9

2207 Words
ดรัลรัตน์มองของเล่นในร้านที่พนักงานทยอยหยิบใส่ลงในถุงให้กับสองพ่อลูกด้วยสายตาไม่ใคร่พอใจนัก อาจเพราะก่อนหน้า ได้ยินคำพูดของคนพวกนั้น และมันก่อตะกอนอารมณ์ของเธอให้คุกรุ่นผสมกับการสปอยล์ของรุจิภาสที่มีต่อบุตรของเขา เลยทำให้ไม่พอใจเพิ่มมากขึ้นก็เป็นได้ “สองทุ่มแล้วนะ จะกลับบ้านได้หรือยัง” เสียงของเธอค่อนข้างเข้ม เนื่องจากเห็นว่าเวลานี้ดึกเกินไปแล้ว และสองพ่อลูกก็ไม่มีท่าทีจะหยุดซื้อของกันเลย ก่อนหน้านี้ รุจิภาสเดินเอาของไปเก็บที่รถมาแล้วสามรอบ ก็คิดเอาเถอะว่าซื้อเยอะขนาดไหน แบบนี้ไม่เป็นผลดีกับเด็กชายสิปปภาสอย่างแน่นอน เพราะจะต้องเกิดการเปรียบเทียบกับเธอแน่ เจ้าตัวร้องขอให้ซื้ออะไร เธอคิดแล้วคิดอีก คิดซ้ายคิดขวา คิดหน้าคิดหลัง แล้วก็ใช่จะซื้อให้ง่าย ๆ ด้วย ของเล่นที่เจ้าสิปมีนั่น อายุเท่ากับเจ้าสิปเลยล่ะ เพราะเธอซื้อให้ตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ ไม่ถึงขวบด้วยซ้ำไป นับแล้วไม่ถึงสิบชิ้นดีเลยด้วย มั่นใจได้ว่าวันที่รุจิภาสกลับ เด็กชายก็จะตั้งตารอคอยการมาของเขาอีกครั้งเป็นแน่ “เอาไว้วันหลังเรามาซื้อกันอีกนะครับ” รุจิภาสบอกบุตรชายไปแบบนั้น ซึ่งก็ยังทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี ยิ่งเห็นว่าเจ้าสิปดูเชื่อฟังคนมาใหม่อย่างเขามากกว่าเธอก็ยิ่งไม่พอใจหนักขึ้น “นู่นแน่ะ เขาจะปิดประตูห้างแล้ว” ดรัลรัตน์บุ้ยปากไปทางพนักงานที่เดินวนอยู่แถวประตูทางเข้าออก ไม่รู้ว่ามาทำอะไรหรอก แต่เธอก็ทึกทักเอาเองว่าเขาจะปิดประตู เลยชวนให้กลับเสียเลย “สิปไปกับแม่ไปลูก” เจ้าสิปมองตาเธอละห้อยทีเดียวตอนที่เอ่ยขอ “ให้พ่อไปส่งสิปได้ไหมครับ” “ได้ครับ” รุจิภาสรับเสียงอ่อน ทำทีเป็นมองเธอด้วยสายตาอ่อนอกอ่อนใจอีกครั้ง ดรัลรัตน์พยายามไม่แสดงอารมณ์อะไรออกไปในตอนนั้น อยากไปเธอไม่ขัด เดินไปส่งเจ้าสิปที่รถของเขา แล้วย้อนกลับมาขึ้นรถของตนเอง ขับนำหน้าไปจนถึงบ้าน โดยมีรุจิภาสขับตามหลังมาอย่างเดิม ถึงแล้วค่อยช่วยกันทยอยขนของลงจากรถ นอกจากเขากับเจ้าสิปจะได้แนะนำกันอย่างเป็นทางการแล้ว กับแม่ ลาวัลย์ น้าสาวของเธอ และคณิสรา ญาติผู้น้องของเธอ ก็ถูกเขาพาตัวเองมาให้ทุก ๆ คนได้รู้จักด้วย ในฐานะพ่อของเจ้าสิป คณิสราดูจะชอบเขามาก แต่แม่และน้า ดรัลรัตน์มองไม่ออกว่าพวกท่านรู้สึกกันเช่นไร ครู่ต่อมาทั้งสามก็พากันเลี่ยงเข้าห้องไป เพื่อให้เธอ เขาและเจ้าสิปได้ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังที่กลางบ้าน “พ่อนอนด้วยได้ไหม” รุจิภาสเอ่ยขอเสียงอ้อนกับบุตรชาย แต่สายตามองเลยมาที่เธอ ดรัลรัตน์เห็นแล้ว แต่ก็ทำเป็นไม่เห็น “ต้องถามแม่ก่อนครับ” เด็กชายสิปปภาสบอกแบบนั้นแล้วหันมาหาเธอ “แม่ครับ” เธอไม่ชอบการทำไขสือ ได้ยินก็คือได้ยิน เมื่อครู่เขาพูดอะไร ทำไมจะต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องด้วย จึงตอบออกไปว่า “ไม่ได้หรอกลูก บ้านเราเล็กแค่นี้เอง” รุจิภาสรู้คำตอบอยู่แล้วว่าเธอจะต้องปฏิเสธเขา รีบถามสวนอย่างเอาใจ “พ่อทำบ้านหลังใหม่ให้ดีไหม” ดรัลรัตน์เริ่มไม่พอใจเขาหนักขึ้น บ้านเธอเป็นอย่างไรหรือ จะต้องมาทำบ้านหลังใหม่ให้ทำไม จึงพูดขัดเชิงไล่ไปว่า “กลับเถอะ ดึกมากแล้ว เจ้าสิปจะได้อาบน้ำแล้วก็นอน” รุจิภาสได้ยินอย่างนั้น ท้วงกลับทันที “พรุ่งนี้หยุดไม่ใช่หรือ” “หยุดหรือไม่หยุด ก็เข้านอนเวลาเดิมทุกวัน” บอกไปแบบนั้นแล้วก็จำต้องหยุดคุยกับเขาไป เพราะมีสายเรียกเข้ามาเสียก่อน เห็นว่าปลายสายคือโพนี จะไม่รับก็ไม่ได้ เลยเลี่ยงออกไปคุยนอกบ้าน เห็นแม่ไม่อยู่แล้ว เด็กชายสิปปภาสก็ถามคนที่เพิ่งได้รู้จักว่าเป็นพ่อไม่กี่ชั่วโมงด้วยความห่วงใย “แล้วพ่อจะไปนอนไหนครับ” “ข้างบ้านสิปนี่ไงลูก” คนเป็นพ่อบอกจบ ชี้มือไปยังทิศทางของลานรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นของณฐกร ถามอย่างชวนคุย “สิปเคยเดินข้ามไปเล่นทางนั้นไหม” เจ้าสิปเล่นซนไปทั่ว มีหรือจะไม่รู้ว่าไปได้หรือไม่ได้ “ลานมันข้างบ้านนี่หรือครับ” “สิปรู้ด้วยหรือว่าข้างบ้านเป็นอะไร” รุจิภาสมองอย่างชื่นชมที่เด็กอายุเท่านี้รู้จักอะไรหลายอย่างกว่าที่เขาคาดคิดไว้เสียอีก นึกชมว่าดรัลรัตน์เลี้ยงลูกได้ดีจริง ๆ สิปปภาสยิ้มจนตาปิดแล้วตอบไปว่า “รู้จักครับ สิปไปบ่อย” รุจิภาสยิ้ม ฟังที่ลูกเล่าได้ครู่เดียว ดรัลรัตน์ก็เดินเข้าบ้านมา มองเขานิ่ง ๆ แล้วเอ่ยไล่อีกที “คุณจะกลับเลยไหม” “ครับ” รุจิภาสตอบรับด้วยรอยยิ้มแหย ๆ เล็กน้อย แล้วยืนเก้ออยู่อึดใจ เห็นเขาไม่ไปสักที เธอเลยเดินนำหน้าไปที่รถของเขา เมื่อเดินตามกันออกไปที่ด้านนอกแล้ว จึงสบโอกาสได้คุยกัน “คุณน่าจะกลับไปทำงานที่คุณถนัดนะรัล ไม่ใช่ขับรถขนคนงานเข้าสวน หรือขุดดินอยู่แบบนี้” เธอย้อนถามกลับไปว่า “ใครบอกคุณ” “ลูกเล่าน่ะสิว่าถ้าคุณมารับช้าก็แสดงว่ายุ่งกับงานในไร่อยู่” ที่แท้สองพ่อลูกนั่นก็คุยกันอี๋อ๋อดีทีเดียว ทั้งยังพูดคุยเรื่องของเธออีกด้วย ดรัลรัตน์มั่นใจว่าเจ้าสิปไม่มีทางพูดออกมาเอง คงเป็นเขาที่ถามซอกแซกเรื่องของเธอแน่ ๆ รุจิภาสมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนตอนที่กล่าว “ผมหางาน หาตำแหน่งให้ได้นะ ถ้าอยากกลับไปทำงานที่เดิมน่ะ” คงก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากถึงกับกล้าเคลมว่าหางานให้เธอทำได้ด้วย ดรัลรัตน์ส่ายหน้าเบา ๆ บอกไปว่า “ไม่ล่ะ ขอบคุณมาก ฉันลงตัวกับที่นี่แล้ว” รุจิภาสมองท่าทีเรียบนิ่ง ที่ยังคงต่อต้านเขาอยู่ลึก ๆ ด้วยอาการเหนื่อยอ่อนใจเล็กน้อย ตัดสินใจพูดไปว่า “รัล เรื่องเมื่อตอนนั้น ใช่ว่าคุณคนเดียวที่ไหนกันต้องเจ็บปวดและเสียใจ ผมเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าคุณเลยนะ” ดรัลรัตน์มองเขานิ่ง พูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่ารุจิภาสจะกล้าเอาเรื่องในอดีตมาพูดอีก “ผมขอโทษ” แววตาที่มองเธอเศร้า เสียงของเขาแหบแห้งไม่น้อยตอนเอ่ยคำนั้นออกมา จนมันทำให้หัวใจของเธอสะท้านสะเทือนขึ้นอย่างไม่ยากเย็นนัก “เรื่องเมื่อตอนนั้น รัลเลิกคิดถึงมันได้ไหม ลืมมันไปได้ไหมรัล แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่” ดรัลรัตน์ไม่อยากนึกถึงเรื่องราวในอดีตอีก เธอยืนนิ่งไม่พูดอะไร รุจิภาสก็รุกเธอไม่หยุด “ให้โอกาสผมอีกครั้งเดียวเท่านั้นนะรัล ผมขอแค่ครั้งเดียว และผมจะไม่มีวันทำผิดซ้ำซากอีกแน่นอน” ดรัลรัตน์หลุบตาลง ส่ายหน้าน้อย ๆ ไม่พูดอะไรตอบเขาไปแม้แต่คำเดียว “เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้จริง ๆ น่ะหรือ คนเรามันก็ต้องมีทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น รัลจะไม่ให้โอกาสผมได้แก้ตัวเลยหรือไง” เสียงเขาอ่อน ออดอ้อนให้เห็นใจเขา แววตาที่ใช้มองก็ด้วย ดรัลรัตน์ไม่เคยคิดว่ารุจิภาสจะลดตัวเองลงมาพูดจาอะไรซ้ำ ๆ กับเธอแบบนี้ได้ สิ่งที่เขาทำในอดีต เธอจะให้อภัยเขาไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ และนั่น มันก็กำลังทำให้หัวใจของเธอก็เริ่มไขว้เขว ดรัลรัตน์รู้หัวใจของตัวเองดี เลื่อนสายตาไปที่รถของเขา ตัดใจออกปากพูดไปว่า “ฉันแนะนำคุณกับลูกให้รู้จักกันแล้ว คุณน่าจะกลับไปได้แล้ว” แต่ไม่ได้ฟังโหดร้ายอย่างที่เธอเคยพูดใส่เขาแบบก่อนหน้า รุจิภาสเองก็จับสัญญาณดี ๆ นั้นได้ ยิ้มอย่างยินยอม ตอบรับว่า “ครับ” เขาจะค่อย ๆ รุก วันนี้ได้เท่านี้ อีกวันเขาก็จะค่อย ๆ รุกดรัลรัตน์เพิ่ม จึงยอมกลับขึ้นรถ จากไปในที่สุด เธอยืนรอจนรถของเขาพ้นออกจากพื้นที่บ้านไปแล้ว ก็ค่อยเดินไปดึงประตูรั้วปิดลงกลอนเอาไว้อย่างเดิม แล้วเดินกลับเข้าบ้าน เข้าบ้านมาแล้วก็เห็นเจ้าสิปรื้อของเล่นที่เล็งไว้ออกมาแกะออก จนเธอต้องยืดเวลาให้อีกแค่ครึ่งชั่วโมง แล้วจะปิดไฟนอน เจ้าสิปถึงได้ยอมเก็บของเล่นทีละชิ้นเข้ากล่องอย่างเดิม กระนั้นก็ไม่วายเอาตัวที่ชอบสุดไปนอนด้วย เจ้าตัวดีกอดมันไว้แน่น เธอไม่เคยเห็นเด็กชายสิปปภาสมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย เจ้าตัวหลับไปพร้อมรอยยิ้มและของเล่นที่ได้จากคนที่เป็นพ่อ กอดแนบอกอยู่อย่างนั้น เห็นแล้วก็อดสะเทือนในอารมณ์ไม่ได้ ห่มผ้าให้ แล้วเดินออกมาด้านนอก เห็นลาวัลย์กับคณิสราช่วยกันพับผ้าที่ซักตากจนแห้งกองเอาไว้ ค่อยนั่งลงปรึกษาลาวัลย์เรื่องที่ต้องเข้ากรุงเทพฯ ไปทำธุระ เมื่อครู่โพนีโทรมาบอกข่าวให้เธอเข้าไปถ่ายแบบภาพนิ่ง อาจใช้เวลาแค่สองถึงสามวันไม่น่าเกินจากนี้ ได้ยินอย่างนั้นแล้ว รู้สึกหนักใจเล็กน้อย ถ้าต้องไปกลัวว่าจะวุ่นวาย ไหนจะแม่ ไหนจะเจ้าสิปอีก ไปโรงเรียนอย่างไรกันล่ะทีนี้ นั่งปรึกษากับลาวัลย์แล้ว น้าสาวของเธอรีบเสนอตัวช่วยทันที “รัลจะไปวันไหนก็ไปเถอะ น้าขับมอ’ไซค์ไปส่งเจ้าสิปให้ก็ได้ โรงเรียนอยู่แค่นี้เอง ส่วนแม่เราจะมีอะไรให้ต้องห่วง น้าว่ารัลก็คิดมากเกินไป” “ไม่อยากให้เอามอ’ไซค์ไปน่ะสิน้าวัลย์ อันตรายจะตาย รถเดี๋ยวนี้ก็พากันขับเร็วเหลือเกิน ชนคนขึ้นมา ไม่รู้รับผิดชอบไหวกันไหม” ดรัลรัตน์บอกเนือย ๆ “ส่วนแม่ รัลห่วงว่าแกจะเดินเลยไปแถวน้ำแล้วเป็นลมเป็นแล้งตกลงไปน่ะสิ” “เอาเถอะน่า น้าจะระวังอย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วง” “เดี๋ยวรัลต้องโทรถามทางนั้นก่อนว่าเขาจะเอายังไง ขอบคุณน้าวัลย์มาก” ดรัลรัตน์นั่งคิดอะไรอยู่ครู่ค่อยเลี่ยงเข้าห้อง ลงนอนแล้วก็นอนไม่หลับ เพราะมีเรื่องราวมากมายให้ขบคิด จนล่วงเข้าวันใหม่แล้วถึงหลับได้ในที่สุด รุจิภาสออกจากบ้านหลังเล็กของดรัลรัตน์มาแล้ว เลี้ยวเข้าไปในพื้นที่ติดกัน จอดรถเรียบร้อย ลงรถมาก็เห็นแต่ไกล ๆ จากที่เขายืน พบเจ้าของบ้านคุยอยู่กับเพื่อนที่เป็นทนายที่ชื่อราเชน คงตามกันมาดื่มที่นี่ด้วย “ไงพี่ ลูกเมียหายไปไหนแล้ว” ราเชนร้องทักยิ้ม ๆ รุจิภาสตอบกลับว่า “ส่งกลับบ้านแล้ว” “นึกว่าจะค้างที่นั่นกับลูกกับเมียด้วย” รุจิภาสเปิดปากจะปฏิเสธ แต่แล้วก็เลือกหุบปากไว้ ไม่ตอบอะไรออกไปน่าจะเป็นการดีกว่า จึงยิ้มอย่างเดียว “ดื่มด้วยกันก่อนครับพี่โปรด” ราเชนกล่าวชวน รุจิภาสหาที่นั่งได้ก็เงียบ รับแก้วจากทีที่ชงอย่างเข้มบริการให้แบบเมื่อวาน ราเชนเลื่อนสายตาไปสบกับทางณฐกร ก่อนจะเอ่ยถามทีเล่นทีจริงว่า “ไม่อยากเล่าหน่อยหรือครับพี่โปรด ว่าไปได้ลูกได้เมียมายังไง” ยกแก้วขึ้นดื่มราวกับกระหาย ปัดคำตอบไปว่า “ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนน่ะสิ” ราเชนขยับเก้าอี้มานั่งเสียชิด ใช้ต้นแขนของตนเองกระแทกเบา ๆ กับต้นแขนของรุจิภาส กล่าวเย้า “ก็ไปมีลูกมีเมียซุกไว้เมื่อไร ที่ไหน อะไรแบบนี้ไงครับ เล่าหน่อยสิ” แววตาของรุจิภาสสลดลงวูบหนึ่ง บอกปัดอีกครั้ง “เรื่องในอดีตน่ะ อย่าให้พี่ขุดออกมาพูดเลย รู้สึกไม่ดีว่ะ” ราเชนกดมุมปากลง หันไปสบตากับณฐกร “ได้ครับ งั้นดื่มด้วยกันหน่อย อยู่กับปัจจุบันดีกว่าเนอะ” ทีสวมรอยเข้ามาชนแก้วด้วย ร้องเชียร์สดังลั่น จนต้องหลบไปด้านหลังเมื่อเห็นสายตาปรามมาจากคนเป็นเจ้านาย    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD