บทที่ 6

1429 Words
การซุ่มรอเป้าหมายของผู้พันสิงหนาทพร้อมด้วยร.ท.กรินทร์ได้ถึงเวลาสิ้นสุดลงเมื่อรถตู้คันงามได้เคลื่อนตัวตีวงมาจอดบริเวณทางเข้าสนามบิน ปลายนิ้วยาวแข็งแกร่งในถุงมือหนังสีดำสอดเข้าไปในไกปืนเตรียมพร้อมสำหรับการสังหารในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ส่วนผู้หมวดกรินทร์ก็มองเป้าหมายผ่านกล้องมองทางไกลสำหรับกลางคืนและเมื่อรถตู้เปิดออกกว้างร่างบอบบางได้ก้าวลงจากรถผู้พันหนุ่มก็เริ่มทำหน้าที่ของตนเองทันที ‘บ้าชะมัด รอยยิ้มของเธอเป็นยิ่งกว่ากระสุนร้ายที่ฉันกำลังจะฆ่าพ่อเธอเสียอีก’ ผู้พันสิงหนาทสบถอยู่ในใจดวงตาคมพร่ามัวหัวใจกระตุกสั่นไหวเมื่อมองผ่านกล้องทางไกลแล้วได้เห็นรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจที่เป้าหมายของตนเองได้แย้มยิ้มให้กับคนขับรถ จะเป็นการดีแค่ไหนถ้าหากรัณชิดาได้มอบรอยยิ้มหวานเช่นนั้นให้กับเขาบ้าง “ผู้พัน รออะไรอยู่ครับ” ผู้หมวดกรินทร์กระซิบเตือนเบาๆ เมื่อเป้าหมายแรกคือเสี่ยบริพัตรได้ลงจากรถตามลูกสาวมาแล้วแต่ผู้พันหนุ่มก็ยังไม่ลั่นไกสักที “กรินทร์ถ้าหากงานนี้ผิดพลาด เราจะเป็นผู้รับผิดชอบคนเดียว” ผู้พันสิงหนาทกระซิบแผ่วเบาทว่าหนักแน่นมั่นคง รอยยิ้มหวานที่ปรากฏขึ้นทั่วดวงหน้างามลออละมุนละไมทำให้เขาตัดสินใจต้องการให้รอยยิ้มหวานพิมพ์ใจรอยยิ้มนี้ได้ประทับอยู่กับรัณชิดาตลอดไป การฆ่าคนในตระกูลจิรภาสด้วยน้ำมือของเขาจะไม่มีเกิดขึ้นในวันนี้และวันต่อๆ ไป ชายหนุ่มถอนหายใจยาวกับการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของตัวเอง เขาลดไรเฟิลในมือลงเป้าหมายไม่ได้อยู่ในสายตาอีกต่อไป ฟิ้วววว!!! “ผู้พัน เสี่ยบริพัตรถูกยิง” ผู้หมวดกรินทร์ที่ยังคงมองเสี่ยบริพัตรผ่านกล้องมองทางไกลได้กระซิบบอกท่ามกลางความเงียบสงัดเมื่อเห็นร่างของเสี่ยบริพัตรค่อยๆ ล้มลงพร้อมด้วยเลือดแดงฉานทั่วตัว นักฆ่ามือหนึ่งอย่างผู้พันสิงหนาทได้เกิดใจอ่อนละเว้นชีวิตของเป้าหมาย แต่นักฆ่าอีกคนที่กำลังชิงดีชิงเด่นต้องการขึ้นมาแทนที่ไม่ได้มีคำว่าสงสารอยู่ในหัวสมอง ลูกกระสุนที่ถูกปล่อยมาจากอีกมุมหนึ่งของตัวอาคารไม่ได้ทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องเพราะมันเจาะเข้าตัดขั้วหัวใจของเสี่ยบริพัตรให้ลมลงขาดใจต่อหน้าลูกสาวลูกชายและผู้คนอีกนับร้อยที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง “กรี๊ดดดด!!!! คุณพ่อ!” “คุณพ่อ!” รัณชิดากับคิวากรตะโกนลั่นกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจตะลึงงันที่จู่ๆ ก็เห็นบิดาล้มลงไปต่อหน้าพร้อมกับมีเลือดอุ่นไหลเป็นทางยาวตรงตำแหน่งที่ตั้งของหัวใจ “คุณพ่อ! คุณพ่อ! อย่าเป็นอะไรไปนะคะ ใครก็ได้ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ด้วย” รัณชิดากรีดร้องลั่นราวกับคนเสียสติ กอดร่างที่ปราศจากลมหายใจของบิดาไว้แน่น ใบหน้างามนองไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจที่ไหลรินเป็นทางยาวไม่ต่างจากเลือดของบิดาที่เปียกชุ่มเปื้อนตามมือและลำตัวของเธอ “คุณพ่อ อย่าจากคินไป ขอร้อง อยู่กับคินก่อน” น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินออกมาโดยไม่อายใคร คิวากรกอดร่างบิดาไว้แน่นร่ำไห้ด้วยความเสียใจไม่ต่างจากพี่สาว โลกที่เคยสวยงามเพียบพร้อมไปทุกอย่างสำหรับเด็กหนุ่มอย่างเขามีอันต้องดับวูบสูญสลายไปพร้อมๆ กับลมหายใจที่หมดสิ้นไปจากเรือนกายของบิดา “เรียกรถพยาบาล ช่วยด้วย! เรียกรถพยาบาลให้ด้วย” รัณชิดาร้องไห้กรีดร้องยิ่งกว่าคนเสียสติ แต่ผู้คนที่กำลังตกตะลึงตัวนิ่งชากับเหตุการณ์ลอบฆ่าที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยหรือทำตามคำร้องขอของหญิงสาวสักคน “นรก!!!” ผู้พันสิงหนาทสบถลั่นรู้ว่ากระสุนจากไรเฟิลที่ถืออยู่ในมือยังคงนอนสงบนิ่งอยู่ในรังเพลิงไม่ได้ปลดปล่อยออกไปปลิดชีวิตของเสี่ยบริพัตร แต่กระสุนปริศนาที่ฆ่าเสี่ยบริพัตรนั้นเป็นของใคร เขารีบหยิบไรเฟิลขึ้นมามองตามวิถีกระสุนที่คาดว่าจะมาจากฝั่งเดียวกันกับตัวเขา แล้วก็ได้เห็นผู้กองดนิษฐ์อีกหนึ่งมือสังหารได้ซุ่มอยู่บนตึกอาคารสูงและเป็นที่แน่นอนว่าผู้กองดนิษฐ์ไม่ได้ตั้งใจลั่นไกแค่เพียงนัดเดียวแต่จะลั่นไกถึงสามนัดเพื่อปลิดอีกสองชีวิตที่กำลังร่ำไห้กอดศพของเป้าหมายรายแรกอยู่ “ดนิษฐ์กำลังจะฆ่ารัณชิดา” ไม่รู้ว่าผู้พันสิงหนาทเอ่ยบอกตัวเองหรือผู้หมวดกรินทร์กันแน่ และไม่ต้องรอให้ลูกน้องได้ชี้เป้า ผู้พันได้ยิงเข้าตรงข้อมือของผู้กองดนิษฐ์สกัดกั้นไม่ให้อีกฝ่ายได้ลงมือสังหารเป้าหมายที่เหลือ ฟากของผู้กองดนิษฐ์ผู้ที่มักจะทำงานแบบฉายเดี่ยวเพราะมั่นใจฝีมือการซุ่งยิงและเล็งเป้าด้วยสายตาคมกริบแม่นยำของตัวเองมากกว่าการอาศัยคนชี้เป้าถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บปวดที่แล่นซ่านทั่วตัวและเมื่อมือที่เคยฆ่าคนมานักต่อนักถูกยิงจนข้อมือไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไปจำเป็นต้องเก็บปืนไรเฟิลแล้วเผ่นหนีลงมาจากดาดฟ้าก่อนที่จะถูกผู้พันสิงหนาท ‘เก็บ’ บ้าง ผู้พันสิงห์เลิกสนใจนักฆ่าอีกคนแล้วหันมามองหญิงสาวที่ยังคงนั่งร่ำไห้ผ่านกล้องส่องทางไกลที่ติดกับลำตัวของปืนไรเฟิล ร่างอรชรที่เต็มไปด้วยเลือดของผู้เป็นบิดาใบหน้างามหวานที่นองไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกจากการสะอื้นร่ำไห้ทำเอาเขาทนไม่ได้ต้องกัดฟันกรอดรู้สึกเสียใจกับการสังหารเป้าหมายในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเปลี่ยนใจไว้ชีวิตของเสี่ยบริพัตรในวินาทีสุดท้าย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี “กรินทร์ นายเก็บอาวุธทำตัวล่องหนสักพัก อย่าได้ออกมาไม่ว่าท่านนายพลหรือใครเรียกให้ไปพบอย่าได้ไปเป็นอันขาด” การทำงานผิดพลาดไม่ใช่เรื่องแปลกของคนที่เป็นนักฆ่า แต่การจงใจทำงานให้ผิดพลาดนี่สิคือสิ่งที่ผิดวิสัยปกติและผลที่จะได้รับจากการจงใจคือการถูกกำจัดทิ้ง ร.ท.กรินทร์เก็บอาวุธปืนอย่างชำนาญไม่กี่นาทีต่อมานักฆ่าทั้งสองก็ลงมาจากดาดฟ้าตึกสูงเดินปะปนกับผู้คนอย่างไม่ผิดสังเกตตรงดิ่งไปยังลานจอดรถ ผู้พันสิงหนาทชะงักมือที่กำลังเปิดประตูรถก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับเดินออกจากลานจอดรถซึ่งสร้างความฉงนงุนงงให้กับผู้หมวดกรินทร์เป็นอย่างมาก ร.ท.กรินทร์โยนกล่องปืนไรเฟิลเข้าไปเก็บในช่องลับซึ่งทำเป็นพิเศษภายในรถเก๋งหรูราคาแพงจากนั้นก็รีบวิ่งตามผู้พันหนุ่มแล้วกระซิบถามแผ่วเบา “ผู้พัน จะไปไหนครับ” “เราจะไปดูรัณชิดา” ผู้พันสิงห์เอ่ยตอบเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยที่มีต่อหญิงสาวที่ไม่เคยพบหน้ากันแม้แต่ครั้งเดียว ผู้หมวดกรินทร์ตกใจหน้าถอดสีกับความคิดของผู้เป็นนาย เขายื่นมือไปดึงต้นแขนของอีกฝ่ายไว้แล้วยึดฉุดรั้งไม่ให้ผู้พันได้เดินออกจากลานจอดรถ “ผู้พันอย่าไปนะครับ ถ้าเกิดถูกจับได้จะทำยังไง” “ไม่ต้องห่วงหรอกกรินทร์ เราเอาตัวรอดได้ นายรีบไปซะ อีกสองวันเจอกันที่ไร่ ระวังตัวด้วย” ผู้พันสิงหนาทสะบัดมือออกเอ่ยสั่งลูกน้องคนสนิทด้วยความเป็นห่วงก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ เกือบเป็นวิ่งไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ ภาพของสาวน้อยซึ่งนั่งร้องไห้กอดศพบิดาไว้แน่นทำเอาผู้พันสิงหนาทนิ่งขึงกัดฟันกรอดด้วยความรู้สึกผิด เสียงสะอื้นร่ำไห้ด้วยความเสียใจได้ล่องลอยเข้ามากระทบโสตประสาทเป็นเหมือนกับคมมีดที่ค่อยๆ กรีดลงไปช้าๆ บนหัวใจที่บรรดาลูกน้องต่างให้สมญาว่า ‘นักฆ่าเลือดเย็น’ จนเลือดซึมเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าถูกยิงเสียอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD