ตอนที่ 7 ชื่อตอน จักรพรรดินี

1327 Words
ในยามเช้า ร่างหนาล้มกายลงนอนในเตียงอย่างอ่อนล้า จนมีเสียงของขันทีดังขึ้นมา "องค์จักรพรรดิพระองค์ตื่นบรรทมแล้วหรือไม่พะยะค่ะ " เสียงของคนผู้หนึ่งก้าวเข้ามาหน้าแท่นบรรทมที่มีม่านบังอยู่ เอ่ยอย่างนอบน้อมในยามเช้า ร่างหนาตะคอกลั่นขึ้นมาในทันที "ไม่...ข้าจะนอน!!! " "ฝ่าบาท!!!" ใบหน้าของข้ารับใช้ซีดเผือด ตื่นตระหนกขึ้นมาโดยพลัน สุรเสียงดังกังวาลขึ้นมาในทันใด "ไปบอกผู้อื่นว่า องค์จักรพรรดิหลงไหลสตรีจนมิอาจปฎิบัติราชกิจได้ ยามราตรีที่ผ่านมาพระองค์ทรงหมกมุ่นในกามกิจ จนเหนื่อยล้าอ่อนแรง มิอาจออกไปว่าราชกิจได้ และทรงแต่งตั้งองค์หญิงซื่อหยูแห่งแคว้นเสวี่ย เป็นจักรพรรดินี เพียงเพราะนางทำให้พระองค์นั้นถึงสวรรค์ " ร่างของข้ารับใช้ตื่นตระหนก เร่งทูลย้ำเตือนราชกิจโดยพลัน "แต่ ฝ่าบาท ในวันนี้เหล่าขุนนาง ต่างรอคอยให้พระองค์นั้นตัดสิน เรื่องเขื่อนแตกอยู่นะพะยะค่ะ !!! " ขันทีเอ่ยอย่างหวั่นใจขึ้นมา ร่างหนาตะคอกลั่นออกมาจากในห้องบรรทมโดยพลัน "เขื่อนแตกเหตุใดมาเรียกข้า ผู้ใดทำมันแตกให้มันผู้นั้นหาเงินมาซ่อมมัน!!! " องค์หญิงซื่อหยูทำตาโต ขึ้นมาโดยพลัน "องค์จักรพรรดิผู้นี้ ช่างเป็นผู้ที่.....!!!!! " องค์หญิงซื่อหยูก่นด่าอยู่ในใจ ร่างหนาตะโกนไล่ผู้อื่นออกไปเสียงดังลั่น และใช้พลังวัตรปิดประตูลงไปในทันใด "โครมม!!!! " ร่างหนาหลับดวงตาลงและเริ่มต้นกรนดังขึ้นมาสนั่นหวั่นไหว และพลิกกายขึ้นมาพาดต้นขาแกร่ง ลงไปบนร่างบางโดยพลัน ร่างบางปิดหูและค่อยๆยกขาหนาหนักออกไปด้วยแรงเท่าที่มี แต่ก็มิเป็นผลใด สุดท้ายนางเหนื่อยอ่อนจึงหลับไปเสียทั้งเช่นนั้น ร่างหนายิ้มแสยะ กอดรัดร่างบางในอ้อมแขนแน่นหนาโดยพลัน สองร่างหลับไหลไปเช่นนั้น จนจรดยามบ่ายคล้อย ร่างหนาลุกขึ้นมาจากเตียง องค์หญิงพลันลืมตาตื่นขึ้นมาเช่นเดียวกับพระองค์ ยามร่างหนาลุกออกไปจากเตียง องค์หญิงพลันมีผู้พยุงนำนางไปอาบน้ำในอ่างน้ำร้อนเดียวกัน ผู้อื่นปรนนิบัติขัดถูกายและสระผมให้นาง โดยมีสายตาคู่คม เหลือบมามองนางอยู่ตลอดเวลา ร่างหลายร่างพยุงนางขึ้นมาผลัดเปลี่ยนอาภรณ์และแต่งกายให้อย่างงดงาม ร่างบางถูกสวมใส่ชุดของจักรวรรดิหลวน ผิวของนางขาวผ่องส่องประกาย ในผืนผ้าอ่อนบางปักลายผีเสื้อโบยบิน ร่างงดงามกระพือขนตาไปมาและค่อยๆขยับกายอย่างระมัดระวังตน นางเดินตามองค์จักรพรรดิไปในสวนแห่งหนึ่ง ยามถึงที่ในสวนนั้น อาหารถูกนำมาจากห้องเครื่องมากมายเป็นขบวนยาว ยามที่อาหารถูกจัดวางลงบนโต๊ะหินอ่อนสีขาวในศาลาบนผืนน้ำขนาดใหญ่ ลมพัดแผ่วปลิว ในน้ำมีปลามากมายว่ายไปมา องค์หญิงซื่อหยูทอดมองปลาในสายน้ำและหัวเราะจางๆ นางเผลอหยิบตะเกียบคีบลงไปบนอาหาร และหย่อนลงไปให้ปลาในสระเสียหนึ่งคำ ปลาในสระพลันดิ้นกระโดดขึ้นมา และคล้ายไหม้เกรียมอย่างว่องไว ทหารองครักษ์หวีดร้องลั่นขึ้นมาพลัน "มีคนลอบวางยาพิษในอาหาร !!!!" เสียงตะโกนต่อกันไปเรื่อยไป สตรีข้ารับใช้ที่นำอาหารถือเรียงรายมาถูกลากมาตรงหน้าเสียสิ้น องค์หญิงหลุบดวงตาลงและถอนหายใจช้าๆออกไป นางหยิบตะเกียบอันใหม่คีบลงไปบนอาหารอีกคราหนึ่ง และกลืนลงไปโดยพลัน ทุกร่างตื่นตระหนกยิ่ง มือหนาปัดตะเกียบของนางลง และเขย่าร่างของนางแรงๆเสีย "เจ้าทำสิ่งใดกัน!!!! " องค์หญิงซื่อหยูหลุบตาลงและเบิกดวงตากลมโตขึ้นมา จ้องมองดวงหน้าองค์จักรพรรดินิ่ง "ฝ่าบาท อาหารตั้งมากมาย แม้ว่ามียาพิษเพียงหนึ่งจาน จนกว่าจะมีผู้คนดื่มกินมันแล้วตายลง ผู้อื่นย่อมถึงจะเลิกรา หม่อมฉันหิวแล้วเพคะ หากมัวรอให้พระองค์ตัดสินโทษตายของพวกนาง หม่อมฉันคงต้องหิวจนตายก่อนเพคะ" ใบหน้างดงามงอง้ำและหยิบตะเกียบคีบลงในจานอีกหนึ่งใบและใช้ถ้วยใบหนึ่งรองมัน นางถืออาหารนั้นมาป้อนลงที่ผู้ที่ถือมันมา ตามแต่ชนิดที่ผู้นั้นถือมันมาจัดวางลง เหล่าข้ารับใช้ใบหน้านิ่งเรียบ อ้าปากรับอาหารลงไปโดยพลัน มีเพียง ข้ารับใช้สามนางที่ตัวสั่นระริก ยามอาหารที่พวกนางถือมาถูกคีบลงไปในถ้วยใบเล็ก ร่างบางสั่นระรัว ใบหน้าซีดขาวโดยพลัน องค์หญิงซื่อหยูสั่งทหารให้บีบปากของนางทั้งสาม และคีบสิ่งที่พวกนางถือมาส่งลงไปในปากของพวกนาง เพียงอาหารแตะที่ปลายลิ้น ใบหน้าสีขาวพลันคล้ำเขียวขาดใจตายลงไปโดยพลัน "อา...ข้า....นางตายแล้วเช่นนั้นหรือ ยาพิษร้ายแรงเช่นนั้น " ร่างบางตัวสั่นระริก องค์จักรพรรดิกอดรัดนางในอกเบาๆ จุมพิตนางและเอ่ยไต่ถามนางอย่างใคร่รู้ขึ้นมา "เจ้าจำได้เช่นใดว่าผู้ใดถืออาหารใด ทั้งที่อาหารมีมากมายเช่นนี้หน่ะซื่อหยู" "ดอกไม้บนจานและดอกไม้บนผมของพวกนางเพคะ พวกนางล้วนสะดุดตามากตั้งแต่แรกเห็น ดอกไม้บนผมนั้น มิมีในแคว้นของหม่อมฉันเพคะ " ร่างหนากอดรัดนางและตีจมูกของนางลงไปเบาๆ "เจ้าปดข้า เจ้าจดจำผู้คนได้เพียงแค่คราหนึ่ง และจดจำพวกนางได้อย่างแม่นยำในทันที " องค์หญิงหลุบดวงตาลงไปเบาๆ นางทุบอกแกร่งคราหนึ่งและตัดพ้อขึ้นมาพลัน "ซื่อหยูหิวแล้วเพคะ " "หึ หึ ข้าจะให้องครักษ์ไปนำอาหารในห้องเครื่องมาอีกครั้งหนึ่ง " ทหารดั้นเมฆาหายไปและนำอาหารมาจัดวางแทนที่อาหารชุดเดิมนั้น องค์หญิงคีบอาหารป้อนสตรีผู้หนึ่งท่ข้างกายนาง ที่ใบหน้าเรียบเฉยกว่าผู้อื่น ไปจนสิ้นหมดทุกชนิดนั้น นางถามแต่เพียงคำซ้ำๆออกไปเท่านั้น "อร่อยหรือไม่ รสชาติเป็นอย่างไรเล่า “ สตรีใบหน้าเรียบพลันเลิกคิ้วพิศวงขึ้นมาในทันใด "องค์หญิงผู้นี้แปลกประหลาดนัก " ยามถึงจานสุดท้ายข้ารับใช้พลันอิ่มลงแล้ว เพราะอาหารนั้นมากมายแม้เพียงหนึ่งคำ นางก็อิ่มจนมิอยากจะขยับกาย องค์หญิงเทน้ำชาเลิศรสให้นางชิมและขนมหนึ่งชิ้น ล้วนเป็นการตบท้าย นางอิ่มจนขยับกายมิได้ องค์หญิงยิ้มละไม และหยิบตะเกียบคีบ ส่งป้อนองค์จักรพรรดิลงไปหนึ่งคำ มือหนาคีบส่งใส่ปากนางหนึ่งคำ ยามที่นางอิ่ม นางล้วนส่งป้อนลงไปสู่ปากขององค์จักรพรรดิจนหมดสิ้น และองค์จักรพรรดิก็กวาดทุกสิ่งลงกระเพาะไปจนหมดสิ้น องค์หญิงตื่นตะลึงขึ้นมาอีกคราหนึ่ง "พระองค์มิเกรงว่าผู้อื่นวางยาพิษ ในอาหารหรือเพคะ ดื่มกินมากเช่นนั้น หากมียาพิษจำนวนน้อยย่อมมีผลมากในภายหลัง !!! " "หึ หึ ข้านั้นวางใจผู้อื่นมิได้ แต่อาหารในมือองครักษ์นั้นล้วนเลิศรส และมิเคยทำให้ข้าตกตาย " องค์หญิงซื่อหยูหันมองไปที่สตรีรอบๆกายที่เดินมาเก็บจาน ล้วนคือผู้ที่ทดลองชิมอาหารเพียงครู่หนึ่ง ก่อนหน้านั้น ขาดเพียงสตรีสามนางที่ตกตายไปเท่านั้น "ฝ่าบาท สตรีเหล่านี้และสตรีสามนางนั้นแตกต่างกันอย่างไรหรือเพคะ " ซื่อหยูไต่เร่งไต่ถามออกไปอย่างใคร่รู้ในทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD