แรดหนังเหนียว

1310 Words
“เหรอ เพราะแบบนี้เหรอ” ฉลามไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนไม่จริง สิ่งที่ต้องทำคือหาคำตอบด้วยตัวเอง ถ้าอุ๋งเดือดร้อนขนาดนั้น เขาจะหาวิธียื่นมือเข้าไปช่วยแบบไม่ให้อึดอัด ตอนแรกเขาให้เหตุผลไปกับครูฝ่ายปกครองว่าตนเองรายได้ไม่มาก ไม่มีภาระอะไร อายุเยอะ แต่อยากให้เด็กดีได้มีโอกาสเรียนจนจบมัธยมจึงเจียดเงินมาช่วยเหลือเด็ก ทั้งที่การจะส่งอุ๋งเรียนเท่าที่อุ๋งอยากเรียนไม่ใช่ปัญหาของฉลามสักนิด ต่อให้อุ๋งอยากจบปริญญาเอกต่างประเทศ เขาก็ให้เธอได้สบายๆ ที่สำคัญคือเขาไม่ได้ซักประวัติของอุ๋งกับทางโรงเรียนว่าพ่อแม่ทำอาชีพอะไร มีความสามารถในการส่งเสียไหม เขาคิดแค่ว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอ เป็นการให้โดยปราศจากเงื่อนไข... แต่หากเขาจะอุปถัมภ์มากกว่านี้ มันต้องมีเงื่อนไข... “ใช่ค่ะ วันศุกร์ต้นเดือนหน้าพี่ชาร์คว่างไหมคะ” “พี่ติดทำโปรเจ็กต์ครับ” ฉลามปฏิเสธอย่างนุ่มนวลแต่เด็ดขาด ไม่เปิดโอกาสให้เด็กสาวเซ้าซี้ “น่าเสียดายจัง น้องเธอว์จะชวนมาดูขบวนพาเหรดค่ะ" ********* จะบอกว่าการได้เจอเธอว์ไม่ได้ประโยชน์ก็ไม่ใช่...ได้มากเลยละ มันทำให้ฉลามได้รู้ว่าเพื่อนสนิทของอุ๋งไม่ใช่เพื่อนที่จริงใจ ไม่น่าไว้ใจ และจะสร้างปัญหาให้อุ๋งในภายหลัง เรื่องที่เธอว์เล่ามาสร้างความรวดร้าวในอกของฉลาม แต่เมื่อนึกถึงแววตาของอุ๋งที่อยู่ในความทรงจำของเขา กิริยาท่าทางตอนไลฟ์ขายเสื้อผ้า การโต้ตอบในแชต ฉลามคิดว่าเขามองคนไม่ผิด น้ำดีที่เจิดจรัสในดวงตาของอุ๋งไม่ได้สั่นคลอนความเชื่อใจที่เขามีให้เธอ ถึงการจากกันของเขาและเธอเมื่อสามปีก่อนจะไม่มีกำหนดว่าจะได้เจอกันอีกครั้งเมื่อไร แต่ฉลามเชื่อว่าภาษาที่สื่อผ่านสายตาของเขาคราวนั้น เธออ่านมันออกว่าเขาจะต้องกลับมา แม้อุ๋งจะยังเด็ก หากการสู้ชีวิตก็บ่มเพาะความคิดของเธอให้โตเกินวัย อุ๋งบอกว่าเขาคือรอยยิ้มของเธอ เขาจำภาพสุดท้ายของเธอได้ ตอนนั้นอุ๋งยืนน้ำตาคลอทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีความรู้สึกมากมายอัดอั้นอยู่ในหัวใจดวงน้อยหลังจากเธอขอให้เขาร้องเพลงให้ฟัง “ตั้งใจเรียนนะอุ๋งอุ๋ง อย่าวอกแวก อนาคตเรากำหนดได้” ฉลามวางมือบนศีรษะของอุ๋ง เน้นในทุกคำพูด โดยเฉพาะประโยคท้ายที่เขาย้ำอีกครั้ง “อนาคตเรากำหนดได้” “ค่ะ” “กลับบ้านดีๆ นะ” “ค่ะ” อุ๋งเดินไปได้ประมาณสิบก้าวเธอก็หันกลับมามองด้านหลัง ฉลามยังยืนมองเธออยู่ เธอเดินไปอีกสิบก้าว หันกลับมาฉลามก็ยังยืนมองอยู่ที่เดิม เธอเดินจากไปเรื่อยๆ แต่ครั้นหันกลับก็ยังเห็นเขายืนอยู่ที่เดิม จารึกแผ่นหลังที่สั่นสะท้านของเธอเข้าไปลึกสุดหัวใจ ฉลามไม่เคยลืม ไม่เคยทอดทิ้ง และไม่เคยแสดงออกว่าคอยประคับประคองเธออยู่เบื้องหลัง ความทรงจำไหลผ่านขณะฉลามนั่งเงียบมาในรถแวนตลอดทาง จนกระทั่งได้ยินเสียงของทีเร็กซ์ที่เบาะด้านหน้าเขากำลังคุยกับฟ้ามุ่ย ฉลามจึงเพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้กำลังกลับบ้านแล้ว ส่วนขวัญเอยนั่งร้องเพลงภาษาสเปนอยู่ข้างๆ เขา ในขณะที่แกรี่กับไข่มุกอยู่ที่เบาะแถวสอง ด้านหน้าทีเร็กซ์กับฟ้ามุ่ย “ครูบอกว่าเราต้องเป็นคนดี” ทีเร็กซ์สอนน้อง ความใสซื่อหน้าตายของเด็กๆ ทำให้ฉลามยิ้มได้เสมอ ถ้ามีเวลาว่างเขาก็ชอบมาหาหลานๆ และบทสนทนาของทีเร็กซ์ตอนนี้ยิ่งน่าฟัง “หมอมุ่ยเปนคนดี” ฟ้ามุ่ยชี้ตัวเอง ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พี่น้องคุยอะไรกัน แต่ตอนนี้เสียงของทั้งสองดูซีเรียสแบบเด็กๆ จ้องจะเอาชนะกัน “คนชั่วจะได้รับกบแห่งกำ ตายเร็ว” ทีเร็กซ์ทำหน้าจริงจังใส่หน้าน้องสาวซึ่งนั่งอยู่บนคาร์ซีต “แต่หมอมุ่ยช่วยชีวิตตาเยได้” ฟ้ามุ่ยพูดเสียงดังลั่นรถ ข่มขู่พี่ชาย “ไม่ตายหยอก ตาเยหนังเหนียวเหมือนแยด” “ฮ่าๆๆๆๆ” ฉลามปล่อยหัวเราะก๊าก “แยดคืออะไร” “ฉัตว์มืองอ” ฟ้ามุ่ยดึงจมูกโด่งๆ ขึ้นสูง “อะไรหว่า” ฉลามหัวเราะไม่หยุด ขำท่าทางของฟ้ามุ่ยที่กลายเป็นลูกหมูจากการดึงจมูก “แรดไง ฟ้ามุ่ยบอกว่าแรดคือสัตว์มีนอ” ไข่มุกหันมาเฉลย “แม่พี่ชอบด่าพ่อ สารพัดจะยกคำมาเปรียบเทียบ” “อ๋อออออ แรดมีนอ” ฉลามคราง ไพล่นึกถึงแรดที่เป็นคำเปรียบเทียบ “เออเนอะ แรดเนี่ยมันหนังเหนียว หน้าด้าน นอยาว ยิ่งสะตอยิ่งนอยาว แต่มันควรเอามาเปรียบเทียบกับผู้หญิงมากกว่านะ ไม่เหมาะกับลุงทะเลหรอก” เรื่องของเขามันช่างเหมาะสมกับบทสนทนาของเด็กๆ จริงๆ “แม่พี่เลือกเพศให้พ่อซะที่ไหนล่ะ เวลาโมโหก็ด่าได้สารพัด แล้วพ่อก็ชอบยั่วให้ด่าด้วยนะ” “แต่ผมว่าถ้าเป็นแรด ลุงทะเลก็เป็นแรดที่น่ารักนะ” “หมอมุ่ยด้วย หมอมุ่ยก็เป็นแยดน่ายัก” “แต่โตไปหมอมุ่ยต้องไม่แรดนะครับ มันไม่ดีต่อสังคม น้าฉลามไม่ชอบ” ฉลามสอนด้วยคำพูดง่ายๆ “หยามไม่ชอบแยดตัวโตมากๆ เหยอ” ฟ้ามุ่ยขมวดคิ้ว “เจ้ก็ไม่ชอบ หมอมุ่ยเป็นแรดน้อยได้ มันน่ารักกำลังดี แต่แรดมากมันน่าเกลียด” ขวัญเอยหาคำพูดมาได้กระจ่างกว่าฉลาม “ใช่ๆ แรดมากมีหลายตัว ไม่ดีต่อสังคม” ทีเร็กซ์สรุปด้วยภาษาที่ฟ้ามุ่ยเข้าใจที่สุด “อือ หมอมุ่ยเป็นแยดน้อยอันเดียว” ฟ้ามุ่ยพยักหน้าแข็งขัน ชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วประกอบคำพูด ฉลามยื่นแขนไปโยกหัวฟ้ามุ่ยด้วยความมันเขี้ยว จากนั้นก็เลื่อนไปลูบหัวทีเร็กซ์ และจบลงที่หัวของขวัญเอยซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขา พอกลับถึงบ้านตอนค่ำเขาก็ตรงดิ่งไปนอนเล่นบนเตียงของทูน่า ทำให้เตียงขนาดคิงไซซ์แออัด เพราะมีทั้งแบลซ ทูน่า ฉลาม และซาร์ดีนครอบครองพื้นที่ ฉลามดึงซาร์ดีนจากแบลซมานอนคว่ำบนหน้าอกตัวเอง แล้วขยับหัวไปหนุนหัวไหล่ด้านซ้ายของแบลซ “พี่แบลซ พี่น่า” “หืม” ทูน่าครางรับระหว่างนอนหนุนไหล่ขวาของแบลซค้นหาซีรีส์ที่น่าดู “ถ้ามีจดหมายจ่าหน้าถึงคุณสมบูรณ์ ฝากเก็บไว้ให้ทีนะ ผมไม่ได้ให้ที่อยู่ที่หอ กลัวมันหาย” “ได้สิ แล้วฉบับวันนี้อ่านยังอะ” ทูน่าละความสนใจจากหน้าจอทีวี เหลียวมองน้องชายตนเองกับลูกชายที่กำลังหัวเราะน้ำลายยืด “ยัง เก็บไว้อ่านก่อนนอน” “เอาจริงเหรอ ตั้งแต่กลับจากพัทยาคราวนั้นได้ไปเจอกันอีกหรือเปล่า” ทูน่าถามเป็นการเป็นงาน “ไม่ได้ไป เพราะไม่ไว้ใจตัวเอง พี่น่ากับพี่แบลซว่าผมบ้าเปล่า ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกมากมายขนาดนั้น ทั้งที่น้องเขาก็ยังเด็กอยู่แท้ๆ เจอกันก็แค่แป๊บเดียว” “ไม่บ้าหรอก เรื่องแบบนี้มันไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัวสักหน่อย” แบลซตอบคนที่กำลังหาคำตอบให้ตัวเอง “อะไรวะฉลาม เก่งทุกเรื่อง ทำไมเรื่องนี้ถึงไม่มั่นใจในตัวเองเลยฮะ” ทูน่ายื่นแขนผ่านหน้าผัวไปลูบหัวน้องชาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD