EP 3

1162 Words
“ยัยคนนั้นมีอะไรดีนักนะราฟฟ์ แม่ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกจะต้องรักต้องหลงขนาดนั้นด้วย” ดวงกมลหมดความอดทนที่จะใช้ไม้อ่อนกับลูกเสียแล้ว เพราะพยายามทำมาตั้งแต่เริ่มต้นคุยกันแบบซีเรียสๆ ก็ว่าได้ แต่ไม่ว่ายังไงลูกก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวอยู่ดี จนต้องหันไปหาแม่สามีเพื่อขอให้ช่วยอีกครั้ง และแม่สามีที่เป็นคนตรงไปตรงมาแถมใจร้อนกว่าสะใภ้หลายเท่าก็ยังไม่อยากพูดอะไร แต่หันไปหาลูกชายคนเล็กและเป็นคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ “แม่ว่าให้นีลคุยกับหลานเองดีมั้ยดวง ผู้ชายด้วยกันน่าจะคุยกันรู้เรื่องมากกว่าเรานะ” คนที่ยังคงนั่งฟังสองแม่ลูกถกเถียงกันด้วยความอดทนไม่น้อยเช่นกันนั่นก็คือ ‘ลีโอนิลโด ปลัมน์ เอตามัส-โตเอลเวร่า’ ผู้มีศักดิ์เป็นอาของปริญ แม้อายุจะห่างกันเพียงแปดปี แต่เขาก็มีวุฒิภาวะในการเจรจาหรือต่อรองได้ดีไม่แพ้พี่ชายผู้จากไป และดูเหมือนว่าทุกคนต่างรอดูว่าเขาจะจัดการกับหลานชายหัวดื้อยังไง เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่หยิบยกเอามาพูดคุยกันเลยสักนิด แต่มันเกิดขึ้นมาเป็นปีแล้ว เมื่อปริญแจ้งความจำนงเรื่องแต่งงานกับสาวคนรักที่ปลัมน์เองยังไม่รู้จักดีพอ เห็นกันก็นับครั้งได้และแบบเดินเฉียดกันด้วยซ้ำ นอกจากฟังแม่กับพี่สะใภ้บอกเล่ามาเท่านั้น เพราะการงานและความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่แทนพ่อที่จากไปเมื่อห้าปีก่อนทำให้เขาไม่มีเวลาได้เข้าบ้านสักเท่าไหร่นัก “ผมว่าใจเย็นๆ ก่อนดีกว่านะครับ ให้เวลาราฟฟ์เอาไปคิดอีกทีว่าอยากทำแบบนี้จริงๆ ก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกันดีมั้ยครับ เหลืออีกหลายเดือนกว่าจะถึงเวลาต้องไปเรียน จริงมั้ยราฟฟ์” เขามักจะเป็นคนใจเย็น สุขุมและรอบคอบกับทุกเรื่องเสมอๆ สมกับที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของครอบครัวนับตั้งแต่พ่อจากไปส่วนพี่ชายก็หันหน้าไปเอาดีทางการรับราชการ เพื่อเอื้อต่อกิจการของครอบครัวที่ต้องมีเส้นสายภายในเป็นของตัวเองเอาไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะยิ่งยาก สิบกว่าปีกมาแล้วที่เขาคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงธุรกิจเรือสำราญ ห้าปีที่เขาต้องเดินหน้าเพียงลำพังหลังพ่อจบชีวิตลงด้วยการถูกลอบยิงคาห้องทำงาน และสี่ปีที่เขาต้องเดียวดายจริงๆ เมื่อพี่ชายเพียงคนเดียวจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ ทำให้เขาไม่ตื่นตระหนกหรือสะทกสะท้านกับการดื้อของหลานชายคนเดียวสักนิด “แต่ยังไงผมก็จะแต่งงานก่อนไปเรียนอยู่ดี อารับรู้ตามนี้นะครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เขามองตามแผ่นหลังหลานวัยแค่ยี่สิบสองนิดๆ แต่คิดจะมีครอบครัวทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องทำยังไง จะต้องวางแผนอะไร หรือไม่ประสาเรื่องการครองเรือนเลย เพราะถูกความรักกำลังเข้าครอบงำจนทำให้ตาบอด หมดสิ้นคุณสมบัติอันเพียบพร้อมที่หลานมีในตัวตนที่แท้จริงและเหมาะสำหรับจะก้าวขึ้นเป็นเอกอัครราชทูตทูตอย่างสมบูรณ์แบบในอนาคต “พี่จะไม่ยอมนะนีล ถ้าแต่งงานกับเด็กนั่น รับรองว่าหมดโอกาสก้าวหน้าทางการงานได้เลย ราฟฟ์จะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากหนูไข่มุกลูกของคุณชัยยะเท่านั้น” สาวผู้ถูกกล่าวถึงก็คือ ‘นาตาชา ธนสารศิลป์’ เป็นลูกสาวของ ‘ชัยยะ ธนสารศิลป์’ อัครราชทูตที่ปรึกษาไทย[1]ในกรุงโรม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของผู้เป็นสามีที่ดวงกมลหมายตาไว้มานานนม ทั้งสองอาจจะรักกันไปแล้วหากว่าสองแม่ลูกไม่ต้องย้ายมาอยู่เมืองไทยตอนปกรณ์เสียชีวิต และนั่นทำให้ปริญได้พบกับลูกสาวชาวสวนบ้านนอกๆ ที่ดวงกมลไม่เคยทำใจได้เลยหากจะได้มาเป็นสะใภ้ เพราะต่างกันราวฟ้าดิน “แต่เราจะใช้ไม้แข็งกับราฟฟ์ไม่ได้พี่ดวงก็รู้นี่ครับ” ปลัมน์หันไปหาพี่สะใภ้ที่ออกจะร้อนรนกับเรื่องนี้ “แม่ก็เห็นด้วยกับนีลนะดวง รู้ๆ อย่างตาราฟฟ์น่ะจะไม่ฟังเหตุผลของเราในเรื่องความไม่เหมาะสมแน่ๆ เราต้องหาวิธีที่ดีกว่านั้น ต้องทำให้ตาราฟฟ์รู้สึกเหมือนไม่ถูกบังคับมันถึงจะได้ผล” คุณอุ่นเรือนเห็นด้วยไม่แพ้ลูกชายเองก็เตือนสะติสะใภ้ “แล้วจะใช้วิธีไหนคะคุณแม่ ดวงมองไม่เห็นหนทางเลยค่ะ ตาราฟฟ์น่ะบทจะไม่เอาก็ไม่เอาเลยนะคะ เห็นอ่อน ๆ สุภาพๆ อย่างนั้นก็เถอะค่ะ ดวงกลุ้มจะแย่แล้วค่ะ หรือคุณแม่ไม่กลุ้มคะ” “แม่กลุ้มยิ่งกว่าเราอีกเวลาได้เห็นแม่เด็กนั่นมาบ้านเรา มายืนคู่กับตาราฟฟ์ บอกตรง ๆ ว่าหาความเหมาะสมไม่มีเอาซะเลย นีลต้องหาทางจัดการนะลูก อย่าให้แม่ต้องทุกข์เพราะได้หลานสะใภ้ภูธรหลังจากเสียพ่อกับพี่ชายเราไปไม่กี่ปีอีกเลยนะ แม่ขอร้องล่ะ จะทำยังไงก็ทำแม่ยอมทั้งนั้น จะจ่ายเงินหรือให้อะไรคนพวกนั้นไปก็ทำไปเลยแม่จ่ายได้ ขออย่างเดียวอย่าให้แม่ต้องเห็นเด็กนั่นมากอบโกยจากบ้านเราก็พอ” “จริงด้วยนีล! พี่ก็ไม่ยอมนะ ถ้านีลไม่จัดการให้พี่จะไปหานังเด็กนั่นแล้วจัดการด้วยวิธีของนะ ยังไงพี่ก็ไม่ยอม หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ตาม พี่เสียเสาหลักของบ้านอย่างคุณกรณ์ไปคนหนึ่งแล้ว ถ้าราฟฟ์ไม่แต่งงานกับลูกคุณชัยยะพี่คงไม่มีที่พึ่งพิงอีกแล้วล่ะ” ปลัมน์ผู้ไม่ใคร่อยากทำร้ายแม่ที่เสียสามีกับลูกชายไปในเวลาไล่เลี่ยกันเป็นอันดับแรก และไม่อยากทำให้พี่สะใภ้ที่เสียสามีอย่างกะทันหันเป็นอันดับสอง ด้วยรู้ดีว่ากว่าทั้งแม่สองจะลุกมานั่งเป็นผู้เป็นคนได้อย่างนี้ ก็ต้องผ่านห้วงเวลาอันย่ำแย่ด้านจิตใจมากอย่างหนักด้วยกันทุกคู่ เขาจึงไม่อยากทำร้ายจิตใจทั้งสองคนด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ โดยเฉพาะแม่เขาที่ถึงกับช็อกเข้าโรงพยาบาลทันทีที่รู้ว่าพ่อเขาถูกยิงตาย จนเขาต้องทิ้งงานที่อิตาลีมาดูแลแม่นานเป็นเดือน ๆ แต่จิตใจแม่ก็ยังคงย่ำแย่ไม่เลิก ต้องเข้าๆ ออกๆ ระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลเพื่อพบจิตแพทย์นานหลายเดือน [1] Minister Counsellor
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD