10
ข้อตกลงของเรา
อัญชันไม่มีทางเลือกอีกต่อไปไม่ว่าเธอจะคิดทบทวนอย่างไรเธอก็ได้คำตอบเหมือนเดิมนั่นก็คือเธอต้องแต่งงานกับคีย์ตะวันอยู่ดี อัญชันจึงต้องคิดหาข้อตกลงที่ต้องตกลงร่วมกันกับคีย์ตะวันสามีของเธอในอนาคต
“คีย์ตะวันใช่มั้ย นี่ฉันอัญชัน ขอนัดเจอหน่อย พรุ่งนี้ตอน 15.00 น. ที่ร้าน สบายใจคาเฟ่ ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับนายก่อนที่เราต้องแต่งงานกันมาให้ตรงเวลา” อัญชันที่ได้เบอร์โทรของคีตะวันเพราะวันนั้นพ่อแม่ของทั้งสองบังคับให้แลกเบอร์ไว้โทรติดต่อกันทำให้อัญชันมีเบอร์ของคีตะวันแต่ไม่ทันที่คีตะวันจะได้พูดอะไรกลับไปอัญชันก็วางสายเขาในทันที
“คนบ้าอะไรโทรมาพูดๆ แล้วก็วางสายไม่ให้เราพูดอะไรเลย ยัยเด็กปากจัดไม่มีทางที่ฉันจะเอาเป็นแม่ของลูกแน่นอนแค่แต่งๆ ไปเท่านั้นแหละ” คีตะวันพร้อมกับส่ายหัวให้กับนิสัยของอัญชันว่าที่ภรรยาของเขา
“แม่ขาพรุ่งนี้หนูจะไปนอนบ้านมิ้งค์นะคะ หนูมีงานที่ต้องทำให้เสร็จกับมิ้งค์ งานเยอะมากๆ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะแต่หนูจะออกไปเจอคีตะวันก่อนแล้วค่อยออกไปที่บ้านมิ้งค์” อัญชันบอกกับแม่ของเธอในขณะที่เธอกำลังนั่งทานข้าวกับพ่อและแม่ของเธอแล้วก็น้องสาวคนเดียวของเธอ
“นี่อัญชันเรียกพี่คีตะวันว่าพี่คีย์สิลูกไปเรียกพี่เขาอย่างนั้นเดี๋ยวจะโดนว่าแม่ไม่สอนนะลูก” เบญจมาศสอนมารยาทที่ควรทำให้กับลูกสาวสุดดื้อของเธอ
“แม่คะก็หนูไม่อยากเรียกตาลุงนั่นว่าพี่แค่จะต้องแต่งงานด้วยหนูก็ฝืนใจมากๆ แล้วนะคะแม่อย่าบังคับหนูให้เรียกนายนั่นว่าพี่เลยนะคะนิสัยยิ่งกว่าเด็ก” อัญชันพูดตามที่เธอรู้สึกเธอไม่อยากฝืนตัวเองมากไปกว่านี้อีกแล้วเพราะเท่าที่เธอฝืนแต่งงานมันก็มากเกินไปแล้วสำหรับเธอ เบญจมาศจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
“อย่าไปห้ามลูกเลยคุณแค่นี้ลูกของเราก็ทำเพื่อครอบครัวมากเท่าที่ลูกจะทำได้แล้ว” อนันต์ที่ไม่อยากให้ลูกรู้สึกกดดันมากไปเพราะเรื่องแต่งงานเธอก็กดดันมากพอแล้ว เบญจมาศจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจพร้อมกับพูดกับลูกสาวด้วยความรู้สึกที่อ่อนลงกว่าเดิม
“แม่ขอโทษนะอัญชันแม่ลืมคิดไปเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ไม่ต้องขอโทษอัญชันหรอก หนูก็แค่พูดในสิ่งที่หนูต้องการเท่านั้นค่ะ”
“พี่อัญชันพรุ่งนี้ชมพูไปนอนที่บ้านพี่มิ้งค์ด้วยได้มั้ยคะ ชมพูอยากไปนอนกับมิ้นต์” (มิ้นต์เป็นน้องสาวของมิ้งค์ซึ่งเป็นเพื่อนกับชมพูด้วยเช่นกัน)
“พี่ให้ไปได้อยู่แล้วแต่ชมพูต้องขอพ่อกับแม่เองนะว่าพ่อกับแม่จะให้ไปหรือเปล่า” อัญชันบอกกับน้องสาวก่อนจะตักข้าวเข้าปากคำใหญ่ เมื่อคนเป็นแม่อย่างเบญจมาศเห็นก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับนิสัยแข็งกระด้างของลูกสาวคนโตของเขา
ร้านสบายคาเฟ่
อัญชันกับพวงชมพูมาพร้อมนั่งรอคีตะวันตั้งแต่เวลา 15.00 น. จนเวลา 16.00 น. คีตะวันก็ยังไม่มาสักที อัญชันนั่งรออย่างเซ็งๆ แต่โชคดีที่คาเฟ่มินิมอลร้านนี้ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเพราะร้านน่ารักบรรยากาศดีทำให้อัญชันอารมณ์เย็นลงได้บ้าง
“นัดครั้งแรกยังมาสายขนาดนี้ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าได้อยู่ใกล้ๆ คนอย่างนี้ทุกๆ วันจะน่าเบื่อแค่ไหน” อัญชันบ่นพึมพำคนเดียวแต่น้องสาวของเธอที่ได้ยินก็นึกสงสัยอะไรบางอย่างจึงถามขึ้นมาและคำถามที่น้องสาวของเธอถามก็ทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาเหมือนกัน
“พี่อัญชันแต่งงานแล้วพี่จะอยู่กับพี่คีย์ตลอดชีวิตเลยหรือเปล่า”
“เรื่องนั้นพี่คิดอยู่ตลอดเวลาเพราะพี่คิดว่าพี่คงอยู่ใกล้คนอย่างนั้นไม่นานหรอกเพราะคนอย่างนายนั่นน่าขยะแขยง” อัญชันพูดพร้อมกับทำหน้าหยี
“พี่ไม่กลัวหวั่นไหวบ้างหรอ ระวังนะเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นนะ” พวงชมพูบอกพี่สาวยิ้มๆ
“นี่มัน 2022 แล้วจ๊ะ จะมาเกลียดสิ่งไหนได้สิ่งนั้นไม่มีแล้วจ๊ะเป็นเด็กยังไงเนี่ยเชยๆ” อัญชันพูดพร้อมกับหัวเราะให้กับน้องสาวของเธอ
“ระวังตัวไว้เถอะจะเป็นอย่างที่หนูพูด” พวงชมพูพูดจบคีตะวันก็เดินตรงมาที่โต๊ะ
“ทำไมไม่มาพรุ่งนี้เช้าเลยล่ะ นายไม่รู้หรือไงว่านายให้คนอื่นรอมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ” อัญชันเห็นหน้าคีตะวันก็พูดๆ บ่นๆ ไม่หยุด คีตะวันเริ่มรู้ชะตากรรมของเขาต่อจากนี้แล้วว่าเขาต้องเจอกับอะไรทุกวัน
“เลิกบ่นสักที มีอะไรก็พูดมาบ่นเป็นคนแก่อยู่ได้” คีตะวันพูดเบาๆ ในประโยคท้ายแต่อัญชันก็ยังได้ยินอยู่ดี
“นี่นายหาว่าฉันเป็นคนแก่ขี้บ่นหรอ มาช้าแล้วยังมาว่าคนอื่นอีกเห็นแก่ตัวที่สุดใครได้มาเป็นเมียคนๆ นั้นต้องกลั้นใจตายแน่นอน” อัญชันบ่นจนลืมไปว่าคนที่จะได้เป็นเมียก็คือตัวเธอเอง
“ก็เธอไงจะได้เป็นเมียฉัน อยากเป็นมากไม่ใช่หรือไง” คีตะวันพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างชอบใจ
“อย่างฉันไม่ได้เรียกแม่เพราะไม่นานฉันกับนายก็ต้องเลิกกันอยู่ดี ไม่ต้องมาพูดมากแล้ว ฉันจะเริ่มพูดสิ่งที่ฉันนัดนายมาในวันนี้แต่ก่อนอื่นชมพูไปนั่งรอพี่ตรงนั้นก่อน” พวงชมพูลุกไปนั่งที่อื่นอย่างว่าง่าย
“น้องสาวของเธอทำไมไม่เหมือนเธอดูเรียบร้อยน่ารักไม่ปากจัดเหมือนพี่สาว” คีตะวันพูดไปตามสิ่งที่เห็นแต่นั่นก็ทำให้อัญชันอดไม่ได้ที่จะใช้สันสมุดตีไปที่แขนของคีตะวันอย่างแรง
“พูดมากอย่างนี้อยากตายหรือไง” อัญชันสาวมั่นที่ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดไม่หาเรื่องใครก่อนแต่ถ้าหาเรื่องเธอก็ได้เรื่องแน่นอน
“รีบๆ พูดมาได้แล้วนัดฉันมามีเรื่องอะไร” คีตะวันนั่งรอฟังสิ่งที่อัญชันพูด
“คืออย่างนี้ที่ฉันเรียกนายมาวันนี้ฉันมีข้อตกลงที่เราต้องเซ็นสัญญาก่อนที่เราจะแต่งงานกัน ข้อที่หนึ่ง นายห้ามล่วงเกินฉันไม่ว่าจะกอด จูบหรือฟิชเจอริงห้ามยุ่งกับร่างกายของฉันเป็นอันขาด ข้อสองเราสองคนแต่งงานกันครบ 6 เดือนก็ต้องเลิกรากันไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ข้อสามเราต้องแยกกันนอน ข้อที่สี่เราสองคนแต่งงานกันแค่ในนามเราสองคนจะมีแฟนหรือมีใครห้ามยุ่งเด็ดขาด ถ้านายตกลงนายก็ลงชื่อตรงนี้และถ้าใครทำผิดสัญญาต้องจ่ายเงินทั้งหมด 1 ล้านบาทไม่มีลดหรือต่อรองอะไรทั้งนั้น” อัญชันพูดจบก็ยื่นเอกสารกับปากกาให้กับคีตะวันซึ่งเอกสารอัญชันก็เตรียมมาเป็นอย่างดี
“จริงๆ เรื่องที่ฉันจะพิศวาสเธอก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วอย่างเธอไม่ใช่ทางของฉันอยู่แล้ว แบนเกินไป” คีตะวันพูดหน้านิ่งๆ แต่ก็ทำให้อัญชันโมโหขึ้นมาได้
“นี่รีบๆ เซ็นต์จะมาบูลี่ฉันทำเบื้อกอะไร” อัญชันมองคีตะวันจ้องตาเขม็ง
“ตกลงก็ได้เพราะกฎของเธอเป็นสิ่งที่ฉันต้องการให้เธอเป็นอย่างนี้เหมือนกัน ตกลงฉันเซ็นต์” คีตะวันจับปากกาขึ้นมาแล้วเซ็นต์
“กลับก่อนนะ” คีตะวันเซ็นต์เสร็จก็เดินออกไปเลย แต่ที่พีคกว่าคือให้อัญชันจ่ายค่ากาแฟให้อีกด้วย
“นี่ฉันต้องแต่งงานกับคนเห็นแก่ตัว ขี้เมา ไม่ตรงเวลาไม่ทำการทำงานมีดีแค่ที่บ้านรวย พูดแล้วอยากหายตัวได้ เซ็ง” อัญชันนั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ท้อให้กับโชคชะตาที่เธอต้องมาเจอ