แสงแดดเช้าวันใหม่ลอดผ่านผ้าม่านปลุกคนตัวเล็กที่กำลังงัวเงียอยู่บนเตียงให้ตื่นจากฝันร้าย มัฑนาลุกขึ้นนั่งพร้อมกับอาการปวดหัวที่พุ่งปรี๊ดขึ้นมากระทันหัน หญิงสาวเหลือบมองกระจกตรงปลายเท้าเห็นสภาพตัวเองในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่โคร่งเพียงตัวเดียวบนเตียงหรูหราขนาดคิงไซส์ ไม่รอช้าร่างบางรีบเด้งตัวลุกจากเตียงทันทีนี่แสดงว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ฝันไป
ที่นี่ที่ไหน เมื่อคืนเธอจำได้ว่าเธอกำลังมีเรื่องกับคนใจร้ายที่เข้ามายึดบ้านของเธอแล้วทำไมวันนี้เธอมาอยู่อีกที่หนึ่งได้ล่ะ
คลิ๊ก
เสียงปลดล็อคประตูดังขึ้นหญิงสาวสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะที่เจ้าของห้องจะเดินเข้ามาในชุดสูทเต็มยศ ภัทรรินต้องเข้าประชุมด่วนที่โรงแรมซึ่งตั้งอยู่ที่พัทยาในวันนี้ จึงทำให้เขารีบเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่เมื่อคืนโดยที่ไม่ลืมหิ้วเอาของแถมชิ้นงามติดมือมาด้วย
“ตื่นแล้วเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงราบเรียบพร้อมกับดึงเนคไทล์ให้หลวมขึ้น
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เมื่อคืนคุณทำอะไรฉัน” เสียงจากคนตัวเล็กที่ยืนตัวสั่นด้วยความกลัวอยู่ตรงมุมห้องถามกลับทันควัน
“เธอก็น่าจะรู้นะ จะถามอีกทำไม จะให้ฉันรื้อฟื้นความทรงจำให้ไหมล่ะ”ร่างสูงกล่าวอย่างมีเลศนัยพร้อมทำท่าจะย่างสามขุมเข้ามาหาหญิงสาว รอยยิ้มนั่นไม่ได้ทำให้หญิงสาวหลงไหลได้อีกแล้วหากแต่มันกลับเปลี่ยนไปเป็นความกลัวและความเกลียดอีกต่างหาก
“ไม่ต้อง อย่าเข้ามานะ …คุณมันทุเรศที่สุด”
“งั้นเข้าไปเตรียมน้ำอุ่นให้ฉันหน่อย ฉันจะอาบน้ำ” ภัทรรินสั่งอีกครั้งก่อนจะถอดเสื้อสูทตัวนอกออก
“ไม่ ทำไมฉันต้องทำตามที่คุณสั่งด้วย ฉันไม่ใช้ทาสคุณนะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงกร้าว ถึงแม้ในใจจะหวั่นกลัวคนตรงหน้าแต่เธอจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็นไม่ได้
“เธอแน่ใจสถานะตัวเองแล้วเหรอ ถึงกล้าพูดแบบนั้น”
“แน่ใจสิ ฉันไม่ยอมเป็นทาสรับใช้คุณแน่ๆ คุณไม่ใช่เจ้าชีวิตของฉันจำไว้” พูดจบร่างบางของมัฑนาก็เดินกระแทกเท้าปึงปังผ่านหน้าร่างสูงหมายจะเดินไปที่ประตูเพื่อจะหาทางกลับบ้านของตัวเองโดยลืมไปว่าตนมีเพียงเสื้อตัวเดียวของชายหนุ่มปิดกายอยู่เท่านั้น
“แล้วเธอจะเสียใจที่มาท้าทายฉัน!!” ชายหนุ่มตวาดเสียงกร้าวรู้สึกหมดความอดทนกับความไม่ยอมอ่อนของคนตัวเล็ก
ภัทรรินก้าวตามร่างบางไปไม่กี่ก้าวก่อนจะคว้าแขนเรียวนั่นไว้อย่างแรงด้วยความเหลืออด หญิงสาวไม่ทันตั้งหลักจึงเซล้มลงบนอกกว้างนั้นอย่างจัง
“ปล่อยนะ นี่คุณจะทำอะไร”
“บอกมาว่าจะขึ้นเตียงหรือไปเตรียมน้ำให้ฉัน”
“ไม่!!!” ถึงแม้จะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำแต่คนตัวเล็กก็ยังคงไม่ยอมอ่อนลงง่ายๆ
“งั้นฉันเลือกเอง มานี่”
ร่างบางถลาตามแรงคนตัวใหญ่ที่กระชากสุดแรงก่อนจะล้มล้งบนเตียงอย่างจังจนรู้สึกจุก มัฑนารีบเด้งตัวลุกจากเตียงให้เร็วที่สุดภาพเมื่อคืนฉายเข้ามาในหัวอัตโนมัติ เขาจะมารังแกเธอแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
“ไหนๆ ก็อวดดีแล้ว เชิญอวดดีให้ตลอดนะ”
ไม่รอให้ชายหนุ่มเข้าประชิดตัวร่างบางรีบถลาลงจากเตียงทันที แต่นั่นก็ช้าเกินไปเพราะชายหนุ่มขึ้นมาคร่อมตัวเธอไว้เสียแล้ว
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันขอร้อง” เมื่อตกเป็นฝ่ายแพ้หญิงสาวจำใจจะต้องอ้อนวอนรอขอความเมตตาจากชายหนุ่มอย่างสิโรราบ
“เธอไม่มีสิทธิร้องขอ เธอเป็นสมบัติของฉัน เธอต้องทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้น”
คนตัวใหญ่ที่ขึ้นมาคร่อมร่างเล็กเอาไว้ด้วยความชำนาญ ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองที่เขาปลดคาเอาไว้หลุดออกเผยให้เห็นไรขนอ่อนบนหน้าอกกำยำบวกกับกลิ่นน้ำหอมมันชั่งเป็นยากล่อมชั้นเลิศให้หญิงสาวหลับใหลเสียเหลือเกิน
“ฉันขอร้องเถอะนะ ฉันจะไปเตรียมน้ำให้เดี๋ยวนี้เลย” หญิงสาวใต้ร่างพยายามหาทางรอดให้กับตัวเองอีกครั้ง
“มันสายไปแล้วล่ะ”
ชายหนุ่มเข้ามากระซิบเสียงแผ่วเบาข้างหูก่อนที่มือหนาจะค่อยๆเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของคนตัวเล็กออกเผยให้เห็นอกอวบอิ่มที่เขาได้เพียงสัมผัสเพียงชั่วครู่เมื่อคืนเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาจะต้องเป็นเจ้าของมันโดยสมบูรณ์ให้ได้
“ฮืออ ฉันขอร้องล่ะนะ” มัฑนาน้ำตาไหลอาบแก้มยกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างหมดหนทาง
“ไม่เอาน่า ทำเหมือนไม่เคยไปได้”
“อย่าทำฉันอีกเลย เมื่อคืนคุณก็...” ชายหนุ่มชะงักทันทีหลังจากที่หญิงสาวพูดจบ ก่อนจะกระตุกยิ้มออกมาอย่ามีเลศนัย
“ก็อะไรเหรอ”ภัทรรินแกล้งถามย้ำ เขาพลิกตัวมานอนข้างๆแทนโดยใช้ข้อศอกค้ำไว้ข้างคนตัวเล็กส่วนอีกมือยังคงหยอกล้อกับทรวงอกที่เจ้าของกำลังนอนนิ่งด้วยความกลัว
หญิงสาวหลับตาพริ้มด้วยความเขินอายที่จะเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“คุณได้มันไปหมดแล้ว ฉันไม่มีอะไรให้คุณอีกแล้ว”
สิ้นคำพูดของมัฑนาภัทรรินถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“นี่ ถึงฉันจะผ่านผู้หญิงมาเยอะ แต่ฉันก็ไม่ได้ชอบขืนใจผู้หญิงตอนหลับหรอกนะ มันดูไร้อารมณ์ ถ้าตอนนี้ก็ว่าไปอย่าง” ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนจะขึ้นมาคร่อมร่างบางเอาไว้อีกครั้ง ใบหน้าคมกับจมูกโด่งเป็นสันถูกฝังลงบนซอกคอขาว มือเล็กๆที่กำลังไหว้ปลกๆ ถูกคนตัวใหญ่รวบไว้เหนือศีรษะด้วยความรำคาญ
มัฑนารู้สึกโล่งใจที่ความบริสุทธิ์ของเธอยังคงอยู่ หากแต่ตอนนี้เธอจะมานอนแน่นิ่งให้เขาฉาบฉวยมันไปอีกครั้งไม่ได้เด็ดขาด
“ฉันว่าเรามาตกลงกันดีๆ ดีกว่ามั้ย ฉันไม่ค่อยชอบวิธีนี้สักเท่าไหร่” หญิงสาวพยายามกัดฟันพูดกับคู่กรณีตรงหน้าอย่างใจเย็นพยายามกดอารมณ์วาบหวิวที่ชายหนุ่มมอบให้เอาไว้ให้ลึกที่สุด
“เสร็จแล้วเราค่อยตกลงกันนะ” ภัทรรินเอ่ยเสียงเรียบทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้ามามองคู่สนทนาแม้แต่น้อย ใบหน้าคมคายยังคงฝังอยู่ตรงซอกคอขาวเนียนก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงมาหยอกล้อกับอกอวบอิ่มที่เขาเคยสัมผัสมาแล้วเมื่อคืน
“ฉันขอร้อง เรามาคุยกันดีๆก็ได้” เหมือนสมองจะโดนยากล่อมประสาท ความรู้สึกแปลกๆเริ่มเข้ามาแทนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มือน้อยๆพยายามผลักใสคนตัวใหญ่ที่กำลังตักตวงความสุขจากเรือนร่างของเธอออก แต่ดูท่าว่าจะไร้ผล
“อืมม” ร่างสูงครางเสียงกระเส่าเบาๆไม่มีวี่แววจะสนใจเสียงเล็กๆของคนใต้ร่าง มือหนาดึงรั้งเสื้อเชิ้ตของคนตัวเล็กออกอย่างรวดเร็ว จนมัฑนาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจตอนนี้เธอเหลือแค่ตัวเปล่าเปลือยไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆปกปิดร่างไว้อีกแล้ว
“คุณภัทรริน ได้โปรด หยุดเถอะ” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มออกมาหวังว่าจะให้เขาหยุดกการกระทำอันป่าเถื่อนแบบนี้สักที
“เธอไม่ขัดใจฉันดีที่สุดนะมัฑนา”
มือใหญ่เคลื่อนไปตามผิวกายอันเนียนละเอียดอย่างหลงใหล ตักตวงความสุขจากเรือนร่างที่เขากำลังเป็นเจ้าของในไม่ช้าอย่างเต็มที่
“ฉันไปทำอะไรให้คุณหนักหนา ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้”
คำถามสั้นๆ ที่ทำเอาชายหนุ่มหยุดนิ่งกะทันหันเช่นเดียวกับเลือดในกายที่กำลังฮึกเหิม เขาผละออกจากร่างบางอย่างรวดเร็วลุกขึ้นมากระชากร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งตรงหน้า
“เธอมองไปรอบๆสิ เธอไม่รู้สึกคุ้นกับที่นี่เลยรึไง”
หญิงสาวใช้มือปาดน้ำตาลวกๆรีบเอาผ้าห่มมาคุลมกายเอาไว้ ก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ที่นี่เป็นรังรักที่เธอกับชานนท์แอบมาเล่นชู้กันไง เธอจำไม่ได้เหรอ”
“ฉันกับพี่นนท์ เราไม่ได้มีอะไรกันนะ”
“ไม่ต้องมาทำเป็นเสแสร้ง ฉันไม่หลงกลเธอหรอก” ชายหนุ่มขบกรามแน่นด้วยความโกรธแค้น มือหนายกขึ้นบีบแก้มทั้งสองข้างของคนตัวเล็กด้วยความโกรธแค้น ทำให้มัฑนาร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ” มือน้อยๆพยายามแกะมือของชายหนุ่มออกอย่างสุดแรง
“เธอทำให้น้องสาวฉันเป็นเจ้านิทรา และหลานฉันต้องจากไป ทั้งๆที่ฉันยังไม่ได้เจอหน้าเขาเลย”
“แต่นั่น คุณก็รู้ว่าเป็นอุบัติเหตุ”
“มันจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเธอกับไอ้นนท์ไม่หักหลังแพรผกา”
“ฉันไม่ได้...” คำพูดของหญิงสาวถูกกลืนลงไปแต่กับมีก้อนสะอึกขึ้นมาแทนที่ หากเธอเอ่ยชื่อ ศิยามลออกมาคนที่จะรับวิบากกรรมแทนคงไม่ใช่เธอ ถึงเธอจะไม่ค่อยลงรอยกับพี่สาวคนนี้สักเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงเลือดต้องข้นกว่าน้ำอยู่แล้ว
“เธอทำร้ายคนที่ฉันรักที่สุดในชีวิต เธอมันผู้หญิงแพศยา” ภัทรรินตะคอกใส่ร่างบาง มือหนาจับพวงแก้มนั้นเอาไว้ราวกับจะบีบมันให้แหลกคามือ
“แล้วคุณต้องการอะไร จะให้ฉันชดใช้ยังไง” มัฑนาน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวด พยายามแกะมือของชายหนุ่มออกด้วยความยากเย็น
“ทุกอย่างที่เป็นของเธอจะต้องเป็นของฉัน”
“แต่คุณต้องคืนบ้านให้ฉันนะ มันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของคุณลุง”
“งั้นเธอก็หาเงินมาสิ สิบล้าน ที่น้าเธอขายบ้านหลังนั้นให้ฉันเพราะติดหนี้พนัน ป่านนี้หนีไปใช้เงินถึงไหนแล้วก็ไม่รู้” หัวใจยิ่งห่อเหี่ยวลงทุกที มืดแปดด้านไปหมด เธอจะแก้ปัญหาด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร
“ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก ส่วนเรื่องคุณแพรฉันไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ฉันขอโทษ”
หญิงสาวก้มหน้าขอโทษอย่างคนยอมแพ้หมดหนทาง เธอยอมจำนนให้กับชายหนุ่มตรงหน้าเพราะเธอเองก็มีส่วนผิดที่ชักจูงให้ศิยามลมารู้จักกับชานนท์จนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“เก็บคำขอโทษเธอไว้เถอะ เพราะยังไงเธอก็ไม่มีวัดชดใช้มันหมดหรอก”
“ฉันยอมทุกอย่าง ตามที่คุณต้องการถ้ามันเป็นการไถ่โทษที่ฉันทำกับครอบครัวคุณ ส่วนบ้านฉันจะหาเงินมาไถ่คืนทีหลัง”
“เธอแน่ใจเหรอ ว่ายอมทุกอย่าง”
“…”หญิงสาวไม่ตอบ แต่พยักหน้ายอมรับชะตากรรม
“เอาเป็นว่าฉันจะรับไว้พิจารณานะ รับรองเธอได้ชดใช้สมใจแน่ มัฑนา”
ชายหนุ่มกล่าวทิ้งท้ายแล้วหันไปหยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นมาใส่แบบลวกๆก่อนจะเปิดประตูห้องออกไปอย่างเงียบๆ ปล่อยให้ร่างบางนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง นี่มันเวรกรรมอะไรของเธอหนักหนา ทั้งที่ตั้งใจจะมาหางานทำแต่ทำไมต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ต้องมาชดใช้ในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำด้วย ทำไมกัน
ก๊อก ๆ ๆ
หลังจากที่ภัทรรินออกไปไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น มัฑนารู้ดีว่าต้องไม่ใช่เขาแน่ๆเพราะคนแบบนั้นคงไม่มีมารยาทกับเธอถึงขนาดนี้
