ตอนที่ห้า นางฟ้าปะทะกับซาตาน 1

1687 Words
สามวันที่พราวตะวันได้รับอนุญาติเป็นกรณีพิเศษจากผู้จัดการคนใหม่ให้กลับบ้านได้ เธอก็กลับมาจัดการพามารดาเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ มารดาของเธอเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดและเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคมะเร็งในทันทีโดยที่ไม่ต้องรออะไรเลย เธออดคิดไม่ได้ว่าหากว่าเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลนั้น มารดาของเธออาจจะต้องรอคอยคิวอีกนานเกินหนึ่งเดือนเหมือนที่เคยได้ยินข่าวล่ำลือมา ในนาทีที่มารดาได้เข้าห้องตรวจกับแพทย์นั้นพราวตะวันขอบคุณตัวเองอย่างเหลือล้นที่เธอนั้นรับเงินไมเคิลมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นโอกาสที่จะหายขาดของมารดาเธออาจจะลดลงก็ได้ “คุณน้าจะต้องผ่าตัดก้อนเนื้อออกแล้วก็ฉายรังสี อาจารย์หมอแอดมิทคุณน้าและก็รับไว้เป็นคนไข้แล้วนะโยโกะไม่ต้องห่วง” วชิรวิชย์บอก “พี่โยโกะสบายใจได้แล้วนะคะ คราวนี้ก็คงกลับไปทำงานได้อย่างหายห่วง เรื่องแม่เดี๋ยวมิกิจะดูแลต่อให้เองค่ะ” ผู้เป็นน้องสาวช่วยเสริมอีกแรง ตอนแรกนั้นหญิงสาวก็เอาแต่ร้องไห้เสียใจ แต่พอมีสติมาแล้วเธอก็รู้ว่าเธออยู่ทางนี้กับมารดาก็ควรจะทำตัวให้เป็นที่พึ่งได้ เพราะว่าพี่สาวของเธอจะได้กลับไปทำงานอย่างสบายใจ “จ้ะ มิกิอย่าลืมเรื่องเรียนด้วยนะ กว่าจะถึงตอนที่มิกิไปเมืองนอก แม่ก็คงรักษาครบคอร์สแล้ว พอมิกิไปเรียนที่อเมริกาพี่จะพาแม่ไปอยู่ฮ่องกงกับพี่สักพักหรือไม่ก็กลับมาอยู่ที่เมืองไทย อย่าทิ้งเรื่องการเรียนของตัวเองนะ” “ได้ค่ะ” พราวแสงศศิบอกอย่างอายๆ ยิ่งวชิรวิชย์มองมาที่เธอแล้วขำเธอก็ยิ่งอาย ตอนที่รู้เรื่องว่ามารดาไม่สบายเขาก็มาฟังผลพร้อมๆ กับเธอ เขาบอกให้มีสติแต่เธอก็โวยวายกับพี่สาวว่าจะลาออกจะไม่เรียนจะอยู่กับแม่ไปเรื่อยเปื่อยจนพี่สาวต้องมาเคลียร์เรื่องราวต่างๆ ให้ พราวตะวันให้เงินไว้รักษามารดาถึงหนึ่งล้านบาท โดยให้พราวแสงศศิเป็นคนควบคุมทั้งหมด และมีวชิรวิชย์คอยดูแลอีกคนหนึ่ง หมอหนุ่มซึ่งทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้อยู่แล้วก็ตกลงว่าจะมาช่วยเยี่ยมไข้นางมิซาเอะในยามที่พราวแสงศศิต้องไปเรียน เพื่อไม่ให้คนป่วยต้องเหงามากนัก ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายและลงตัวก่อนที่พราวตะวันจะได้กลับทำให้เธอดีใจมาก หญิงสาวอยู่กับมารดากับน้องสาวถึงสองคืนจึงบินกลับฮ่องกงไป ทันทีที่มาถึงฮ่องกงพราวตะวันก็ไม่ได้พักผ่อนแต่อย่างใด เธอเข้ามาทำงานต่อเพราะวันหยุดของเธอหมดไปแล้ว เพื่อนร่วมงานนั้นไม่ได้ว่าหรือสงสัยอะไรเธอเลยที่ไมเคิลให้เธอหยุดงานได้เพิ่มๆทั้งๆ ที่เป็นกฏเหล็ก พวกเขาเข้าใจว่าการที่เกิดเรื่องฉุกเฉินเช่นนี้ เจ้านายคงไม่ใจดำให้ทำงานโดยไม่นึกถึงจิตใจลูกจ้าง แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่าการที่เธอหยุดนั้น เธอต้องแลกเปลี่ยนกับอะไรบ้าง “แม่ของเธอเป็นอย่างไรบ้างโยโกะ” หมิงลี่เฟยสะกิดถามหลังจากที่เห็นแขกที่พราวตะวันดูแลลูกค้าคนนั้นจนเขาได้เพชรที่ต้องการไปเรียบร้อยและเดินออกไปจากร้านแล้ว ตอนที่ลูกค้าไม่อยู่พวกเธอมักจะมานั่งคุยกันที่เคาน์เตอร์เสมอๆ “ตอนนี้เข้าตรวจแล้วและก็กำลังจะรักษา ตอนแรกเราเครียดมากเลย แต่พอได้คุยกับหมอแล้ว ท่านก็บอกว่าสามารถรักษาให้หายขาดได้ แม่เป็นมะเร็งระยะเริ่มแรก ไม่มีการลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง รักษาแล้วก็ติดตามอาการไป แล้วก็จะกลับมาใช้ชีวิตอยู่อย่างคนปรกติได้” “โล่งใจไปที ตอนแรกได้ยินคำว่ามะเร็งฉันล่ะใจหายทันที” “ฉันก็เหมือนกัน แต่พอได้ไปคุยกับหมอและได้ความรู้มา ฉันถึงได้รู้ว่าถ้าตรวจพบในระยะแรกก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ และเราก็เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างมันก็ไม่กลับมาอีก แต่แม่ก็เข้มแข็งมากเลยนะอาหมิง ท่านไม่กลัวเลยแถมยังให้ความร่วมมือกับหมอที่จะรักษาเป็นอย่างดี เรียกได้ว่ากำลังใจเต็มร้อยเลยแหล่ะ ท่านยังบอกฉันเลยว่าจากนี้ไปจะกินอาหารชีวจิตแล้ว” “ก็ดีเหมือนกันนะ ฉันขอให้แม่เธอหายเร็วๆ แล้วกัน แล้วหลังจากนี้เธอจะไปเยี่ยมแม่เธออีกทีวันไหนเนี่ย” หมิง ลี่เฟยถาม เธอรู้ว่าพราวตะวันนั้นกลับบ้านทุกเดือน หญิงสาวจะจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าเอาไว้ตลอด “ก็กลับเหมือนที่เคยจองตั๋วไว้นั่นแหล่ะอาหมิง ฉันอยากกลับบ้านนานกว่าเดือนละครั้ง และอยากอยู่ให้นานมากกว่าแค่เสาร์อาทิตย์สองวัน แต่ฉันก็ทำไม่ได้” พราวตะวันทำหน้าม่อยๆ “แต่ก็ยังดีนะเธอที่เธอได้วันหยุดเพิ่มในเดือนนี้ ไมเคิลใจดีมากที่สุดอย่างไม่น่าเชื่อ และคงจะมีเธอคนเดียวที่ได้ลิ้มรสความใจดีของเขา” “ทำไมเหรอ ทำไมเธอพูดแปลกๆ จัง” “ก็เธอไม่ได้อยู่น่ะสิ รู้ไหมว่าแค่ย้ายเข้ามาทำงานที่นี่แค่สามวันเขาแผลงฤทธิ์อะไรบ้าง พวกที่อยู่สำนักงานใหญ่แทบยกมือท่วมหัวที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่” “เขาดุหรือ” “โอย มากกว่านั้นอีก มาวันแรกเขาก็ซัดแหลกเลย แต่ก็สะใจดีนะ งานที่ผู้จัดการคนเก่าทำไว้แบบไม่ค่อยมีระบบที่เราบ่นกันน่ะจะไม่มีอีกต่อไป คุณไมเคิลเรียกพนักงานเข้าประชุมแก้ไขในวันนั้นเลย แล้วที่นี่จะอยู่อย่างหละหลวมไม่ได้อีกต่อไปแล้วนะเพราะเขาคงซัดแหลกเลยล่ะ” “มันก็ดีไม่ใช่เหรอ” “ดีก็ดีอยู่หรอก แต่ว่ามันอึดอัดน่ะสิ ใครจะรู้ว่าเจ้านายหน้าหล่อที่เห็นกี่ครั้งก็อยากอ่อนระทวยในอ้อมกอดนั้นน่ะจะโหดแค่ไหน ว่ากันว่านะ ถ้าทำพลาดอะไรขึ้นมาแล้วพ่อซัดเปรี้ยงไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร รู้ตัวอักทีถูกไล่ออกแล้วก็มีแล้วยังได้แบล็คลิสท์ติดตัวทำงานที่ไหนในฮ่องกงไม่ได้อีกเลย เรียกได้ว่าเจ้านายคนนี้ไม่รู้จักให้อภัยเลยจนลูกน้องกลัวหัวหด แม้ว่าจะดีตรงที่ไม่มีใครกล้าทำเรื่องที่ไม่ดีเท่าไหร่ พนักงานระดับล่างๆ อย่างเราก็สบายขึ้นที่อยู่ใต้การบริหารอย่างยุติธรรม แต่ว่าก็ว่าเถอะเห็นเขาแล้วอึดอัดพิลึก ขนาดว่าฉันไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เขายังมองซะฉันกลัวเป็นวัวสันหลังหวะโดยไม่รู้ตัว” หมิงลี่เฟยเล่าเสียยืดยาว เจ้าตัวเมามันยังเล่าไม่หยุด “แต่ฉันก็ยังสงสัยนะว่าเขาจะเข้ามาทำงานที่นี่ทำไม ออฟฟิศก็ไม่ได้กว้างขวางเหมือนห้องเขาที่สำนักงานใหญ่ ที่นั่นน่ะว่ากันว่าที่ห้องทำงานเขาห้องเดียวก็กินเนื้อที่ชั้นสามสิบหกของตึกทั้งชั้นกว้างซะไม่มี แต่ไม่รู้ว่าติดใจอะไรกับออฟฟิศที่ร้านนี้” “เขาคงอยากมาดูร้านเองมั้ง เธออย่าลืมสิอาหมิงว่าร้านนี้น่ะทำเงินมากที่สุดในบรรดาร้านเพชรเดอ ลา ครูเซ่ด์สาขาอื่นทั่วโลก แล้วยังผู้จัดการเก่าของเราบริหารงานไม่โปร่งใสเท่าไหร่ เขาคงเข้ามาดูเรื่องนี้ชั่วคราวล่ะ” “ฉันขอให้มันชั่วคราวจริงเถอะ ตอนนี้ยุ่งวุ่นวายจะแย่” “อะไรจะขนาดนั้น อาหมิง เธอก็เล่าเวอร์ไป” “เวอร์ที่ไหนล่ะเรื่องจริงทั้งนั้น ถ้าเขาอยู่นะอย่าหวังว่าเราจะได้คุยกันอย่างนี้ มีลูกค้าหรือไม่มีก็ช่างเราก็ไม่มีสิทธิจับกลุ่มคุยกัน ใครทำอะไรผิดนิดผิดหน่อยก็ด่ากระเจิงเชียว ตอนนี้ใครเห็นเขาก็หัวหดทั้งนั้นแหล่ะ ทั้งความดุ ทั้งอำนาจมืด และอิทธิพลของเขาเนี่ยรวมกันแล้วทำให้ฉันคิดว่าคนหน้าหล่ออย่างเขาอันตรายได้อย่างไม่น่าเชื่อ เท่านั้นยังไม่พอนะ เรื่องผู้หญิงอีก เขามาได้สามวันฉันเห็นคู่ควงของเขาเดินพาเหรดมาหาเขาสวนกันให้ว่อน จะมีเรื่องกันไปสองสามครั้งแล้ว ดีที่พี่ชุนเหลียงเลขาเขาเก่งคอยหลอกล่อผู้หญิงเขาไว้สารพัด เฮ้อ ไม่รู้ว่าจะเจ้าชู้อะไรหนักหนา คงจะเป็นอย่างที่เขาว่าแหล่ะ ทั้งหน้าตาดี ทั้งมีเงินมีอำนาจ ผู้หญิงก็พร้อมที่จะวิ่งเข้าหาง่ายๆ อย่างนั้นแหล่ะ” หมิง ลี่เฟย พูดไปโดยที่ไม่ทันสังเกตใบหน้าที่ซีดเซียวของเพื่อนเลย พราวตะวันละอายขึ้นมาอย่างเล็กน้อย เมื่อคิดว่าอีกไม่นานหรอกเธอก็จะเป็นเหมือนผู้หญิงพวกนั้น ผู้หญิงที่เขาซื้อมาได้ด้วยเงิน หมิง ลี่เฟย รู้แล้วจะมองเธอเป็นเพื่อนที่แสนดีได้เหมือนเดิมหรือไม่นะ “อุ๊ยตาย เมาท์กันเพลิน โน่น ลูกค้ามาแล้ว ทำงานกันเถอะ” อาหมิงสะกิดเพื่อนแล้วพากันลุกขึ้นไปหาลูกค้าที่ทยอยเข้าร้านมาเรื่อยๆ ส่วนมากร้านเพชรร้านนี้จะมีกรุ๊ปทัวร์ของพวกมหาเศรษฐีที่มีจุดมุ่งหมายการมาฮ่องกงเพื่อชอปปิงโดยเฉพาะนั้นเข้ามาบ่อยๆ ยอดขายของร้านจึงมากมายมหาศาลเพราะเครื่องประดับเหล่านี้ซื้อง่ายขายง่ายขายคล่องและเป็นของที่มีมูลค่าที่ผู้คนนิยมซื้อเก็บกันมากขึ้น ทั้งยังมาตรฐานของเพชรร้านนี้ที่เลื่องลือกันว่าคัดเกรดอย่างดีไม่มีประวัติด่างพร้อยทำให้ใครก็มุ่งหน้ามาที่ร้านนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD