ดูเหมือนว่าโชคดีจะเข้าข้างฉันบ้างแล้ว เมื่อสีหน้าของหงเฉินคลายส่วนที่ขมวดลง แม้ว่าสายตาของเขายังดูไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่ก็ตาม
ก็ยังดีกว่าท่าทางฉุนเฉียวนั่น เพราะมันทำให้ฉันเจรจาได้ง่ายขึ้น
“ฉันจะเชื่อเธอได้ยังไง”
หงเฉินตอบกลับ สีหน้าของเขาดูสับสนกับไพ่ใบใหม่ที่ฉันเปิดเผย
“คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อก็ได้ แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับที่ม่านซั่วปิดเอาไว้ เขาแค่ไม่ได้ประกาศออกไปเท่านั้น ตอนที่เขารับเลี้ยงฉัน ฉันก็เพิ่งจะจำความได้” ความจริงแล้วม่านอีไม่รู้เรื่องนี้หรอก ที่รู้ก็เพราะเป็นคนอ่านนิยาย แล้วยังมีอีกหลายเรื่องในอนาคตที่ฉันรู้ โดยเฉพาะเรื่องของม่านซั่วที่จะทำให้หงเฉินได้เปรียบในการก่อกบฏ
ก็ถ้าเขารับข้อเสนอของฉัน ฉันจะมอบโอกาสดีๆ ในการแก้แค้นให้เขาเอง
หงเฉินยังคงมองฉันด้วยสายตาเคลือบแคลง
“ฉันไม่เชื่อคำพูดของผู้หญิงกลับกลอกอย่างเธอ”
ถึงเขาจะพูดออกมาแบบนั้น แต่ก็ลังเลสินะ ก็แน่ล่ะ
“ถ้าอย่างนั้นคุณสามีก็ลองสืบเรื่องของฉันดูสิคะ จ่ายเงินให้พวกหญิงรับใช้ฮูหยินใหญ่มากหน่อย เดี๋ยวพวกหล่อนก็คายข้อมูลออกมาเอง” ฉันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะคีบผักเข้าปากอย่างอารมณ์ดี
หงเฉินเป็นพวกหัวแข็ง คงไม่เชื่อคำพูดของฉันง่ายๆ แต่อีกไม่กี่วัน เขาจะต้องตอบรับฉันอย่างแน่นอน ยิ่งฉันใช้ความน่าสงสารจากการเป็นเหยื่อที่ถูกม่านซั่วทรมาน เมื่อเขาเห็นว่ามีศัตรูร่วมกัน การร่วมมือจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร
“ถ้าฉันร่วมมือกับเธอ แล้วเธอจะได้อะไร ม่านซั่วต้องรู้แน่ว่าเธอกำลังทรยศเขา”
ฉันเหลือบมองหงเฉินครู่หนึ่ง แปลกใจนิดหน่อยที่เขาดูจะคล้อยตามง่ายกว่าที่คิด หรือบทบาทนี้จะได้ผลจริงๆ
“แน่นอนว่าฉันต้องการแก้แค้นเขา ถ้าสกุลม่านล่มสลาย ฉันก็จะเป็นอิสระ”
“อิสระ?”
“ใช่ค่ะ หลังจากจบภารกิจนี้ ฉันจะหย่ากับคุณค่ะ”
“หย่า!”
หงเฉินดูตกใจไม่น้อยที่อยู่ๆ ฉันก็พูดเรื่องหย่าตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในบ้านสกุลหง แต่เรื่องนี้มันควรจะพูดกันตั้งแต่เนิ่นๆ ถึงจะถูก ฉันไม่หวังว่าตัวเองจะเป็นนางเอกนิยายที่พระเอกจะกลับใจมารักเอาตอนสุดท้าย ฉันไม่คาดหวังความรักของเขาตั้งแต่แรก เพราะผู้ชายคนนี้มีคนในใจก่อนที่จะแต่งงานกับฉันเสียอีก
อีกหนึ่งปีหงเฉินจะพาจิ่นม่ายเข้ามาในบ้านสกุลหงพร้อมกับยกย่องออกหน้า แต่ฉันจะไม่อยู่ที่นี่จนถึงเวลานั้นแน่
“นี่คือสิ่งที่คุณสามีต้องการที่สุดไม่ใช่เหรอคะ”
หงเฉินเงียบไป นัยน์ตาของเขาวูบไหวเล็กน้อยราวกับกำลังลังเล แต่ก่อนที่เขาจะปฏิเสธ ฉันต้องรีบมัดมือเขาก่อนที่เขาจะปฏิเสธ
“ภายในหนึ่งปี ฉันจะช่วยคุณโค่นล้มม่านซั่วค่ะ และคุณก็ช่วยมอบหนังสือหย่าเป็นของรางวัลให้ฉันด้วยนะคะ” ฉันส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ
ใช่...นายควรจะตกลงเพราะไม่มีข้อเสนออะไรที่ยอดเยี่ยมเท่านี้แล้ว ฉันไม่ขออะไรเลยนอกจากชีวิตอิสระและตอนจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง
“ฉันขอคิดดูก่อน” เขาพูดจบก็ลุกออกไปจากโต๊ะอาหารทันที
ฉันมองตามจนลับสายตาก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ถึงจะพูดทุกอย่างออกมาง่ายๆ แต่ก็กดดันชะมัดเลย ไม่เป็นไรนะม่านฟ้า เธอทำได้ดีแล้ว อนาคตจะต้องเปลี่ยนแปลงได้อย่างแน่นอน
หลังจบมื้ออาหารฉันก็เดินกลับห้องนอนทันที แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วก็ถึงกับงงงวยว่านี่ใช่ห้องของฉันจริงๆ เหรอ เพราะมันทั้งสว่างไสวแถมยังอบอุ่นมากด้วย แตกต่างจากตอนแรกเลย
“คุณอี กลับมาแล้วเหรอคะ” จางหลิงเดินเข้ามาต้อนรับด้วยน้ำเสียงสดใส
ฉันพยักหน้าพลางมองฮั่วฮั่วที่กำลังจัดเตรียมเครื่องหอม และลู่เซียวที่กำลังดูเตาผิง
“ช่วงกลางคืนของเหลียวนิ่งหนาวมากค่ะ ดิฉันเตรียมชุดนอนให้คุณอีแล้ว คุณอีอยากจะเปลี่ยนชุดเลยหรือไม่คะ”
ฉันเห็นจางหลิงดูกระตือรือร้นขนาดนี้ก็อดนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งไม่ได้ ช่างน่าเสียดายที่ไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่เรียนจบ แล้วฉันก็วุ่นอยู่กับการทำงาน แถมยังเกิดเรื่องประหลาดเข้ามาอยู่ในนิยายอีก ช่างน่าปวดหัวจริงๆ
ฉันพยักหน้าอีกครั้ง
“ขอบใจจ้ะ” อย่างน้อยในโลกที่ไม่คุ้นเคยก็ยังมีพวกหล่อนที่ตั้งใจทำงาน ฉันเองก็ควรจะเป็นเจ้านายที่ดีด้วยเช่นกัน เพราะพวกเรายังต้องอยู่ด้วยกันไปอีกเกือบปี
ฉันเดินเข้าไปในห้องแล้วเรียกหญิงรับใช้อีกสองคน
“ฮั่วฮั่ว ลู่เซียว”
“ค่ะคุณอี” ทั้งสองตอบรับพร้อมกัน จากนั้นก็เดินเข้ามาหาฉันทันทีโดยไม่ต้องเรียกซ้ำสองหรือต้องตะโกนเรียกให้แสบคออย่างหญิงรับใช้คนนั้น
“ฉันอยากดื่มนม ช่วยอุ่นมาให้ฉันหน่อยได้ไหม แล้วก็มีของว่างใช้เคี้ยวเล่นหรือเปล่า ถ้ามีก็เอามาด้วยนะจ๊ะ”
ทั้งสองพยักหน้า
“ได้ค่ะคุณอี”
เมื่อทั้งสองออกไปแล้วฉันก็เดินเข้าไปเปลี่ยนชุดหลังฉาก จะว่าไปแล้วชุดนี้ฉันไม่ได้เตรียมมาด้วยนี่นา บ้านเกิดของม่านอีถึงจะอยู่ทางเหนือแต่ก็อุ่นกว่าเหลียวนิ่งมากทีเดียว เสื้อผ้าของม่านอีส่วนใหญ่จึงเป็นชุดที่ไม่ได้หนามาก แต่ชุดนี้เหมือนจะถูกทำขึ้นจากขนสัตว์ก็เลยอุ่นกว่าที่คิด
แต่สิ่งที่ทำให้ฉันจั๊กจี้หัวใจก็คือการเอาใจใส่ของหญิงรับใช้ต่างหาก ฉันไม่ได้คิดว่าจะได้รับการต้อนรับที่ดี แค่ปฏิบัติกับฉันเหมือนมนุษย์คนหนึ่งก็พอแล้ว
แต่งตัวเสร็จก็เดินไปหยิบหนังสือแล้วมานั่งหน้าเตาผิง โชคดีที่ฉันเอาพวกหนังสือติดตัวมาด้วย ไม่อย่างนั้นการใช้ชีวิตที่นี่จะต้องน่าเบื่อแน่
ก๊อกๆๆ
อ่านไปได้ไม่เท่าไหร่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ฉันจึงหันไปมองจางหลิงที่กำลังจัดการกับเสื้อผ้าของฉันที่สวมใส่แล้ว
“ดิฉันจะไปเปิดประตูให้นะคะคุณอี” หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนจะเดินไปเปิดประตู
คนอยู่หลังประตูคือลู่เซียวที่ถือแก้วนมกับฮั่วฮั่วที่ถือถาดขนม ทั้งสองเดินเข้ามาก่อนจะวางของลงบนโต๊ะเล็กข้างหน้าฉัน
แค่ได้กลิ่นนมอุ่นๆ ที่ระเหยขึ้นมาก็รู้สึกผ่อนคลายมากทีเดียว
“พวกหล่อนไปพักเถอะ ฉันอ่านหนังสือจบแล้วก็จะเข้านอนเลย” ฉันเอ่ยกับหญิงรับใช้ทั้งสาม ซึ่งพวกหล่อนก็ทำตามแต่โดยดี
เมื่อหญิงรับใช้ออกไปแล้วฉันก็เอนตัวพิงเก้าอี้อย่างอ่อนล้า วันนี้เดียวแต่รู้สึกยาวนานเป็นปีเลย ทั้งเรื่องหญิงรับใช้ไร้มารยาทคนนั้น และการเจรจากับหงเฉิน
ฉันหยิบแก้วนมอุ่นขึ้นมาก่อนจะจิบทีละนิด กลิ่นหอมของนมทำให้หวนนึกถึงบ้านเกิดจริงๆ ไม่น้อยเลย คิดถึงอาหารรสจัดและหลากหลาย อย่างก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตก ที่มีทั้งเนื้อ เครื่องในและผัก ไม่ใช่มีแค่ผักต้ม ผัดทอด ผัดผักอย่างมื้ออาหารที่ผ่านมา รวมถึงชานมไข่มุกด้วย จะว่าไปถ้าลองเอาชาที่นี่ไปผสมกับนม จะพอทดแทนกันได้หรือเปล่านะ
แค่คิดถึงก็อย่างจะร้องไห้...บางครั้งก็รู้สึกราวกับสถานที่นี้เป็นโรงละครที่มีฉันเป็นตัวเอก คงคิดว่าหลังจากเลี่ยงความตายสำเร็จแล้ว ฉันคงกลับโลกเดิมได้ล่ะมั้ง แต่ว่าในนิยายทะลุมิติก็ไม่เห็นนางเอกคนไหนที่เข้ามาแล้ว ได้กลับโลกเดิมสักคน...