“ขออนุญาตค่ะ” เสียงแม่บ้านประจำโรงแรมดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออก หญิงสาววัยไล่เลี่ยกับเธอเดินเข้ามาพร้อมกับถุงใบใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้าไว้มากมาย
มัฑนาพลิกตัวหันมายิ้มทักทายตามมารยาทแต่ยังคงห่อตัวอยู่ในผ้าห่ม เพราะเสื้อเชิ้ตตัวเดียวถูกคนใจร้ายกระชากจนขาดไม่เหลือชิ้นดีเมื่อครู่นี้เอง
“มีอะไรเหรอ”
“คุณภัทรริน ให้เอาเสื้อผ้ามาให้คุณ บอกให้ลงไปหาเขาอีกครึ่งชั่วโมงข้างล่างค่ะ”
หญิงสาวรับถุงผ้ามาอย่างจำใจก่อนจะเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระร่างกายแต่งตัวกับเสื้อผ้าที่คนใจร้ายจัดหามาให้ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากจะเป็นนกน้อยในกรงทอง ยอมให้เขาทำอะไรก็ได้กับชีวิตเธอก็ได้ หากจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
“คุณผู้หญิง คุณภัทรรินรออยู่ในรถครับ” หลังจากแต่งตัวเสร็จมัฑนาก็ลงมาหาตามที่เขาสั่ง กลับพบแต่เพียงลูกน้องของเขาเท่านั้น
"คุณภัทรรินรออยู่ในรถด้านนอกครับ"
“ในรถ...จะไปไหนกันเหรอคะ”มัฑนาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ทั้งที่เขาเพิ่งจะหิ้วเธอมาจากกรุงเทพแล้นี่เขาก็กำลังพาเธอไปอีก
“กลับบ้านคุณภัทรที่เชียงใหม่ครับ รีบไปเถอะครับ”
ประตูรถตู้สีดำถูกเปิดออกเผยให้เห็นคนใจร้ายที่นั่งอยู่ข้างใน เขาขยับแว่นสีชาหนึ่งครั้งก่อนจะหันมาแขวะหญิงสาวที่มัวแต่ยืนนิ่งไม่ยอมขึ้นรถ
“ดูท่า เธอจะไม่ยอมขึ้นมาง่ายๆนะ” หญิงสาวจำใจขึ้นรถไปก่อนที่ประตูรถจะปิดลง แต่เลือกที่จะเดินไปนั่งข้างหลังให้ห่างกับผู้ชายคนนี้ดีกว่า
“ที่เธอ คือตรงนี้”
ร่างสูงตวัดเอวบางของมัฑนาที่กำลังเดินไปนั่งด้านหลังให้นั่งลงบนตักอย่างง่ายดาย ทำให้หญิงสาวตกใจพยายามดิ้นอย่างสุดแรงเพื่อหวังให้ตัวเองเป็นอิสระ
“ถ้าเธอไม่นั่งนิ่งๆ ฉันจะปล้ำเธอบนรถนี่แหละ ดีมั้ย” ใบหน้าเผยเห็นรอยยิ้ม แต่มันไม่ได้ทำให้เขาดูเป็นมิตรขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
“แต่ที่บนรถมีเยอะแยะ เราไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลานี่คะ” หญิงสาวขบเขี้ยวยิงฟันก่อนจะผลักร่างสูงออกจนสุดแรงแล้วรีบตรงดิ่งไปนั่งแถวหลังสุดทันที
ชายหนุ่มมองตามอย่างเหลืออดในความไม่ยอมแพ้ของคนตัวเล็ก แต่นั่นทำให้เขาเองจำเป็นต้องเดินตามเข้ามานั่งข้างๆร่างบางเสียเอง
“นั่งตรงนี้ก็ดีเหมือนกันลับตาหน่อย ฉันจะได้ทำอะไรได้สะดวก”
“เหอะ” คนตัวเล็กทำได้เพียงหัวเราะในลำคอเบาๆพร้อมกับขยับตัวหนีอัตโนมัติ เธอเลือกที่จะนั่งนิ่งๆเสียดีกว่าการปะทะอารมณ์กันต่อหน้าซึ่งนั่นมันไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวเธอเลยแม้แต่น้อย