“พร้อมหรือยังคุณ” เสียงเจค็อบดังมาก่อนตัว จนริตาที่นั่งเตรียมคำถามอยู่สะดุ้ง
“พะ พะ พร้อมสิ” เธอพยายามรักษาท่าทางให้เป็นปกติที่สุด ใครๆ ก็เคยถูกจูบทั้งนั้น เรื่องธรรมดาจะตาย
“ผมมีข้อแม้นะ คุณถามผมหนึ่งคำถาม ผมถามคุณหนึ่งคำถาม แลกกัน ตกลงไหม”
“ไม่ตกลงค่ะ” ริตาส่ายหัวไม่เอาด้วย
“ก็ได้ งั้นถ้าคุณถามอะไร แล้วผมไม่ตอบก็ช่วยไม่ได้นะ”
“โอเค ฉันตกลง” เธอกำปากกาแน่นเพื่อระบายความพ่ายแพ้
“เลดี้ เฟิร์ส เชิญคุณถามก่อนเลยครับ” เขาปรับท่านั่งให้สบายๆ ก่อนจะผายมือให้ริตาเป็นฝ่ายถามคำถาม
“จากข่าวเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน มีคนแจ้งความว่าคุณกับเค้าทะเลาะวิวาทกันที่ผับแห่งหนึ่ง แล้วคุณก็ทำร้ายร่างกายเขาด้วย จริงหรือเปล่าคะ”
“ทะเลาะจริง แต่ผมไม่ได้ทำร้ายร่างกายใครทั้งนั้น นอกจากเตะเก้าอี้ร้านพังไปสองตัว”
“แต่คู่กรณีแจ้งความว่า ถูกคุณทำร้ายร่างกาย พร้อมกับแสดงรอยฟกช้ำที่ใบหน้าด้วย”
“ผมไม่ได้ทำ บอดี้การ์ดผมทำ”
“แล้วคุณสั่งให้คนที่คอยดูแลคุณทำร้ายเค้าหรือเปล่าคะ”
“ผมไม่ได้สั่งอะไรทั้งนั้น มันเป็นหน้าที่ของเค้าที่ต้องคอยดูแลผม ในยามที่ผมถูกรังแก”
“แล้วข่าวที่บอกว่า คุณใช้เส้นสายในการทำลายหลักฐานเหตุการณ์ในกล้องวงจรปิดล่ะคะ”
“เฮ้อ! ผับมันห่วยแตก ถ้าคุณหาข้อมูลดีกว่านี้ คุณจะรู้ว่ากล้องเกือบทั้งผับ มันใช้ไม่ได้ ไม่ได้เป็นแค่กล้องตัวเดียว”
“แล้วสาเหตุที่ทำให้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันคืออะไร”
“นี่คุณริตา คุณหาข้อมูลก่อนมาสัมภาษณ์ผมบ้างหรือเปล่า” เจค็อบหันไปมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ไม่ค่ะ ฉันเพิ่งได้รับคำสั่งให้มาทำงานนี้เมื่อตอนเที่ยง ปกติฉันทำงานอยู่ในออฟฟิศซะส่วนใหญ่ ไม่ได้ออกภาคสนามแบบนี้ค่ะ”
“โอเค ถ้าอย่างนั้น คุณก็ควรจะรู้ว่า คนที่ผมมีเรื่องด้วย เป็นกองเชียร์ของทีมคู่แข่งร่วมเมืองของเรา และถ้าเป็นคุณ คุณจะทนได้ไหม หากมีใครสักคนเข้ามาพูดจาเหน็บแนม ใส่ร้าย ใครดีล่ะ... สมมติว่าเป็นพ่อของคุณแล้วกัน คุณจะทนอยู่เฉยได้เหรอ เพราะคุณรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เค้าพูดนั้นไม่ใช่ความจริง”
“แล้วคุณปกป้องใครล่ะคะ”
“โค้ชของผม เค้าคือคนที่ให้โอกาสผมร่วมทีม ตั้งแต่ผมอายุแค่ยี่สิบปี”
“แปลว่าคุณทนไม่ได้ ที่มีคนมาว่าโค้ชของคุณ”
“ใช่ครับ”
“แล้วทำไมคุณไม่เดินหนีเค้าไปล่ะ จะนั่งฟังให้เจ็บใจทำไม”
“ผมก็แค่บอกให้เค้าเข้าใจอะไรให้ถูก ผมก็มีส่วนผิดด้วย เพราะผมก็ใจร้อนไปหน่อย ผมก็เลยผลักไหล่เขาเบาๆ ตรงนี้ผมยอมรับ”
“แล้วเค้าทำยังไงต่อคะ”
“เค้าก็ปาแก้วเหล้าใส่ผม แต่โชคดี ที่มันไม่โดน สงสัยผมคงต้องให้เค้าฝึกชู๊ตบาสบ่อยๆ จะได้แม่นขึ้นมาบ้าง”
“เหมือนที่คนในร้านให้ข้อมูลเลยค่ะ...” ริตานึกถึงความคิดเห็นหนึ่งในโซเชียลมีเดีย ที่อ้างว่าอยู่ในเหตุการณ์ และปกป้องว่าเจค็อบไม่ได้ทำอะไรผิด
“แล้วทำไมคุณไม่ออกมาพูดอะไรสักหน่อยล่ะ ถ้าข่าวนี้ออกไป คุณก็แทบจะไม่เสียหายอะไรเลยนะ แถมจะได้รับคะแนนนิยมเพิ่มอีก”
“ผมไม่ได้จะลงสมัครเป็นประธานาธิบดีนะคุณ เดี๋ยวอีกอาทิตย์ สองอาทิตย์ข่าวมันก็เงียบไปเองนั่นแหละ ผมไม่ได้สนใจหรอกนะว่าใครจะคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้ ขอแค่คนพวกนั้นชื่นชอบผมในเรื่องของบาสเก็ตบอลก็พอ”
“โอเค ฉันว่าข้อมูลแค่นี้ก็เพียงพอแล้วแหละ” ริตาปิดเครื่องบันทึกเสียงและเก็บมันใส่กระเป๋า
“เกินพอด้วยซ้ำ”
“ค่ะ! ขอบคุณมากนะคะ”
“ยินดีครับ”
“ช่วยทำหน้าให้เหมือนคำพูดด้วยได้ไหมคะ ปากบอกยินดี แต่หน้าคุณนี่เหมือนจะตาย”
“ผมต้องทำแบบนี้เหรอ” เขาฉีกยิ้มกว้างอย่างไม่เป็นธรรมชาติส่งให้ริตา
“ก็ดี อย่างน้อยก็เป็นรอยยิ้ม” เธอบอกและเก็บข้าวของอย่างอื่นต่อไป
“ถ้าคุณคิดจะหนีการตอบคำถามของผม ขอให้คุณหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะครับคุณริตา” เขามองหน้าอย่างใช้ความคิด
“ฉันก็แค่เก็บของเฉยๆ ก็เห็นคุณไม่ถามสักที” ริตารูดซิบกระเป๋าทุกใบ ก่อนจะเงยขึ้นมาเผชิญหน้ากับเขา
“คุณมีแฟนหรือยัง”
“ยังค่ะ” เธอตอบด้วยความไม่สะทกสะท้าน
“คุณอายุเท่าไหร่ ผมรู้มาว่าผู้หญิงไทยไม่ชอบให้ถามคำถามนี้ แต่ผมเดาไม่ถูก เพราะหน้าคุณมันผสมกันทั้งเอเชียและตะวันตก”
“ยี่สิบเจ็ดปีค่ะ” ริตาตอบคำถามเขาอีกครั้ง แต่ในใจก็นึกไม่ออกว่าเธอบอกเขาไปตอนไหนว่าเธอเป็นลูกครึ่งไทย
“โอ้มายก็อด...” เจค็อบอุทานด้วยความตกใจ เพราะเขาเดาไว้ว่าเธอน่าจะมีอายุเท่ากับเขา แต่เธอกลับอายุมากกว่าถึงสองปี
“ดูเด็กล่ะสิ ดูแลตัวเองดีก็งี้แหละ” ริตายักไหล่อย่างมั่นใจ
“คุณต้องตามสัมภาษณ์พวกนักกีฬาตลอดหรือเปล่า”
“ก็จนกว่าจะมีคนใหม่มาแทนค่ะ”
“แล้วที่ผมจูบคุณเมื่อกี๊ คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ” เขาจ้องตาของเธอและโน้มตัวเข้ามาใกล้
“ไม่ ก็แค่จูบ ทำไมต้องรู้สึกอะไรนักหนา” ริตาไม่หลบเขาแม้แต่น้อย
“จริงอ่ะ?” เจค็อบเลิกคิ้วอย่างสงสัยในประสิทธิการจูบของตัวเอง
“อื้อ จริงสิ” เธอยักคิ้วให้เขาเพื่อยืนยันคำตอบ
“สักนิดก็ไม่รู้สึกเลยเหรอ” เขาโน้มทั้งตัวและหน้าเข้ามาใกล้เธอยิ่งขึ้น
“ไม่” ริตาเริ่มถอยห่างจากเขา เพื่อป้องกันตัว
“งั้นเราจูบกันใหม่ไหม ถ้าครั้งนี้คุณไม่รู้สึกอะไร ผมจะอนุญาตให้คุณกลับบ้าน” เจค็อบเอื้อมมือมาจับท้ายทอยของริตาเอาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาเชิญชวน ความสเน่หาที่เขามีต่อริตานั้นอานุภาพรุนแรงตั้งแต่แรกเห็นเธอ ยิ่งได้อยู่ใกล้ และยิ่งได้สัมผัส ได้ใกล้ชิดกับเธอ เขาก็ไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ไป และหากเธอเป็นผู้หญิงคนอื่น ป่านนี้เขาคงมีความสุขไปตั้งนานแล้ว นี่เขาเสียเวลามาหลายชั่วโมงเหลือเกิน...
“ฉันไม่จูบใครพร่ำเพื่อหรอกนะ คุณไม่ใช่คนพิเศษของฉันสักหน่อย” เธอไม่ยอมอ่อนข้อ แม้หัวใจจะเต้นแรงต่างกับคำพูดที่บอกเขา
“แต่คุณพิเศษสำหรับผมนะริตา ผมไม่ได้หัวใจเต้นแรงเพราะอยากจะจูบใครแบบนี้มานานมากแล้ว” เขากระซิบข้างหู พร้อมกับสูดกลิ่นหอมจากกายสาวที่กกหู กลิ่นน้ำหอมจางๆ ที่เข้ากับบุคลิกของเธอ ทำให้เขาอยากรู้ว่าเธอจะหอมแบบนี้ทั้งตัวหรือเปล่า เจค็อบเลื่อนไล่ริมฝีปากลงมาตามกรามสวยได้รูปของริตาเรื่อยๆ เขาหายใจติดขัดเพราะเก็บความรู้สึกไม่อยู่
“ริตา คืนนี้คุณค้างกับผมได้ไหม...” เสียงขาดห้วงและลมหายใจร้อนผ่าวที่ซอกคอ ทำเอาริตาขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“ไม่ได้ค่ะ ฉันต้องกลับบ้าน ฉันมีงานต้องทำ” เธอจับมือของเขาออกจากท้ายทอย มือใหญ่ยอมละมือลงอย่างเสียดาย เจค็อบจัดเรือนผมยาวที่เขากางนิ้วมือแทรกผ่านเข้าไปให้เข้าที่ ก่อนจะสบตากับเธออีกครั้ง
“Rita, May I kiss you?” คำถามของเธอเจค็อบที่แสนจะตรงไปตรงมาและมีพลัง ซึ่งหลอมรวมเข้ากับสายตาเว้าวอน และใบหน้าหล่อเหลาของเขา ทำเอาริตาเคลิบเคลิ้มเมื่อริมฝีปากหยักทาบทับลงบนปากของเธอ เจค็อบใช้สองมือประคองท้ายทายของเธออีกครั้ง เพื่อให้ใบหน้าแสนสวยของเธอเอนเอียงรับความดูดดื่มจากลิ้นชุ่มของเขาได้อย่างถนัดถนี่ ริมฝีปากทั้งบนและล่างของทั้งสองงาบงับกัดกิน สลับกับลิ้นเรียวทั้งสองที่แลกเปลี่ยนทิศทางกันอย่างนุ่มนวล ความหอมหวลลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้องรับแขกอยู่เนิ่นนาน และเมื่อริตาสัมผัมได้ว่าความใจเย็นของเจค็อบใกล้จะหมดลง เธอก็วางสองมือไว้ที่หน้าอกของเขา ก่อนจะออกแรงผลักเบาๆ เพื่อเป็นการเตือนให้เขาหยุด เจค็อบรวบมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ด้วยมือที่ว่างเปล่า เขายังคงมอบจูบให้ต่อไปสักพัก ก่อนจะผ่อนจังหวะช้าลงและหยุดมันในที่สุด...
“ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับแท็กซี่ได้”
“ให้ผมไปส่งเถอะ ผมขอร้อง เผื่อวันข้างหน้าผมชอบคุณจริงๆ ขึ้นมา ผมจะได้ไม่เสียใจที่ดูแลคุณไม่ดี” เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะจุ๊บที่ปากและหน้าผากของเธอเบาๆ
“ค่ะ” ริตายอมใจอ่อนให้เขาอย่างไม่มีไม่รู้เหตุผลของตัวเองจริงๆ
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” เธอหันไปบอกเขา เมื่อรถคันหรูจอดนิ่งอยู่ที่หน้าอพาร์ทเม้นย่านชานเมืองของเธอ
“ยินดีครับ” ครั้งนี้หน้าตาและรอยยิ้มของเขาตรงคำพูดไม่เหมือนครั้งก่อน
“ไม่ต้องค่ะ ฉันเปิดเองได้” ริตาห้ามเมื่อเห็นเขากำลังจะลงมาเปิดประตูให้เธอ
“ใครบอกล่ะ ผมจะดับเครื่อง แล้วขึ้นไปกินกาแฟที่ห้องคุณตั้งหาก” เสียงรถยนต์เงียบสนิทเหลือไว้เพียงใบหน้าที่แสนจะกวนประสาทของเขา
“ไม่ได้ค่ะ ฉันไม่อนุญาต”
“ก็แค่กินกาแฟเอง น้ำเปล่าก็ได้ ชาก็ได้ ในตู้เย็นคุณมีอะไร ผมก็กินอันนั้นแหละ”
“ฉันรู้นะว่าพวกฝรั่งอย่างคุณ เวลาขอขึ้นไปกินกาแฟมันหมายถึงอะไร”
“คุณอยู่ที่นี่มานานแล้วเหรอ”
“ตั้งแต่ไฮสคูลค่ะ เพราะฉะนั้น อย่าหลอกฉันเด็ดขาด ถึงแม้ว่าหน้าฉันมันจะดูเอเชียหลอกง่ายก็เถอะ”
“คุณจะไปไหน” เธอจับแขนเมื่อเขาเปิดประตูรถ
“ไปหยิบของให้คุณไง ผมต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษสักหน่อย” เขาเบือนหน้าที่ไปกระเป๋าของเธอด้านหลัง
“โอเค...” ริตาหรี่ตามองเขาอย่างใช้ความคิด ถ้าเขาขอขึ้นไปกับเธออีก เธอก็ใช้คำพูดของเขาที่บอกว่าเป็นสุภาพบุรุษนี่แหละมาเป็นข้ออ้าง ริตาลงรถและยืนรอเขาที่ก้มหยิบกระเป๋าให้เธอ เจค็อบคิดแผนชั่วร้ายออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหมวกแก๊ปของเธอคล้องไว้กับกระเป๋าสะพายหลัง เขาปลดมันออกและโยนมันให้เข้าไปใต้เบาะที่นั่ง ก่อนจะยกกระเป๋าส่งให้เธอ
“นี่ครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอรับมาอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจและลืมสังเกตไปว่า สิ่งของบางอย่างของเธอนั้น ตกเป็นตัวประกันของเจค็อบไปซะแล้ว...
“กู๊ดไนท์ครับริตา” เขาขโมยหอมแก้มเธอ และภูมิใจตัวเองไม่น้อย ที่ทักษะความว่องไวในการหลบหลีกการโจมตีของต่อสู้นั้นถูกเอามาใช้นอกสนามแข่งได้เป็นอย่างดี
“อย่าตีผมเลย แค่ถูกนักบาสด้วยกันกระแทก ผมก็เจ็บพอแล้วนะ” สายตาออดอ้อนของเขาทำเอาริตาเก็บมือไว้อย่างเห็นใจ
“คุณกลับสิ” เธอบุ้ยปากไปที่รถ
“ไม่อ่ะ คุณเข้าบ้านก่อนสิ”
“บ้านฉันอยู่แค่นี้เอง เดินอีกห้าก้าวก็ถึงประตูบ้านแล้ว”
“ไม่เอาอ่ะ ผมอยากเห็นว่าคุณเข้าบ้านก่อน ผมจะได้สบายใจ” เจค็อบเดินถอยหลังไปยืนกอดอกพิงรถของตัวเองไว้ ริตามองภาพเจค็อบ ซึ่งเขาเหมือนพวกผู้ชายรวยๆ ที่ชอบยืนอวดรถหรูของตัวเอง แต่ทำไมเธอถึงหมั่นไส้เจค็อบน้อยกว่าคนพวกนั้นก็ไม่รู้
“ฉันเข้าบ้านแล้วนะ” เธอเดินตรงไปยังประตูบ้าน เพราะไม่อยากตกอยู่ในอารมณ์หลงใหลเจค็อบมากไปกว่านี้
“เดี๋ยวริตา”
“คะ?”
“ถ้าคุณจะกรุณา อย่าลงสาเหตุที่ผมมีเรื่องได้ไหม ผมไม่อยากเป็นฮีโร่ในสายตาใคร แต่ผมก็ไม่อยากเป็นผู้ร้ายด้วย ผมเป็นแค่คนธรรมดา” เขามีหน้าสีจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันไม่รับปากนะคะ เพราะเทปเสียงที่ฉันบันทึกไว้ บก. ต้องฟังทั้งหมด แต่ฉันจะบอกให้นะคะ ว่าคุณเต็มใจให้ลงข่าวในส่วนไหนบ้าง วันนี้ขอบคุณมากนะคะ” เธอยิ้มให้เขาอีกครั้งและเข้าอพาร์ทเม้นไปในที่สุด เจค็อบเห็นว่าไฟด้านในเปิดเรียบร้อย เขาก็ตรงไปหยิบหมวกของเธอขึ้นมาใส่
“โห! จริงๆ แล้วทำตัวโคตรฮีโร่เลย ถ่อมตัวแบบนี้ ผู้หญิงไหมวะ” เจค็อบชื่นชมตัวเอง ก่อนจะมองหน้าตัวเองและหมวกของเธอในกระจกมองหลัง และขับรถออกไปอย่างมีความสุข