2

1554 Words
“ก็จริงนะคะ แต่คุณท่านก็คงต้องให้เวลาคุณทิวอีกสักหน่อย มะลิเชื่อว่าคนดี ๆ อย่างคุณท่านและคุณทิวไม่ไร้ทายาทสืบสกุลหรอกค่ะ” “ถ้าฉันจะให้หนึ่งธิดามาเป็นเมียหลานชายของฉันจะได้ไหม” ประโยคของธารทำให้สองแม่ลูกมองหน้ากันอย่างตกใจ ไม่คิดว่าธารจะพูดแบบนี้ออกมา “อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าฉันจะเอาเปรียบ แต่ฉันคิดในฐานะคนแก่ที่อีกไม่กี่ปีก็คงจะจากโลกนี้ไปแล้ว ฉันอยากให้ลูกชายได้เป็นฝั่งเป็นฝากับผู้หญิงดี ๆ สักคน แต่ทิวเขารักเพียงฟ้ามาก คงไม่แต่งงานกับผู้หญิงที่ไหน แล้วฉันเองก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน” “คุณท่านหมายความว่ายังไงคะ” “ฉันเพิ่งตรวจพบมะเร็ง คงอยู่ได้อีกไม่นาน เรื่องนี้ฉันก็ยังไม่ได้บอกทิวเขา ฉันเป็นห่วงเขามาก เขาเป็นหลานชายคนเดียวของฉัน ฉันอยากให้เขามีทายาทสืบสกุล” คนพูดลอบยิ้มในหน้า กับแผนการอันแยบยลของตัวเอง ธารยอมรับว่าเลี้ยงหนึ่งธิดามาอย่างดีเพราะอยากให้หนึ่งธิดาเป็นเมียหลานชายคนเดียว อาจเพราะถูกตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งได้ดูแลกันมาหลายปีก็เห็นว่าหนึ่งธิดาเป็นคนดี เป็นคนขยัน เหมาะที่จะเป็นแม่ของลูกที่ดีให้ผู้ชายสักคน “แต่คุณทิวเขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบหนึ่งธิดา จะให้ไปเป็นเมียได้ยังไงกันคะ” มะลิเป็นกังวล ไม่อยากให้ลูกสาวอยู่กินกับผู้ชายที่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบ “นั่นแหละประเด็น ฉันแค่ต้องการทายาท ไม่ได้จะบีบบังคับให้อยู่ด้วยกัน” “หมายความว่ายังไงคะ” มะลิยังไม่เข้าใจ “ดูเหมือนฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ทำแบบนี้ แต่ฉันแค่อยากให้หนึ่งธิดาเป็นเมียลูกชายของฉันชั่วคราวจนกว่าจะมีทายาท แต่ฉันไม่ได้จะเอาเปรียบเธอสองคนแม่ลูกหรอกนะ ฉันจะส่งหนึ่งธิดาให้เรียนจนจบ จะเรียนถึงระดับปริญญาเอกก็ได้ จะให้เรียนต่อหลังจากคลอดลูก แล้วก็จะให้เงินก้อนหนึ่งจำนวนห้าล้านบาทกับเธอสองแม่ลูก เอาไปตั้งตัว หนึ่งธิดาเรียนจบก็จะมีงานดีๆ ทำ ชีวิตจะได้ไม่ลำบาก ฉันต้องการแค่เหลนมาสืบสกุลเท่านั้น” สองแม่ลูกมองหน้ากัน หนึ่งธิดาดูเหมือนจะนิ่งอึ้งไป เพราะเธอไม่เคยคิดว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ “ฉันไม่ได้บังคับนะ ฉันแค่เสนอ เธอสองคนแม่ลูกไม่ต้องทำก็ได้ และยังทำงานที่นี่ได้เหมือนเดิม ฉันจะไม่โกรธเคืองอันใด จะยังส่งหนึ่งธิดาเรียนต่ออยู่เหมือนเดิม เพราะว่าเขาเป็นเด็กดีและขยันมากๆ เสียดายจริง ๆ ถ้าทิวเขาจะมองข้ามผู้หญิงดี ๆ แบบหนึ่งธิดาไป” ธารมองหนึ่งธิดาแล้วยิ้ม ท่านเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้าอย่างที่สุด “มีลูกแล้วฉันจะดูแลหลานของฉันให้ดีเอง ถึงจะเป็นมะเร็งก็ยังพอมีทางรักษาและยืดอายุของฉันให้ยืนยาวไปอีก แค่ดูแลสุขภาพให้ดี อีกอย่างทิวเขาก็น่าจะรักลูกของตัวเองบ้างแหละ อย่างน้อยนั่นก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา” “ไม่ต้องรีบคิดหรอก ยังไม่ต้องตอบตกลงอะไรตอนนี้ก็ได้ ฉันไม่ได้บังคับอะไรเธอสองคนแม่ลูก แต่ที่ฉันเลือกหนึ่งธิดาเพราะเธอเป็นเด็กดี หลานของฉันที่คลอดออกมาก็จะมีพันธุกรรมที่ดี พ่อแม่เป็นคนดีลูกก็ต้องมีสายเลือดที่ดี ฉันคิดแบบนั้นนะ” ธารมองหนึ่งธิดาอย่างเอ็นดู สายตานั้นมะลิเองก็เห็น “เราสองคนเป็นหนี้บุญคุณคุณท่าน ถ้าไม่มีคุณท่านวันนั้น เราสองคนก็คงไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว แต่เรื่องนี้มะลิแล้วแต่ลูกค่ะ มะลิไม่เคยบังคับลูก” “หนึ่งยินดีทำตามที่คุณท่านต้องการค่ะ” หนึ่งธิดาครุ่นคิดก่อนจะตอบตกลง “เธอพูดจริง ๆ เหรอหนึ่งธิดา” ธารมีท่าทีดีใจเป็นอันมาก “พูดจริงๆ ค่ะ อย่างที่แม่บอก คุณท่านมีบุญคุณกับพวกเราสองแม่ลูกมากๆ ถ้าไม่มีคุณท่านพวกเราสองแม่ลูกคงโดนข่มขืนและโดนฆ่าตายไปแล้ว แต่ถ้าไม่ตายก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ยังไง คุณท่านพามาชุบเลี้ยงดูแล ให้งาน ให้เงิน ให้ที่อยู่ที่กิน บุญคุณท่วมหัว หนึ่งยินดีที่จะตอบแทนบุญคุณคุณท่านทุกอย่าง ตามที่คุณท่านต้องการค่ะ คุณท่านไม่ได้ให้หนึ่งไปทำเลว ทำไม่ดี ทำบาปทำกรรมหรือเรื่องผิดกฎหมายเสียหน่อย แต่หนึ่งไม่ขอรับเงินของคุณท่านนะคะ เพราะคุณท่านส่งเสียให้หนึ่งได้เล่าเรียน เลี้ยงดูกันมาตั้งหลายปีแค่นี้ก็เป็นพระคุณมากมายแล้วค่ะ” หนึ่งธิดาคิดถึงอนาคตของตัวเอง หนึ่งธิดาคิดว่า เธอจะได้เรียนสูง ๆ มีงานดี ๆ ทำ ได้ดูแลมารดาให้ดีในบั้นปลายชีวิต เธออยากตอบแทนบุญคุณมารดา และตอบแทนบุญคุณธารด้วย แม้คิดว่าคลอดแล้วจะต้องห่างจากลูก แต่ธารเป็นคนที่ดีมากๆ ท่านจะต้องรักและดูแลลูกของเธออย่างดี เธอมั่นใจเช่นนี้ “เธอคงไม่ว่าฉันเห็นแก่ตัวใช่ไหม พอคลอดลูกแล้วฉันเอาลูกเธอมา แถมจะยังไม่บอกว่าเธอคือแม่อีก แต่ฉันจะอนุญาตให้เธอช่วยเลี้ยงลูกได้นะ” ธารเป็นคนดีอย่างที่สองแม่ลูกเชื่อมั่นจริง ๆ เพราะไม่ได้กีดกัน เป็นข้อเสนอที่หนึ่งธิดาคิดว่าเธอมีแต่ได้กับได้ แถมยังได้ตอบแทนบุญคุณด้วย เธอจึงตอบตกลง “แต่คุณทิวเขาจะยอมเหรอคะ” ประโยคของเด็กสาวทำให้ธารถอนใจเฮือกใหญ่ “ฉันก็ไม่แน่ใจนะ แต่จะลองคุยกับเขาดู เผื่อเขาจะเห็นใจคนแก่อย่างฉัน มีทายาทให้ฉันได้อุ้มสักคนก่อนตาย” “นี่เป็นผลการเรียนของหนูค่ะ หนูเรียนจบแล้วนะคะ ไม่นานก็จะรับประกาศนียบัตรค่ะ” เธอเลือกที่จะเรียนไปทีละขั้นคือจบ ปวช. ก็ต่อปวส. ค่อยต่อปริญญาตรี เพราะว่าการเรียนสายอาชีพมันทำให้เรามีความรู้สามารถประกอบอาชีพได้เลย ไม่เหมือนเรียนจบมัธยมศึกษา แล้วไปต่อปริญญาตรีที่ต้องเรียนยาวไปเลย เธออยากให้มารดาได้ตั้งหลักบ้าง อีกทั้งยังเกรงใจธาร ถ้าเธอได้ทำงานไปเรียนไปก็น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระได้มากกว่า “เรียนเก่งจริง ๆ เด็กคนนี้ มะลิเธอต้องภูมิใจในตัวลูกของเธอนะ ดูสิ เรียนได้เอทุกวิชา ฉันเองก็ภูมิใจ ไม่เสียแรงที่ส่งเสียให้เล่าเรียน” คนพูดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มีความสุขที่เด็กสาวที่อุปการะเรื่องทุนการศึกษาเอาไว้เป็นคนเก่งและคนดีเช่นนี้ “เอาละ กลับไปพักผ่อนได้แล้ว วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เรื่องที่ฉันจะคุยกับทิวเขา ฉันจะบอกมะลิกับหนึ่งว่าเขาจะตอบตกลงไหม” คนพูดดูมีความหวังในเมื่อเด็กสาวที่เอ็นดูตอบตกลง ทิวเขาเองก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แม้นางจะไม่ใช่บิดามารดาบังเกิดเกล้า แต่ก็เลี้ยงทิวเขามาด้วยความรัก ทิวเขาเองก็รักนางมาก ขอแค่นี้คงไม่มีปัญหาอะไร จริง ๆ แล้วธารมีอะไรมากกว่านั้น แต่นางก็ไม่ได้พูดออกมา “เราดื่มเหล้าทุกวันแบบนี้ เดี๋ยวจะป่วยเอาได้นะ” ประโยคของผู้เป็นป้าทำให้ทิวเขาหันไปมอง เขาปลีกตัวมาอยู่ที่กระท่อมตรงลำธารเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร “คุณป้ามีอะไรหรือเปล่าครับ” “ป้าจะมีอะไรล่ะ นอกจากเป็นห่วงเรา ดื่มเหล้าขนาดนี้เดี๋ยวก็เป็นตับแข็งตายหรอก” “ไม่หรอกครับ ดื่มนิด ๆ หน่อย ๆ เอง” “ไม่นิดหน่อยกระมัง ป้ารู้ว่าเราดื่มหนักทุกคืน ตอนกลางวันก็ยังไปทำงานหนักในไร่อีก ข้าวปลากินบ้างไหมนี่ เราซูบผอมไปมากนะ หนวดเคราก็รกรุงรังไปหมด” “กินสิครับคุณป้า” เสียงของทิวเขาอ่อนลง กับผู้เป็นป้าเขาไม่เคยเสียมารยาทหรือพูดอะไรให้ต้องเสียใจ เพราะท่านชุบเลี้ยงเขามา รักเขาเหมือนลูกในไส้ บิดามารดาของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเป็นแค่เด็กน้อยไร้เดียงสา “ผู้หญิงคนเดียวเราจะไปให้ความสำคัญหรือเสียใจกับเขาขนาดนี้ทำไม ยิ่งเขาไม่รักเรา เราก็ยิ่งต้องดูแลตัวเองให้ดีไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนี้ ถ้าแม่เพียงฟ้ามาเห็นเราตอนนี้ คงจะเที่ยวพูดกับใคร ๆ ว่าคิดถูกแล้วที่ทิ้งเราไป เพราะขนาดตัวเราเองยังไม่รัก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD