุ๊บ ๆ ไปให้แพรวา             (เหลืออีกวิชาเดียวแล้วสิ ถ้าส่งวิทยานิพนธ์ สอบสัมภาษณ์ เธอก็จบเลยใช่ไหม) แพรถาม             (อือ...) หลินส่งสติกเกอร์หน้าเศร้าไปด้วย             (อ้าวเธอ ไม่ดีใจรึ) แพรทักกลับ เมื่อเห็นรูปสติกเกอร์ที่เธอส่งมา             (ใจหนึ่งก็ดีใจ แต่เราหนักใจมากเลยนะ เรื่องที่ต้องได้กลับบ้านจริง ๆ เราก็คิดถึงเตี่ยมาก มาอยู่ที่นี่สี่ปี ยังไม่ได้กลับบ้านเลย) T-T             (เออนะ...เราเข้าใจ) แพรวาปลอบ             (เปลี่ยนเรื่องดีกว่านะ นี่หลินฉันซื้อผ้านุ่งพันตัวชายหาดมาฝากเธอด้วย เธอจะเอาสีไหน) แพรวาถามพร้อมส่งรูปถ่ายมาให้ดู             (สวย ๆ ทั้งนั้นเลย แพรก็รู้เราชอบสีชมพู งั้นฉันขอสีชมพูเลยนะ หวานเหมาะกับฉันดี 555++) หลินตอบ             (จ้าแม่คุณ พรุ่งนี้เจอกันนะ ฉันจะไปก่อนสักครึ่งชั่วโมง แล้วเราค่อยเมาท์กัน นอนละนะง่วงจัง) พร้อมส่งสติกเกอร์กู๊ดไนต์             (Good Night) หลินตอบกลับด้วยสติกเกอร์เช่นกัน               หลินหลับไม่ลงคิดถึงคำพูดของเตี่ย ที่ตอกย้ำเสมอมาตั้งแต่โตเป็นสาว             "อาหลินลูกบ่ต้องกึดนะเรื่องฟงเรื่องแฟน เตี่ยได้อู้กับท่านพินิจเปิ้นไว้แล้ว ตกปากฮับคำท่านไปว่า จะหื้อหลินลงเอยกับหลานท่านคนหนึ่ง ฮู้ก่อ... ว่าตี่ครอบครัวเฮาอยู่เย็นเป็นสุขมาทุกวันนี้ก็เพราะเปิ้น"             พินิจ จิรตระการ เจ้าสัวใหญ่ ที่เตี่ยของหลินนับถือ หลินรู้แค่ว่ามีพระคุณ แต่ไม่รู้ว่ามีกิจการอะไรมากมาย ท่านช่วยเหลือเตี่ยทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่             "ครั้งที่เฮาโดนฟ้องเรื่องตี่ดินครั้งนู้น ถ้าบ่ได้ท่านช่วยครอบครัวเฮาก็คงแย่เหมือนกัน และตี่ล่าสุดนะ... เตี่ยก็ไปรบกวนเงินท่านมาอีก เอาเป็นว่าเตี่ยขอร้องละนะ ทำเพื่อเตี่ยและครอบครัวเฮาเรื่องนี้เรื่องเดียว"             หลินในตอนนั้นไม่เข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด แต่ก็ได้พยักหน้ารับคำเตี่ยไป               เมื่อหลินจบมัธยมศึกษาปีที่หก ทางท่านพินิจก็ได้ทวงถามสัญญามา และส่งสินสอดทองหมั้นมาจำนวนหนึ่ง ตอนนั้นในใจหลินไม่ได้รู้สึกว่าอยากรู้จักมักจี่กับทางฝ่ายหนุ่มคู่หมั้น อีกทั้งยังตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพฯ เลย เธอไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของคู่หมั้น และไม่คิดจะถามด้วยซ้ำไป             หลินอยู่ได้ด้วยเงินเก็บสะสมมาตั้งแต่เล็ก ๆ เนื่องจากมาจากครอบครัวคนจีน เตี่ยและแม่จะสอนเสมอเรื่องการออมเงินก่อนใช้ ซึ่งตัวเลขในบัญชีของหลินก็มากโขอยู่ แต่หลินมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตแบบกระเบียดกระเสียร เธอมักจะคุยกับตัวเองเสมอว่า เราไม่รู้อนาคตไม่รู้วันพรุ่งนี้ เราต้องประหยัด ฉะนั้นหลินจึงได้เช่าห้องพักขนาดเล็ก กว้างสองเมตร ยาวสองจุดห้าเมตร บนตึกติวเตอร์แถวหน้ามหาวิทยาลัย เป็นหอพักหญิงห้องน้ำรวม ราคาไม่แพงมากนัก รวมค่าน้ำค่าไฟเรียบร้อย             เด็กบางคนที่มาจากต่างจังหวัดส่วนใหญ่จะพักห้องละสองคน แต่หลินคิดว่าอยู่คนเดียวดีกว่า เพื่อให้มีสมาธิในการอ่านหนังสือ และทำกิจกรรมส่วนตัว หลินขออนุญาตหอพักติดเครื่องปรับอากาศ และขอติดมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อจ่ายเงินค่าไฟฟ้าในการติดแอร์เพิ่ม เธอไม่เคยย้ายหอพักและไม่สะสมสิ่งของใด ๆ เลย ใช้ชีวิตแบบพอเพียงจริง ๆ               ‘ไหนแพรวาว่าจะมาก่อนเวลา ชิ...’ หลินนั่งมองนาฬิกา ทำหน้าเง้างึมงำอยู่ในใจ             "แหมมาสายแค่นาทีสองนาที ใจจะขาดหรือไงจ๊ะคนสวย" เสียงแพรวาดังมาแต่ไกล ส่งเสียงเย้าเพื่อนสาว ส่งยิ้มหวานมาพร้อมหิ้วถุงพะรุงพะรัง             หลินรีบวิ่งเข้าไปเพื่อที่จะช่วยแพรวาถือของ แต่ชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอไม่ได้เดินมาคนเดียว เธอเดินมาพร้อมกับกฤษแฟนหนุ่ม และเพื่อนชายอีกสองคน ซึ่งหลินเคยเจอสามสี่หนแล้วที่ร้านแห่งนี้ หลินยกมือไหว้ทั้งสามคนแล้วกล่าวทักทาย             "สวัสดีค่ะ" สามหนุ่มรับไหว้ กฤษยื่นถุงใบหนึ่งให้หลิน             "นี่ของฝากหลินจ้า" หลินยกมือไหว้อีกครั้งพร้อมกล่าว             "ขอบคุณค่ะพี่กฤษ" แล้วส่งยิ้มให้แพรวา             ขณะนั้นมีเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน หลินจึงหยิบเมนูให้สามหนุ่มแล้วออกตัว             "เดี๋ยวหลินมานะคะ พี่เลือกเมนูไปก่อนค่ะ" เธอเดินไปทักทายเด็กกลุ่มนั้น             "รับอะไรดีคะ"  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD