คุณหนูการะเกด EP.3

1569 Words
“อ้าว...คุณหนูเจ้าขา” คราวนี้จวงอุทานเสียงดังด้วยความแปลกใจที่ทวีมากขึ้น คุณหนูการะเกดที่เลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย เหตุใดจึงทำท่าทางเหมือนจะจำเรื่องราวของตัวเองไม่ได้เช่นนี้ แม้แต่รูปของเจ้าคุณพ่อและคุณแม่ก็ยังจำไม่ได้เชียวหรือ “คุณหนูนี่แปลกคนจริงๆ เหตุใดถึงจำเจ้าคุณพ่อกับคุณแม่ตัวเองไม่ได้ล่ะเจ้าคะ” รสิกาได้ยินดังนั้นรีบตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จแล้วพูดเสียงอ่อยๆ “ฉันรู้สึกปวดหัวน่ะจวง อาจเป็นเพราะแดดข้างนอกร้อนมากก็เป็นได้” พลางยกมือขึ้นกุมหน้าผากประกอบ ถือโอกาสเอาตัวรอดโดยการกล่าวโทษแดดไปก่อน จวงพยักหน้ามองแล้วเชื่อสนิทคิดว่าคุณหนูของนางคงไม่สบายจริงๆ “นั่นสิเจ้าคะ บ่าวบอกคุณหนูแล้วว่าอย่าออกไปก็ไม่ยอมเชื่อ แล้วคุณหนูปวดมากหรือเปล่าเจ้าคะ บ่าวจะได้ละลายยาหอมให้รับประทาน” คนปวดหัวกะทันหันสะดุ้งโหยง ยาหอมนี่นะ! กลิ่นน่ะพอรับได้อยู่หรอก แต่รสชาติคงต้องขอลา แล้วถ้าปวดหัวจริงๆ ยาหอมช่วยได้ด้วยเหรอ รสิกาคิดอย่างขำๆ แต่รีบส่ายหน้าปฏิเสธออกไป “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เดี๋ยวก็คงหาย” เมื่อจวงคิดว่าไม่สบายจริงๆ จึงหยิบภาพดังกล่าวจากในมือคุณหนูของนางแล้วอธิบายให้ทราบ “ผู้ชายในภาพทางซ้ายมือคือท่านเจ้าพระยารามณรงค์เดช เจ้าคุณพ่อของคุณหนู ส่วนทางขวาคือคุณหญิงนวลละออ คุณแม่ของคุณหนูไงเจ้าคะ” หญิงสาวชี้มือไปยังผู้ชายในภาพที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับตัวเองก่อนเบิกตาโต “คนนี้คือพ่อของฉันเหรอจ๊ะ” จวงมองหน้าคุณหนูของแกอย่างแปลกใจไม่หาย “คุณหนูเคยเรียกท่านเจ้าคุณว่าเจ้าคุณพ่อนี่เจ้าคะ เรียกพ่อเฉยๆ แบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ” คุณหนูทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้รีบเกลื่อนสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนชี้ไปยังสตรีหน้าตางดงามในภาพ “คุณแม่ฉันหน้าตาสวยจังนะจวง” จวงน้ำหูน้ำตาไหลขึ้นมาทันทีก่อนพูดเสียงเครือสะอื้น “ต้องเรียกว่างามเจ้าค่ะ บ่าวอยู่กับท่านมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ไม่น่าอายุสั้นเลยจริงๆ” รสิการีบเก็บข้อมูลไว้ในสมองอย่างฉับไว อ้อ...คุณหญิงนวลละออเสียชีวิตไปแล้วนี่เอง “แล้วแม่ฉันตายตอนไหนหรือจ๊ะ” “ตอนคุณแม่เสีย คุณหนูยังเล็กนัก แค่ห้าขวบเองเจ้าค่ะ” เมื่อได้ฟังก็เกิดความสงสารขึ้นมาในทันใด โถ...แม่ตายตั้งอายุนิดเดียว ทำให้คิดต่อไปว่าเด็กผู้หญิงอายุห้าขวบอย่างการะเกดจะมีความเป็นอยู่อย่างไรหลังจากนั้น หรือว่าคุณหญิงบ่าวตั้งที่จวงเรียกขานจะเป็นภรรยาใหม่ของท่านเจ้าคุณรามณรงค์เดช ซึ่งเธอจะต้องเรียกว่าเจ้าคุณพ่อสินะ โชคดีที่ตอนเด็กๆ วิชาท่องจำเธอได้คะแนนยอดเยี่ยม คงได้นำมาใช้ประโยชน์ก็ตอนนี้แหละ “แล้วคุณหญิงบ่าวตั้งที่จวงเรียกนั่นร้ายไหมล่ะจ๊ะ” หญิงสาวลองเสี่ยงเลียบเคียงถามดู ทั้งที่พอจะเดาได้จากท่าทีที่แสดงออกของจวงแล้ว บ่าวคนสนิทของคุณหนูการะเกดไม่ทันคิดสงสัยหรือติดใจในคำถาม เพราะมัวแต่นึกไปถึงตัวบุคคลที่ถูกเอ่ยถึง รีบตอบน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียดออกมาทันควัน “ร้ายเจ้าค่ะ...คุณหนู ร้ายทั้งแม่ทั้งลูก” “ลูก” รสิกาทวนคำพลางเลิกคิ้วเรียวด้วยความฉงนสงสัย นี่ตกลงนอกจากมีแม่เลี้ยงแล้วยังมีลูกสาวเพิ่มมาอีกคน! สีหน้าของจวงเกิดร่องรอยแปลกใจอีกครั้ง “ก็คุณบุษยาลูกสาวของคุณบุษรินไงเจ้าคะ คุณหนูถามยังกับไม่รู้จัก” “อ๋อ...จ้ะ สงสัยวันนี้ฉันคงเพลียจากแดดข้างนอก จนความจำเลอะเลือนไปจริงๆ ถ้าฉันพูดอะไรผิดๆ ถูกๆ ไปบ้าง จวงช่วยสะกิดเตือนด้วยนะ” คุณหนูตัวปลอมรีบใช้วิกฤติเป็นโอกาสในทันใด น้ำเสียงอ่อนระโหยรวมทั้งสีหน้าซีดเผือดที่แสดงออกไป ไม่ใช่เป็นเพราะร้อนอย่างที่บอก แต่เป็นเพราะความหิวต่างหาก เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย จวงมองหน้าคุณหนูของแกนิ่งๆ อีกครั้งแล้วนึกในใจ ไม่รู้ว่าออกไปข้างนอกถูกของอะไรมาบ้างหรือเปล่า แต่งเนื้อแต่งตัวก็ผิดแผกไปจากเดิม คำพูดคำจาก็ดูป้ำๆ เป๋อๆ ทั้งยังลืมเรื่องที่ไม่ควรจะลืม พรุ่งนี้คงต้องพาไปไหว้พระที่วัดและให้ท่านรดน้ำมนต์ซะหน่อยแล้ว “สงสัยคุณหนูคงจะไม่สบายจริงๆ” บ่าวคนสนิทบ่นพึมพำและหันขวับไปทางประตูเมื่อเห็นจันทร์เปิดเข้ามาแล้วยืนทำท่าลับๆ ล่อๆ ก่อนส่งเสียงตวาดออกไปเบาๆ “เอ็งเป็นอะไรหือนังจันทร์ ทำท่าลับๆ ล่อๆ มีอะไรจะพูดก็พูดมา” จันทร์เดินเข้ามาทรุดลงนั่งลงใกล้ๆ หลังปิดประตูเรียบร้อย ก้มลงกระซิบกระซาบ “ฉันจะมาบอกพี่จวงว่าแอบได้ยินนังเย็นกับนังอุ่นมันคุยกันว่า วันนี้คุณหญิงบ่าวตั้งของมันกับคุณบุษยาไปร่วมงานวันเกิดของคุณหญิงแต้วอะไรนี่แหละ กว่าจะกลับก็คงมืดค่ำ” จวงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดีจนเห็นฟันเป็นสีแดงคล้ำเกือบทั้งปาก “ดีจริง ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็ปลอดคนสินะ” รสิกามองฟันสีแดงคล้ำของจวงแล้วพลันนึกถึงคำกลอนบทหนึ่งจากเรื่องอิเหนา ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่สองขึ้นมาทันที ‘ทนต์แดงดั่งแสงทับทิม เพริศพริ้มเพรารับกับขนง เกศาปลายงอนงามทรง เอวองค์สารพัดไม่ขัดตา’ บทกลอนดังกล่าวเป็นการกล่าวชมโฉมวิหยาสะกำของอิเหนา ที่หญิงสาวเคยนึกภาพไม่ออกว่าฟันแดงๆ ของคนเราจะไปเหมือนแสงทับทิมอย่างในบทกลอนได้จริงๆ หรือ ทว่าเมื่อมาเห็นของจริงจากฟันของจวง ก็ให้นึกขำจนต้องหัวเราะคิกออกมา เพราะฟันสีแดงคล้ำๆ ของจวง ให้มองอย่างไรก็ไม่เหมือนแสงทับทิมสักนิด “คุณหนูมองหน้าบ่าวแล้วหัวเราะทำไมรึเจ้าคะ” คนถูกหัวเราะใส่เอ่ยถามอย่างสงสัยแกมประหลาดใจ เมื่อเห็นคุณหนูผู้เคยเรียบร้อยสมกับเป็นกุลสตรี ยามถูกอกถูกใจอะไรก็เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมานั่งหัวเราะคิกคักให้เห็นเช่นในยามนี้ “เปล่าหรอกจ้ะ ฉันแค่สงสัยเฉยๆ ว่าหมากที่จวงกินมันอร่อยมากเลยหรือจ๊ะ” “อ๋อ” จวงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจ ความสงสัยหายสิ้น เพราะเคยได้ยินคุณหนูการะเกดถามเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง “คุณหนูเคยถามเรื่องนี้กับบ่าวมาหลายครั้งแล้วนะเจ้าคะ” คนถามฟังแล้วต้องเลิกคิ้วเรียวสวยขึ้น อ้อ...ยายคุณหนูนี่เคยถามเรื่องนี้ด้วย ชักอยากรู้แล้วสิว่าผู้หญิงชื่อการะเกดที่ตัวเองจะต้องมาสวมบทบาทเป็นคนเช่นไร แต่จากที่ได้ยินจวงพูดถึง คงเป็นพวกเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้แน่ ต้องค่อยๆ เลียบเคียงถามจากคนใกล้ๆ ตัวนี่แหละ “ฉันก็อยากรู้นี่จ๊ะ ดูสิ ฟันเป็นสีแดงคล้ำเชียว ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย” “ใครๆ ก็กินหมากกันทั้งนั้นแหละเจ้าค่ะ มีคุณหนู คุณบุษยา คุณชรินทร์เท่านั้นที่ไม่ได้กิน หมากเป็นยาระบายและแก้ท้องไส้อักเสบได้ด้วยนะเจ้าคะ” จวงอธิบายให้ฟังจึงกลายเป็นการให้ข้อมูลกับรสิกาโดยไม่รู้ตัว จันทร์ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ เสริมขึ้นมายิ้มๆ พลางเคี้ยวหมากหยับๆ ไม่ต่างกัน “คุณหนูเจ้าขา ที่พี่จวงกินหมากเพราะอยากลดน้ำหนักด้วยเจ้าค่ะ” “เคี้ยวหมากเพื่อลดน้ำหนักนี่นะ” รสิกาอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ “จริงๆ เจ้าค่ะ เพราะเวลาเราเคี้ยวหมาก เราก็จะเพลินกับมันจนไม่อยากกินข้าว ทำให้น้ำหนักลดไปโดยไม่รู้ตัวเจ้าค่ะ” จวงตอบพลางยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีแดงคล้ำแทบจะหมดปาก คนฟังถึงกับอึ้ง เพิ่งรู้ว่านอกจากหมากจะเป็นยาระบายและแก้ท้องอักเสบอย่างที่จวงบอกแล้ว ยังลดน้ำหนักได้อีก น่าจะจำไปใช้บ้างน่าจะเข้าที แต่เธอจะได้ใช้เมื่อไหร่ล่ะ? ในเมื่อยังหาทางกลับบ้านไม่ได้เลย หญิงสาววกกลับมาคิดเรื่องเดิมอย่างเศร้าใจ หน้าตายิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองทันที “คุณหนูเป็นอะไรไปอีกหรือเจ้าคะ หิวหรือเปล่า” จวงเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของรสิกาก็ถามอย่างเป็นห่วง คำถามดังกล่าวเข้าทางคนกำลังหิวพอดี เพราะพออีกฝ่ายพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ท้องของเธอก็ร้องประท้วงทันที “ก็หิวนิดหน่อยจ้ะ” เธอโกหกคำโตออกไป ทั้งที่หิวจนแทบจะกินคนถามได้แล้ว จวงหันไปบอกจันทร์ “แกเข้าไปบอกยายแช่มในครัวนะนังจันทร์ ขอของว่างให้คุณหนูด้วย” “จ้ะพี่จวง” จันทร์รับคำก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง รสิกาอยากจะตบปากตัวเองนักที่ดันบอกไปว่าหิวนิดหน่อย ทั้งที่ตัวเองหิวจนตาลาย แล้วของว่างที่ว่าจะพอประทังความหิวของเธอได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เฮ้อ...ปากหนอปาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD