พรีมมาถึงที เอส กรุ๊ปก็สี่โมงเย็น เธอนั่งดูโทรศัพท์เพื่อรอคนที่ประชุมจนแบตที่เหลืออยู่สี่สิบเปอร์เซ็นหมดลงและจบด้วยระบบที่ปิดเครื่องอัตโนมัติ
“พี่ธีร์นะพี่ธีร์ ถ้าจะให้มานั่งรอแบบนี้ทำไมไม่ให้พี่พิรัชย์ไปส่งที่บ้านเลยล่ะ” พรีมถอนหายใจ บ่นพึมพำ
มันไม่ใช่แค่นั่งรอแป๊บเดียว แต่เธอนั่งรอจนเบื่อ นั่งรอจนแบตโทรศัพท์หมด และไม่รู้ว่าต้องรอไปจนถึงเมื่อไรเพราะเจ้าตัวไม่บอกอะไรกับเธอเลย แค่ให้เลขาของเขาไปรับแล้วเอาเธอมาทิ้งไว้ที่ห้องแห่งนี้
หลังจากที่พรีมมาถึงหนึ่งชั่วโมง ธีร์ที่เพิ่งประชุมเสร็จก็เดินกลับมาที่ห้องทำงานพร้อมกับเลขาส่วนตัว ระหว่างทางก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในที่ประชุม พอเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบว่าพรีมได้นอนเหยียดขาอยู่บนโซฟา ถ้าเป็นกางเกงเขาคงไม่รู้สึกอะไร แต่นี่เป็นกระโปรงนักศึกษา พอนอนเหยียดขามาทางประตูมันก็เห็นขาขาวที่พ้นกระโปรงตัวสั้นออกมา และไม่แน่ว่าถ้าเธอดิ้นตัวอาจจะเห็นเข้าไปได้ลึกมากกว่านี้
“นายไม่ต้องเข้าไป” ธีร์หันไปเอ่ยกับคนที่เดินตามหลัง
“ทำไมล่ะครับ” พิรัชย์นึกสงสัย ก่อนจะชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในก็เห็นคู่หมั้นของเจ้านายนอนหลับอยู่จึงเข้าใจในทันที
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“อืม”
ธีร์รีบปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อเร่งสะสางงานให้แล้วเสร็จ และในสามสิบนาทีต่อมาแฟ้มเอกสารตรงหน้าก็ได้ถูกพับเก็บแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบ ก่อนจะลุกไปหาคนตัวเล็กที่ปล่อยให้รอจนเผลอหลับ
“พรีม พี่เสร็จแล้ว” ธีร์ยกตัวลงนั่งชันเขาข้างหนึ่งแล้วเอ่ยเรียกคนที่นอนอยู่
“อือ” พรีมสะลึมสะลือส่งเสียงในลำคอในขณะที่ดวงตายังคงปิดอยู่
“พรีม ค่ำแล้วกลับบ้านกันเถอะ”
ธีร์ยื่นมือไปเขย่าแขนของคนตัวเล็กเบาๆ หมายจะปลุกให้ตื่น แต่ก็ถูกคนที่นอนอยู่ดึงแขนของเขาเข้าไปกอดแล้วพลิกตัวหันหน้าเข้าหาพนักโซฟา ทำเอาคนที่นั่งอยู่ถลาลงไปนอนพาดกลางลำตัวของหญิงสาว ใบหน้าของทั้งสองแทบจะแนบชิดกัน ดีที่ธีร์ใช้มืออีกข้างพยุงตัวเอาไว้
“พรีม” ธีร์เอ่ยเรียกอีกครั้ง
“อืม พี่ธีร์ ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“เสร็จแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”
พอได้ยินคำว่ากลับบ้านพรีมก็ปรือตาตื่นขึ้นมา แล้วก็พบว่าหนุ่มคู่หมั้นกำลังจะนอนทาบทับอยู่บนตัวของเธอ ทำให้ดวงตาคู่หวานเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“พี่ธีร์จะทำอะไรคะ”
“ปะ เปล่า พี่ไม่ได้จะทำอะไร” พรีมมองใบหน้าหล่อ มองสายตาคู่คมที่ตอบเสร็จก็หลบสายตา แต่ไม่ยอมที่จะออกไปจากตัวของเธอสักที
“แต่พี่กำลังนอนทับพรีมอยู่นะคะ”
“พี่ไม่ได้จะนอนทับเธอ แต่เธอกอดแขนพี่ไว้อยู่” ธีร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงประหม่าเล็กน้อย เพราะเขาอยู่ในท่าเท้าแขนข้างเดียวเป็นเวลานานหลายนาที เพื่อไม่ให้ล้มลงนอนทับคนที่นอนอยู่ด้านล่างจนล้าแขนไปหมดแล้ว
พรีมรีบมองแขนของตัวเองที่เกี่ยวแขนของธีร์เข้ามากอดเอาไว้แน่นราวกับว่ามันเป็นหมอนข้างคู่ใจ ก็เบิกตาโพลงกว้างรีบปล่อยแขนของเขาให้เป็นอิสระ แล้วรีบขอโทษขอโพยด้วยใบหน้าที่เจือไปด้วยสีเลือดฝาด
“ขอโทษค่ะ”
ธีร์รีบดันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คนตัวเล็กก็รีบลุกขึ้นนั่งจัดแจงเสื้อให้เรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่
“ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ”
“อื้ม กลับกันเถอะ”
“พาไปเลี้ยงข้าวหน่อยสิคะ โทษฐานที่ปล่อยให้พรีมนั่งรอตั้งนานจนหลับ” พรีมเอ่ยขอด้วยสีหน้าแง่งอน แต่ก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ออกมา
“รีบลุกขึ้นสิ” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ แต่ก็ไม่ได้รับปากแล้วก็หันหลังเดินออกไป
“รอด้วยสิคะ” พรีมรีบลุกขึ้นแล้วเดินตาม แต่ประโยคหลังเธอบ่นพึมพำ “คนอะไรหล่อแต่แล้งน้ำใจ”
รถหรูเคลื่อนตัวออกจากบริษัท ระหว่างทางภายในรถกลับเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยของคนทั้งสอง จนรถขับไปจอดที่ภัตตาคารระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง
“เมื่อกี้ไม่เห็นตอบก็นึกว่าจะไม่พามากินข้าวซะแล้ว” พรีมมองผ่านกระจกทอดสายตามองไปยังอาคารที่อยู่ตรงหน้า แล้วหันไปเอ่ยกับคนที่นั่งข้างกัน
“พี่ไม่ได้เป็นคนแล้งน้ำใจ รีบลงจากรถได้แล้ว ไม่หิวเหรอ” ธีร์เอ่ยจบก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเปิดประตูลงจากรถ พรีมเองก็เช่นเดียวกัน
“รอด้วยสิคะ นึกว่าตัวสูงแล้วจะก้าวขายาวๆ ของพี่ยังไงก็ได้เหรอ” พรีมที่สับขาเดินตามหลังแต่ก็ตามไม่ทันจึงได้หยุดเดิน
“มัวยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ” ธีร์เห็นว่ามีเด็กงอแงจึงได้หยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง
“คนขี้บ่น” พรีมบ่นพึมพำรีบเดินเข้าไปหา
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในภัตตาคารแล้วเลือกนั่งโต๊ะสำหรับคนสองคน พรีมรีบหยิบเมนูอาหารขึ้นมาแล้วยกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์ ในเวลาที่หิวมากแบบนี้จึงได้สั่งอาหารออกไปหลายอย่าง จนคนที่พามาถึงกับรีบปิดเมนูเพราะคิดว่าที่หญิงสาวสั่งมานั้นคนสองคนจะกินกันหมดหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร
ถึงเวลาที่พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ ดวงตาของหญิงสาวก็เปล่งประกายมองอาหารแต่ละจานที่วางอยู่เต็มโต๊ะเกือบสิบเมนูไม่วางตา หลังจากนั้นก็ตักไปวางในจานข้าวแล้วตักเข้าปาก ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
“อร่อยไหม”
“อร่อยมากค่ะ พี่ธีร์ไม่กินเหรอคะ” พรีมเห็นว่าธีร์เอาแต่มองเธอเคี้ยวอาหารในปากอย่างเอร็ดอร่อยจึงได้ถามกลับ
“อื้ม กิน” ธีร์รีบละสายตาออกจากผู้หญิงตรงหน้า แล้วตักอาหารไปวางในจานของตน
เขาเผลอมองเวลาที่พรีมตักอาหารเข้าปากคำโตแล้วเคี้ยวจนแก้มป่องก็ดูน่ารักราวกับเด็กไปอีกแบบ และไม่คิดว่าคนตัวเล็กๆ แบบนี้จะกินจุมาก
“หิวมากเหรอ”
“มากค่ะ ก็นั่งรอพี่ตั้งนานจะไม่ให้หิวได้ยังไงล่ะคะ”
“นั่งหรือนอนรอกันแน่”
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ ยังไงก็ได้รอพี่เหมือนกัน ขอบคุณนะคะที่พามาเลี้ยงข้าว และขอโทษที่ว่าพี่แล้งน้ำใจ” พรีมยกยิ้มขอบคุณปนกับความรู้สึกผิด เมื่อกี้เขาต้องได้ยินที่เธอบ่นแน่ๆ
“อื้ม” ธีร์ตอบรับในลำคอเสียงเบา
ยังไงคืนนี้เขาก็ตั้งใจพาเธอมากินมื้อค่ำที่ภัตตาคารแห่งนี้อยู่แล้ว เพราะผู้เป็นแม่คะยั้นคะยอให้พาเธอมาให้ได้ แล้วร้านนี้ก็ยังเป็นร้านโปรดที่แม่ของเขาชอบ
แต่พอได้เห็นคนตัวเล็กชื่นชอบในรสชาติอาหารของร้านนี้มาก แถมยังกินได้เยอะกว่าอยู่ที่บ้าน เขาก็พลอยเผลอยิ้มและกินข้าวได้เยอะตามไปด้วย