“สรุปว่าจันเริ่มงานวันจันทร์นี้นะ ทำงานแทนพี่เจ็ดวันก็ตรงกับวันอังคารถัดไป”
“ค่ะพี่สุ ขอบคุณมากนะคะที่นึกถึงจัน” จันทร์หอมยกมือไหว้สุดารัตน์ “จันดีใจด้วยนะคะที่พี่สุกำลังแต่งงาน”
“ลงจากคานได้ก็ดีแล้ว อายุก็ปาไปสามสิบเจ็ดเพิ่งนึกได้หรือไงว่าต้องมีผัว” พยอมอดค่อนขอดญาติสาวไม่ได้
“แหม จะมีผัวทั้งทีก็ต้องดูดีๆ สิ ฉันไม่คิดมีผัวหลายคนนะ มีแค่คนเดียวฉะนั้นก็ต้องคิดหนักๆ ดูให้แน่ใจไงเล่า” สุดารัตน์โต้กลับ
“ย่ะ” พยอมปากร้ายแต่ใจดี และดีใจที่สุดารัตน์กำลังมีครอบครัว
“จันลืมไปเลย จันตั้งใจมาขอบคุณพี่พยอมค่ะที่ให้ยืมเงิน ถ้าได้เงินค่าจ้างเป็นเลขาพาร์ทไทม์เมื่อไหร่ จันจะคืนให้พี่พยอมนะคะ”
“อืม เรื่องแค่นี้เอง ช่วยได้ก็ช่วยกันไป” พยอมตอบ “ไปทำงานเถอะ ลูกค้าทยอยกันเข้ามาแล้ว”
จันทร์หอมยกมือไหว้ทั้งสอง ก่อนเดินออกจากห้อง โดยมีสายตาพยอมกับสุดารัตน์มองตามไป
“แผนนี้จะได้ผลเหรอสุ” พยอมถามทันที
“ฉันว่าน่าจะสำเร็จนะ พอถึงเวลาฉันก็อาจจะบอกว่าลางานต่อประมาณว่าฮันนีมูนไรงี้ คุณทิวให้อยู่แล้วเพราะเขาบอกฉันเองว่าให้ลาพักร้อนไปเที่ยวได้เดือนนึงเลย พอครบวันที่ฉันลา ฉันก็จะขอลาออก แล้วให้จันทำงานแทนฉันไปเลย แค่นี้ก็เรียบร้อย”
อันที่จริงสุดารัตน์ไม่จำเป็นต้องหาเลขาพาร์ทไทม์ ให้คุณกับนุชา ลูกน้องคนสนิทของเจ้านายสุดหล่อทำแทนก็ได้ แต่ที่ทำลงไปทั้งหมดเพราะต้องการให้จันทร์หอมมีงานทำดีๆ ที่มีความมั่นคงและเงินเดือนสูงถึงห้าหมื่นบาท เงินเดือนมากพอที่จะเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว ไม่ต้องวิ่งรอกทำงานหลายที่ในหนึ่งวันเช่นนี้ อีกทั้งยังมีสวัสดิการหลายอย่างอีกด้วย สุดารัตน์จึงออกอุบายโดยใช้งานแต่งงานของตนให้เกิดประโยชน์...ประโยชน์หลายทาง หาเลขาคนใหม่ให้เจ้านาย ในเวลาเดียวกันก็หางานใหม่ให้จันทร์หอม งานที่สาวๆ หลายคนอยากมานั่งทำงานแทนเธอ
“แกไม่เสียดายงานหรือไง ทำมาตั้งหลายปี” พยอมถาม
“ก็เสียดายนะ แต่ก็เบื่อด้วยแหละ ทำอะไรเดิมๆ อีกอย่างพี่นพก็อยากให้ฉันลาออกมาดูแลร้านวัสดุก่อสร้างของเขาด้วย ฉันก็ถือว่าดีนะ ได้ดูแลทั้งผัวและมีอะไรทำ” สุดารัตน์มีเป้าหมายของตัวเอง “ฉันกลับก่อนนะ แล้วอย่าลืมไปงานด้วยล่ะ”
“เออรู้แล้ว” สุดารัตน์ลุกขึ้นเดินออกจากห้องเมื่อหมดธุระ ในขณะที่เธอกำลังเลี้ยวออกจากลานจอดรถของผับ รถยนต์ปอร์เช่ราคาเกือบยี่สิบล้านเลี้ยวเข้ามาผับพอดี เจ้านายกับลูกน้องจึงคาด
...........
โซนวีไอพี
ขึ้นชื่อว่าโซนนี้ลูกค้าที่มาใช้บริการจำกัดความได้ว่ากระเป๋าหนัก เนื่องจากค่าห้องแต่ละห้องไม่ต่ำกว่าเจ็ดหมื่นบาท สูงสุดอยู่ที่หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท มีความเป็นส่วนตัวมาก พนักงานจะเข้ามาในห้องก็ต้องเมื่อถูกเรียกหรือได้รับอนุญาต ยิ่งเป็นนักการเมืองหรือนักธุรกิจชื่อดัง ที่ส่วนใหญ่เรื่องพูดคุยจะเป็นความลับ หลังจากอาหารและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพร้อมสรรพ ประตูห้องจะถูกปิดจากด้านใน ปิดกั้นให้คนภายนอกเข้ามากวนใจ
ห้องวีไอพีหมายเลขห้ามีกลุ่มเพื่อนสนิทมานั่งสรรค์กันตามปกติ ทั้งสามชอบความเป็นส่วนตัว ดื่มไปคุยไปโดยมีเสียงเพลงในห้องเปิดคลอเบาๆ สร้างความผ่อนคลายมากกว่าทำให้หนวกหู อีกทั้งไร้สาวข้างกาย เพราะต้องการคุยกันตามประสาเพื่อนมากกว่า ส่วนเรื่องผู้หญิงนั้น แค่โทรหากริ๊งเดียวก็ได้ตามปรารถนา
ชายหนุ่มที่นั่งดื่มในห้องนี้ล้วนแล้วแต่เป็นลูกผู้ดีมีเงินทั้งสิ้น แต่ละคนรวยระดับหมื่นล้าน คนแรกคือนฤทธิ์ เรียกสั้นๆ ว่าตั้ม คนที่สองคือนิธินันท์หรือหม่อง คนสุดท้ายคือคนที่รวยที่สุดมีทรัพย์สินเกือบหนึ่งแสนล้านนามว่า เศกภพนิกเนมคือทิว
“จริงๆ แล้วอยู่แบบนี้ก็เบื่อนะ” คำพูดของนฤทธิ์สร้างความแปลกใจให้เพื่อนอีกสองคนมาก
“อยู่แบบนี้ของมึงหมายความว่าไงวะ” เศกภพรีบถาม
“ก็แบบนี้ไง เลิกงานก็หาที่เที่ยว ที่ดื่ม และหาผู้หญิงกก” เศกภพกับนิธินันท์มองหน้ากัน ก่อนหันมองนฤทธิ์ “หรือว่ามึงสองคนไม่เบื่อ กูว่าก็ต้องมีช่วงเวลาหนึ่งแหละที่มึงต้องเบื่อ”
“เออยอมรับว่า บางครั้งก็เบื่อ” นิธินันท์ยอมรับ
“แต่กูไม่นะ ชีวิตแบบนี้ก็อิสระดี อยากไปไหนก็ไป ไม่มีการผูกมัดตัวเองให้รำคาญใจ ไม่ต้องถูกตามจิก ตามตัว ไปไหนก็ต้องรายงาน กลับช้าก็โทรมาจิกให้กลับบ้านทำกับอย่างว่าเป็นเด็กเล็ก ชีวิตแบบนี้เหรอที่มึงสองตัวอยากได้ กูไม่เอาด้วยคน อยู่เป็นโสดดีกว่า” เศกภพบอกความคิดที่ตั้งมั่นไว้ว่า หากเขาไม่พร้อมหยุดกับผู้หญิงคนไหน หรือต้องการระงับอิสรภาพเข้าไปอยู่ในกรงวิวาห์ เขาขอใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งมั่นใจว่า ไม่มีสตรีคนใดมัดใจเขาได้แน่นอน “ชีวิตที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นวิถีคนโสดนะโว้ย ถ้ามึงเบื่อมึงก็นอนพักอยู่บ้าน อยู่กับตัวเองหายเบื่อก็กลับมาใช้ชีวิตตามเดิม ไม่ต้องหาห่วงมาคล้องคอ”
“ที่มึงพูดมันก็จริง กูก็ไม่อยากมีห่วงมาคล้องคอ” นฤทธิ์กระดกแก้วเหล้าทันทีที่พูดจบ “กูเห็นคนรอบข้างกูแล้วก็ไม่อยากมีเมีย แม่งแต่ละตัวกลัวเมียทั้งนั้น ขาดความเป็นตัวเองกันทุกคน กูเคยสงสัยนะว่า ก่อนหน้ามีเมียไม่เคยกลัวใคร แต่ทำไมพอมีเมีย กลัวเมียยิ่งกว่าแม่ซะอีก”
“เพราะรักมั้ง รักเลยยอม” คนโสดอย่างนิธินันท์สงสัยเช่นกัน
“รักก็ส่วนรักสิวะ จะกลัวทำไมเมีย เมียต้องกลัวเรามากกว่า อีกอย่างนะถ้าเราไม่ผิดจะกลัวทำไมเมีย หือมากๆ กูเลิกเลยนะ ผู้หญิงมีเยอะ ง้อทำไมผู้หญิงคนเดียว” เศกภพที่ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนใดเหนือกว่าตน ยกเว้นมารดาที่บูชาเหนือหัว เขาคิดเสมอว่า หากมีภรรยา จะไม่กลัวเมียเด็ดขาด