ขณะที่ภายในบ้านกำลังตึงเครียด จันทร์หอมลูกสาวคนเล็กของสินกับมารศรีเดินทางกลับจากทำงานพิเศษ เธอเห็นเพื่อนบ้านนับสิบคนยืนหน้าบ้าน แต่ก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องร้าย คิดว่าบิดามารดาทะเลาะกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านมามุงดู
“จัน บ้านแกพังเละหมดแล้ว ไอ้เหนกกับลูกน้องมาทวงเงินไอ้สินที่บ้าน ไอ้สินไม่มีเงินจ่าย มันเลยพังข้าวของ แก...”
ป้าข้างบ้านสายเผือกยังไม่ทันพูดจบ จันทร์หอมรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที พอเห็นสภาพบ้านเธอตกใจมาก ไม่คิดว่าอเนกกับพวกจะทำเช่นนี้
“นี่มันอะไรกันพ่อ ทำไมเป็นแบบนี้” จันทร์หอมถามบิดา “พ่อเป็นหนี้เสี่ยย้งอีกแล้วเหรอ จันเพิ่งใช้หนี้แทนพ่อเมื่อเดือนที่แล้ว และพ่อสัญญาว่าจะไม่กู้เสี่ยอีกไง”
สองสามีภรรยาเห็นลูกสาวคนเล็ก ความกลัวตายและวิตกว่าจะหาเงินจากไหนมาจ่ายค่าดอกเบี้ยหายไปจนสิ้น ความกลัวก่อนหน้าทำให้ทั้งสองลืมนึกถึงจันทร์หอมไปเสียได้
“มึงจะถามกูตอนนี้ทำไม มึงไปหาเงินมาจ่ายค่าดอกเลยนะ ถ้ากูไม่ให้เสี่ยย้งวันนี้ กูกับแม่มึงตายคาบ้านแน่” สินไม่เคยพูดดีกับจันทร์หอม ทั้งที่เธอดูแลค่าใช้จ่ายในบ้านเสียส่วนใหญ่ และตามใช้หนี้แทนมาแล้วหลายครั้งหลายหน “หรือว่ามึงอยากเห็นกูกับแม่มึงตาย ถ้ามึงคิดแบบนี้ มึงจะเป็นลูกอกตัญญู กูจะสาปแช่งให้มึงตกนรกหมกไหม้”
จันทร์หอมถอนหายใจพรืดยาว ระบายความทุกข์ใจ ความอึดอัดที่ไม่รู้ว่า ต้องตามเช็ดล้างหนี้สินที่พ่อแม่ขยันก่อไปถึงเมื่อไหร่ ทว่าเธอก็ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ได้ แม้ว่าเบื่อหน่ายมากแค่ไหนก็ตาม
“พี่เหนกคะ ครั้งนี้เท่าไหร่คะ” จันทร์หอมหันมาถามอเนก ใบหน้าเหนื่อยล้ามาก
“เงินต้นหนึ่งแสน ดอกเบี้ยสองหมื่น จ่ายวันนี้สองหมื่น จ่ายอีกทีวันจันทร์ ถ้าวันจันทร์ไม่มีเงินต้นให้ก็ต้องจ่ายดอกเท่าเดิม”
จันทร์หอมถึงกับตาโตด้วยความตกใจกับจำนวนหนี้สินที่บิดาก่อไว้ ครั้งนี้มากกว่าทุกครั้งหลายเท่า จากหนึ่งหมื่นกลายเป็นหนึ่งแสน มากกว่าถึงสิบเท่าเชียวหรือ
“ต้นหนึ่งแสน” เธอทวนจำนวนเงินเสียงสูง “พ่อกับแม่เอาเงินไปทำอะไรเป็นแสนคะ”
“มึงไม่จำเป็นต้องรู้ แค่หาเงินมาจ่ายเสี่ยย้งก็พอ”
“เงินตั้งสองหมื่นจะหาได้จากไหนล่ะพ่อ ไม่ใช่สองพันนะ”
จันทร์หอมถึงกับมึน สมองตื้อ เงินในบัญชีมีแค่ห้าพันบาท ไม่พอจ่ายแน่นอน
“มึงก็ไปหายืมมาสิ กูรู้ว่ามึงมีที่ยืมอยู่แล้ว” มารศรีเร่ง “เร็วๆ ด้วยล่ะ ถ้าช้าเดี๋ยวไอ้เหนกจะพังบ้านอีก”
“พี่เหนกคะ ขอเวลาถึงสองทุ่มได้ไหมคะ ขอเวลาให้จันหาเงินก่อน จะหาให้เดี๋ยวนี้ตอนนี้เลยคงไม่ได้” จันทร์หอมพูดเพราะใส่ ทำใจดีสู้เสือ เพราะเธอรู้พฤติกรรมการทวงหนี้โหดของอเนก
“ได้ แต่อย่าเกินสองทุ่มนะ ถ้าเกินกูจะมาบ้านมึงทันที” หากคำผลัดผ่อนมาจากปากจันทร์หอม อเนกเชื่อว่าต้องได้เงินแน่นอน เพราะหลายครั้งคนที่ใช้หนี้คือสาวสวยตรงหน้า “กลับโว้ย ถ้าสองทุ่มมันเบี้ยว ค่อยมาฆ่ามันยกครัว”
มิวายขู่ส่งท้าย สินกับมารศรีกลัวหงอ แต่ก็คิดว่า อย่างไรเสียจันทร์หอมก็ต้องหาเงินมาจ่ายค่าดอกเบี้ยมหาโหดได้
“พ่อกับแม่สัญญา...” จันทร์หอมพูดยังไม่ทันจบ เสียงสินตะเบ็งแทรก
“มึงไม่ต้องพูดมากเลย มีหน้าที่หาเงินก็หาไป แล้วหาให้ได้นะ เพราะกูยังไม่อยากตาย หรือว่ามึงอยากเห็นกูกับแม่มึงตายล่ะ” สินไม่มีความสำนึกผิดสักนิดเดียว
“หาให้ได้นะ แล้วหาให้ทันก่อนเวลาที่มึงนัดด้วย” มารศรีพูดร่วมด้วย “แล้วมึงก็เก็บข้าวของที่พังให้เรียบร้อยด้วยนะ มันเป็นความผิดของมึงที่กลับมาบ้านช้า ถ้ามึงกลับเร็ว มึงคงเจรจากับไอ้เหนกก่อนที่มันจะพังของราบคาบแบบนี้ ไปพี่สิน ฉันหิวแล้ว ไปกินข้าวร้านหงส์ดีกว่า”
สองสามีภรรยาเดินตัวปลิวออกจากบ้าน ไม่สนใจบุตรสาวคนเล็กที่ทรุดกายนั่งบนพื้น ร้องไห้กับปัญหาเดิมๆ ที่ตนไม่ได้ก่อ เธอรู้ดีว่า บิดามารดากู้เงินไปทำอะไร จันทร์หอมเตือนบุพการีหลายครั้งแล้วว่า การพนันไม่เคยทำให้ใครรวย ยิ่งถลำลึกยิ่งหมดตัวได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นหนี้สินรุงรัง เธอเหนื่อยกับการต้องตามใช้หนี้ ทว่าคำพูดเธอแค่ไหลผ่านหูสินกับมารศรี ที่ไม่คิดทำตามสักนิดเดียว ก่อหนี้ซ้ำๆ และซ้ำๆ ที่ไม่รู้ว่า จะมีวันจบสิ้นหรือไม่
..........
คนทำลายข้าวของเสียหายอาจไม่เหนื่อย แต่คนเก็บนี่สิเหนื่อยหนักมาก จันทร์หอมใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงในการทำให้สะอาด เก็บของที่พังเสียหายออกไปไว้หน้าบ้าน ส่วนที่ใช้ได้ก็เก็บไว้ตามเดิม ขณะเก็บของให้เข้าที่จันทร์หอมนึกถึงเรื่องหนี้สินบิดามารดาไปด้วย ค่าดอกเบี้ยวันนี้พอหาได้ แต่หากไม่มีเงินต้นและต้องจ่ายดอกทุกวันจันทร์ก็ไม่ไหว เธอคงหาเงินไม่ทันแล้วคงไม่มีใครให้ยืมเงินบ่อยๆ คนที่เธอรู้จักก็ปากกัดตีนถีบ มีภาระต้องดูแลครอบครัวทั้งนั้น ทางเดียวที่จะหายใจหายคอสะดวกคือ ต้องปลดหนี้ก้อนนี้