5

1237 Words
“ได้รูปถ่ายของพวกเขาสองคนแม่ลูกมาแค่นี้เองเหรอ” บอดีการ์ดหนุ่มรับรู้ถึงอาการไม่พอใจนั้น “ครับคุณฌอน คุณหนูกับแม่ของเธอมักจะอยู่แต่ภายในร้านอาหารและที่บ้าน ไม่ค่อยออกมาข้างนอกบ่อยนัก” “น่าสงสารแม่หนูน้อยของแด๊ด แม่ของหนูคงจะเอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาออกไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเดซี่เคยเข้าสวนสนุกบ้างไหม สตีฟ คอยดูสิ พวกเขายอมรับฉันเมื่อไหร่ ฉันจะสร้างสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นจากทุกมุมโลกให้เดซี่เป็นการชดเชย สตีฟยิ้มไม่ออก “แล้วถ้าพวกเขาไม่ยอมรับคุณฌอนล่ะครับ จากประวัติที่เราได้มา คุณแก้วมุกดาไม่ใช่ผู้หญิงเห็นแก่เงินเสียด้วย แล้วยังรักลูกมาก เธอยังสาวยังสวยหายไปอยู่บนดอยมาหลายปีจนพวกเราหาเธอไม่เจอ แต่กลับไม่ยอมหาพ่อใหม่ให้ลูก” ฌอนละสายตาจากดวงหน้าจิ้มลิ้มของเดซี่ที่ตั้งเอาไว้เป็นหน้าจอมือถือ แล้วจ้องเขม็งไปที่บอดีการ์ดคนสนิทที่พ่วงตำแหน่งเลขาฯ ส่วนตัวซึ่งมีอายุน้อยกว่าเขาสองปีอย่างไม่พอใจ “ฉันเคยบอกแกหรือยังสตีฟ ว่าแกปากเสีย” ใบหน้าหล่อคมเข้มอย่างคนอเมริกันของฌอนก้มลงไปมองภาพหน้าจอมือถือแล้วกดเปลี่ยนเป็นภาพถ่ายแม่คู่กับลูก คนที่เคยเป็นเมียของเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งมีใบหน้าสวย ริมฝีปากแดงน่าจุมพิต เขายังจำคืนนั้นได้ที่ริมฝีปากหยักร้อนกดแนบริมฝีปากอิ่มแล้วบดเบียดอย่างไม่ปรานีปราศรัย ก่อนจะเข้าไปฉกชิมในโพรงปากหวานละมุน รุกไล้ไล่บี้กับเธอตลอดทั้งคืน ช่างบัดซบสิ้นดี วันนั้นเขาออกไปคุยโทรศัพท์เรื่องการซื้อขายกิจการของคู่แข่งไม่นาน พอกลับมาที่ห้อง เธอก็หายไปแล้ว เหลือแต่แพนตี้ที่คงไม่ได้ทิ้งเอาไว้ให้ดูเขาต่างหน้า แต่เมันถูกโยนเอาไว้ในถังขยะภายในห้องน้ำ เพราะสภาพที่ถูกฉีกขาดด้านข้างทำให้เธอสวมกลับไปไม่ได้ นึกแล้วก็โกรธตัวเองที่มือหนักไปหน่อย เขาทำแบบนั้นกับครั้งแรกของเธอได้อย่างไรกัน ‘เป็นเพราะ...’ ด้วยความขุ่นเคืองและส่วนหนึ่งโทษว่าเป็นความผิดของเขาเอง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้เจอเธอ ร่างองอาจที่มีแผงอกกำยำทิ้งตัวลงไปที่พนักพิงแล้วมองหน้าไอ้คนปากเสียเมื่อครู่นี้ “สตีฟ แล้วถ้าลูกสาวกับแม่ของเขาไม่ยอมรับฉัน” ฌอนถอนหายใจยาว “ แต่ยังไง ฉันก็ต้องไปแสดงตัว บอกให้เขารู้ว่าเดซี่เป็นผลผลิตในคืนนั้นซึ่งฉันเป็นคนช่วยเธอสร้างแกขึ้นมา” สตีฟ ลูกน้องมือดีและหน้าตาดีเป็นรองแค่เจ้านายแอบถอนใจ งานนี้เห็นทีจะไม่ง่าย “คุณฌอนเคยได้ยินคนไทยเขาพูดไหมครับ ไม่เข้าถ้ำเสือหรือจะได้ลูกเสือ ถ้าเจ้านายอยากได้ลูกสาวกลับเข้าตระกูล ก็ต้องเจรจากับแม่เสือให้ได้ แต่แม่เสือเลี้ยงเดี่ยวเขาว่าดุ” จากการที่ให้ลูกน้องไปสืบมาหลังจากรู้แหล่งที่อยู่ของสองแม่ลูกเมื่อสองสัปดาห์ก่อน มีผู้ชายหลายรายเข้ามาจีบคุณแก้วมุกดา แต่ก็ต้องถอยทัพออกไปเพราะฤทธิ์ของแม่และลูก ได้ยินว่าลูกสาวหวงแม่มาก แม่ก็ไม่ยอมมีพ่อใหม่เพราะกลัวพ่อเลี้ยงจะรังแกลูก เจ้าพ่อแห่งวงการเบียร์โลกหุบยิ้ม ดวงตาเข้มขึ้น “แต่คนอย่างฌอน แกจำไว้เลย ถ้าลองได้เข้าถ้ำเสือแล้วจะต้องได้ลูกเสือออกมา ส่วนแม่เสือนั่นเหรอ ฉันต้องหาทางเอากลับไปด้วยอยู่แล้ว” นิ้วแกร่งไล้ไปบนภาพแม่หอมแก้มลูกบนหน้าจอทัชสกรีนพร้อมรอยยิ้มที่ปกปิดไม่อยู่ “แกว่าลูกสาวฉันหน้าเหมือนฉันหรือเมียฉันวะ” สตีฟยิ้มแปลกๆ เจ้านายเรียกแม่ของคุณหนูเดซี่เสียเต็มปากเต็มคำ ส่วนแม่ของหนูเดซี่ไม่รู้จะเรียกพ่อของลูกว่าอะไร “หมา หมาอย่างแกไม่สมควรเกิดเป็นพ่อหมา เสียชาติเกิดเป็นหมาจริงๆ รู้ไหม” แก้วมุกดากำลังดุพ่อหมาหลังร้านตัวหนึ่งที่แย่งข้าวของลูกกิน ขณะที่หมาแม่ลูกอ่อนมันยอมละจากชามข้าวเพื่อให้ลูกน้อยเกิดใหม่สามตัวได้รวมหัวกันกิน วันนี้มีเรื่องให้แก้วมุกดาหงุดหงิดใจหลายเรื่อง ความน้อยใจในชีวิตกำลังโหมกระหน่ำสาดซัดเข้ามาใส่ชีวิตช่วงนี้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอเอาอารมณ์ส่วนตัวมาดุด่าหมาจรจัดที่ให้ข้าวให้น้ำมันทุกวันแล้วปล่อยให้มันอาศัยหลังร้าน เพียงแต่เธอทนพฤติกรรมพ่อหมาที่แย่งข้าวลูกกินไม่ได้เลยเกิดอาการโมโห เสียงวิ่งพร้อมเสียงหัวเราะคิกๆ ที่พุ่งตรงเข้ามาแม้ไม่เห็นหน้า แก้วมุกดาก็เดาได้ว่าเป็นใคร “รอด้วยๆ เดซี่อ้วนก็อ้วนเนอะ วิ่งเร็วจัง” ไข่หวาน เด็กหญิงตัวผอม หน้าตาน่ารักวิ่งตามเดซี่มาห่างๆ แต่แม่ตัวกลมดูจะวิ่งไวกว่าเพื่อนมาก แล้วมาหยุดอย่างกะทันหันเมื่อเห็นคนเป็นแม่จ้องเขม็ง “ทำไมวิ่งแข่งกันมาแบบนี้ เดี๋ยวก็ล้มทั้งคู่หรอก” วันนี้เป็นวันหยุด เด็กน้อยๆ ในวัยหกขวบจึงไม่ต้องไปโรงเรียน และในวันหยุด ไข่หวานซึ่งมีบ้านติดกับแก้วมุกดาก็จะขอตามมาเล่นกับเดซี่ที่ร้าน เมื่อพ่อและแม่ของเด็กหญิงซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกันอนุญาต แก้วมุกดาก็เต็มใจ ลูกสาวจะได้มีเพื่อนเล่น แต่วันนี้ แก้วมุกดาแปลกใจเมื่อเห็นว่าไข่หวานกับเดซี่หิ้วถุงถั่วลิสงมาด้วย ถุงถั่วต้มแบบนี้ เธอคุ้นตามาก เพราะเห็นอาบังเอามาขายให้แขกที่ร้านทุกๆ วัน แต่แก้วมุกดาก็ไม่เคยว่ากล่าวหรือไล่คนขายถั่วเหล่านั้น เพราะเข้าใจว่ามันเป็นอาชีพของพวกเขา อย่างน้อย พวกเขาก็มีถั่วมาแลกกับธนบัตรใบละยี่สิบบาท ไม่ได้ขอเงินใครฟรีๆ “ไปเอาถั่วต้มมาจากไหนกัน” แก้วมุกดาถามสองสาวน้อยที่น่ารักคนละแบบ เดซี่ยิ้มหวานมองหน้าไข่หวาน พวกเธอลงทุนคนละห้าสิบบาทจากการแคะกระปุก และขอให้แม่ของไข่หวานที่เปิดแผงผักในตลาดซื้อถั่วลิสงมาต้มให้ “หม่ามี้สอนว่าคนขยันไม่อดตายไงคะ” “จ้า หม่ามี้สอนแบบนั้น” “เราสองคนจะเอาถั่วต้มมาขายลูกค้า” “แต่ว่าอาบังมาขายทุกวันแล้วนะจ๊ะ จะขายแข่งกับอาบังได้เหรอ แล้วเดซี่จะขายถุงละเท่าไหร่” แก้วมุกดาแค่อยากดูความคิดของเด็กๆ ไข่หวานและเดซี่แย่งกันตอบ “ถุงละสี่สิบค่ะ” “อุ๊ย แพงไปรึเปล่าจ๊ะ อาบังเขาขายยี่สิบ แล้วใครจะซื้อถั่วหนู” คนเป็นแม่ถอนหายใจเบาๆ ทำตาละห้อยมองสองสาวน้อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD