ตอนที่ 5.เหมือนเอาลูกวัวไปล่อเสือหิว

1541 Words
“ฟังพี่นะริน การแต่งงานครั้งนี้ยังไงก็ต้องเกิด ไม่ว่าติณเขาจะทำตัวแย่แค่ไหน พี่ก็ต้องแต่งงานกับเขา” “เพราะอะไรคะ?” “เพราะพี่กับเขามีสัญญาธุรกิจร่วมกัน พี่ได้ประโยชน์ ติณเขาก็ได้ประโยชน์ไง” “อ้อ ไอ้หมอนั่นเลยมั่นใจหนักหนา แต่ให้ทำตัวแย่ๆ แค่ไหนพี่ตะวันก็ไม่มีทางเทมันทิ้ง” “รินไปเจอติณมาหรือไง” “ไม่ได้อยากเจอสักนิดเลยค่ะ แต่ไอ้เวรนั่นผ่านมาในสายตา แถมภาพที่รินเห็นก็รังเกียจเกินกว่าจะจำไว้” ทานตะวันถอนใจเฮือกใหญ่ “พี่เองก็ได้แต่ภาวนาทุกวัน หากพี่หาคนมาร่วมหุ้นได้ พี่คงไม่ต้องแต่งงานกับติณ” ณิรินเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “ให้รินช่วยนะคะ” “อยากช่วยพี่หรือไง แต่มันยากนะ คนที่พี่คุยตั้งแต่แรกเขาเปลี่ยนใจไม่มา พี่กำลังกลุ้มอยู่เลย” “อ้าว!! ทำไมเป็นแบบนั้นคะ” “เขาคงไม่สะดวกแหละ และเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเราเสียทีเดียว แต่คนที่มาแทนเขา น่าจะยากเอาเรื่อง” ทานตะวันพูดจบแล้วก็ถอนใจแรงๆ “เขาส่งใครมาแทนคะ?” “ลูกชายเขามั้ง ผู้ชายคนนี้ค่อนข้างเคี่ยวเสียด้วย” “ขอรายละเอียดของเขาได้ไหมคะ รินจะไปสืบข้อมูล และหาวิธีเกลี้ยกล่อมเขาให้” ทานตะวันอมยิ้ม ท่าทางกระตือรือร้นของณิริน ต่อให้เธอปฏิเสธน้องสาวคนนี้ก็ไม่มีทางยอมรับ ทานตะวันทรงตัวยืน เดินไปหยิบแฟ้มสีดำบนโต๊ะทำงานมาส่งให้ “คาลวิน คีท ไนน์เอด ทายาทคนเดียวของไนน์เอดกรุป บุตรชายของโรเจอร์กับอิงฟ้า มหาเศรษฐีเจ้าของสินค้าการเกษตรนำเข้า-ส่งออกของฟินแลนด์” ณิรินรับแฟ้มมาเปิดดูคร่าวๆ เธอสะดุดกับโครงหน้าคุ้นตา จนต้องยกแฟ้มขึ้นมามองใกล้ๆ เธอกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ หนุ่มลูกครึ่งส่วนใหญ่หน้าตามักจะคล้ายๆ กัน แต่หนุ่มลูกครึ่งในรูปขนาดหนึ่งฝ่ามือที่เธอกำลังมองอยู่ ณิรินไม่มีทางลืมเขาแน่ แววตาทรงเสน่ห์นั่นเกือบทำให้เธอหลงละเมอ ที่เธอยังตั้งสติอยู่ได้โดยไม่ไหวเอนไปตามแรงดึงดูดนั่น เพราะเธอกำลังโฟกัสที่ติณ “เหมือนจะยากจริงๆ ค่ะ” ณิรินพึมพำ การเจอกันของเธอกับเขาไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ ณิรินถอนใจแรงๆ เธออยากช่วยพี่สาว เธอเห็นแก่ตัวและเมินปัญหาที่ทานตะวันแบกไว้ไม่ได้ “ริน พี่ต้องได้คู่ค้ารายนี้นะ พี่พลาดอีกไม่ได้” ทานตะวันย้ำเสียงหนัก หากเธอจับไนน์เอดกรุปเซ็นสัญญาไม่ได้ บริษัทม่านไม้ของบิดา ล้มละลายแน่ๆ พนักงานที่ทำงานและหวังพึ่งพาบริษัทคงใจสลายไม่ต่างกัน “รินจะพยายามค่ะ” “ริน ถ้ารินทำสำเร็จ รินไม่ได้ช่วยแค่พี่นะ ชาวสวนที่ฝากความหวังไว้กับเราก็จะพลอยได้อาณิสงฆ์ไปด้วย” ณิรินยิ้มกร่อยๆ ภาระครั้งนี้หนักหน่วงไม่ใช่เล่น ขนาดเพิ่งยื่นมือออกไปรับมา เธอยังรู้สึกลู่ไปทั้งหัวไหล่ ตอนที่ 5.เหมือนเอาลูกวัวไปล่อเสือหิว ณิรินแหกตาตื่นแต่เช้า ที่ทำงานอังคณาคือเป้าหมาย ห้องที่เต็มไปด้วยเอกสารและแผนงานที่ติดไว้เต็มฝาผนังยิ่งทำให้ณิรินกลัดกลุ้มมากขึ้น “ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลยอัง” “กาแฟเข้มๆ สักแก้วก่อนมั้ย ท่าทางเหมือนอดนอนมาเลย” อังคณาท้วง ถุงใต้ตาณิรินดำคล้ำ เหมือนคนนอนหลับๆ ตื่นๆ มาทั้งคืน “ดีเหมือนกัน ขอกาแฟเข้มๆ ไม่เอาน้ำตาลเลยนะ” ณิรินพึมพำตอบ เธอเอนหลังหลุบเปลือกตาลงระหว่างที่ใช้ปลายนิ้วคลึงข้างขมับ “หิวมั้ยจะได้สั่งมื้อเช้ามาให้ด้วยเลย” อังคณาตะโกนถาม ตอนที่เสียบปลั๊กและรอให้น้ำในกาไฟฟ้าเดือด “กินไม่ลงหรอก ขอกาแฟอย่างเดียวดีกว่า” เรื่องที่วิ่งวนอยู่ในหัว ทำลายทั้งสมาธิของเธอ และความอยากอาหารด้วย “ตกลงพี่ตะวันกับหมอนั่นมีอะไรกันแน่” “ไอ้หมอนั่นแค่จุดเริ่มต้น แต่หากฉันเจรจาธุรกิจสำเร็จ จะเป็นจุดจบของไอ้ผู้ชายไม้เลื้อยนั่นเหมือนกัน” ณิรินทรงตัวนั่ง รับแก้วกาแฟมาจิบแล้วก็บ่นไปด้วย “แกเนี้ยะนะยัยริน จะไปเจรจาธุรกิจ เจรจากับใครละ?” อังคณาถามเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง “แต่ก่อนฉันไม่เคยเชื่อเรื่องดวงอะไรนี่เลยนะอัง คนเราหากนอนเฉยๆ รอโชควาสนาเพราะว่าเป็นคนดวงดี นั่นก็เท่ากับกำลังรอวันอดตาย คนหากไม่ทำงานจะมีค่าอะไรหะ แต่เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นกับฉันตอนนี้ ฉันเลยอยากเชื่อเรื่องโชคลาภอะไรนี่ขึ้นมาแล้ว” ณิรินพูดยาวเหยียด แต่อังคณายังจับใจความสำคัญไม่ได้ “เอาแค่เนื้อๆ น้ำเยอะขนาดนี้ฉันงง” อังคณาท้วง “ดวงฉันมันเบญจเพสพอดีด้วย น่าจะซวยหนักเลยแหละ” “อะไรของแกริน?” “ฉันกำลังดวงตก แกพาฉันไปรดน้ำมนต์ทีสิ” ณิรินหันมาพูดท่าทางจริงจัง “แกเป็นบ้าอะไรเนี้ยะ” “จริงๆ นะอัง ฉันน่าจะซวยหนัก ฉันเพิ่งแผลงฤทธิ์กับหมอนั่นมา จู่ๆ ฉันต้องไปเจรจาธุรกิจกับเขา หากเป็นเพราะฉันที่ทำให้บริษัทของคุณลุงแย่ ฉันจะต้องแก้ไขยังไงดี” “เอาละ ค่อยๆ เล่ามา เรื่องมันยังไงกันแน่” อังคณาลดท่าทางขึงขังลง ณิรินลนลานแปลกๆ ท่าทางกระวนกระวายนั่นทำให้อังคณาพลอยรู้สึกไม่ดีไปด้วย “อังจำหมอนั่นได้ไหม?” “หมอไหน ใคร เจอกันที่ไหนหะ!!” “หมอนั่นไง คนที่เจอกันที่ผับนั่นแหละ” “อ้อ...คนที่โคตรหล่อนั่นเหรอ” “ใช่ๆ” “แล้วไง” “เขาคือคนที่ฉันต้องไปคุยด้วยไง ความเป็นความตายของม่านไม้ ขึ้นอยู่กับหมอนั่นคนเดียว” “หะ!!” “ฉันควรทำไงดีอัง ฉันพูดแย่ๆ กับเขาไปแล้วด้วย” “พูดอะไร?” “ฉันบอกเขาว่า ฉันมีผัวแล้ว” “แล้วทำไมแกต้องไปบอกเขาแบบนั้นด้วยละยัยริน” “เขาพูดไม่ดีกับฉันก่อนนี่” ณิรินตอบเสียงสะบัด “อ้อ ฉันพอจะเข้าใจแล้ว หมอนั่นคงเกาะแกะแกสินะ แกรับตำแหน่งเป็น ‘เด็กดริ้ง’ นี่นา” อังคณาหัวเราะคิกหลังพูดจบ “ผู้ชายชีกอทุกคน ฉันยังไม่เคยเจอผู้ชายแสนดีซื่อสัตย์สักคนเลย” เสียงณิรินขึ้นจมูก “รินๆ เดี๋ยวนะ ท่าทางเธอจะเข้าใจผิดแล้ว ผู้ชายโสดทุกคนเป็นแบบนี้ หากอยากเจอผู้ชายดีๆ เธอต้องลองคบกับเขาก่อน หากหลังตกลงเป็นแฟนกันแล้วยังทิ้งนิสัยเดิมไม่ได้ค่อยฟันธง” “ใครจะโง่ไปเสี่ยงแบบนั้นหะ” “การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง นั่นเป็นสัจธรรมไง” “สำหรับฉันนะ หากจำเป็นต้องมีใครสักคนหากเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ฉันก็แค่ตัดออกไป ป่วยการให้โอกาสผู้ชาย เพราะนั่นไม่ใช่นิสัยแค่มันเป็นสันดานยะ” ณิรินตอบเสียงขุ่น หากเริ่มต้นไม่ดี จุดจบจะดีได้ยังไง ในเมื่อผู้หญิงครองตัวเพื่อรอคนสำคัญได้ แล้วทำไมผู้ชายถึงทำเช่นเดียวกันไม่ได้ “ตกลงแกบอกอะไรเขาไป” อังคณาไม่วายสงสัย “ฉันบอกเขาว่าฉันมี ‘ผัว’ แล้ว” อังคณาหัวเราะจนตัวงอ เธอพยายามกลั้นหัวเราะ เพราะณิรินหน้างอลงไปเรื่อยๆ “ใครเขาจะไปเชื่อยะ ท่าทางแกน่ะ อ่อนโลกจะตาย ผู้หญิงที่มีสามีแล้วไม่มีทางทำแบบที่แกทำแน่ยัยริน” “มันแตกต่างกันตรงไหนหะ ก็ผู้หญิงเหมือนกัน” “แตกต่างตรงจริตไง ผู้หญิงที่ผ่านมือผู้ชายแล้วจะกร้านโลก แกเชื่อฉันเถอะ ผู้ชายเขาดูออก แกโกหกไปเขาไม่มีทางเชื่อหรอก” “เรื่องนั้นมันจบไปแล้ว เรื่องนี้สิที่กำลังจะเกิดต่อไป ฉันเนี้ยะจะเอาหน้าไหนไปพบเขา ฉันรับปากพี่ตะวันมาแล้วด้วย” ณิรินยกมือตบกลางหน้าผากแล้วก็บ่นไม่หยุด “เอาหน้าสวยๆ นี่แหละไป ผู้ชายคนนั้นไม่ถือสาหรอก” “เขาไม่ถือ แต่ฉันถือนี่” “มันหนักถือไว้ทำไม โยนทิ้งไปเถอะ แกก็แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และหากอยากเจรจาสำเร็จ แกก็ยั่วเขาให้หลงกลสิ ท่าทางเขาคงชอบแกไม่น้อยแหละ การหาผลประโยชน์จากเพศตรงข้ามง่ายจะตาย แค่ใช้ประโยชน์จากความสิเน่หา เรื่องของพี่ตะวันก็ไม่น่ายาก” พอฟังอังคณาพูดจบ ณิรินรีบเม้มปาก แต่เมื่อนึกถึงแววตาคู่นั้น เธอก็ไม่อยากเสี่ยงเลย เหมือนเอาปลาย่างใส่พานไปล่อแมว แล้วปลาย่างที่กระดุกกระดิกไม่ได้จะทานแมวหิวโซได้ยังไง จับพลัดจับผลูเธอเสียอีกที่จะถูกแมวเจ้าเล่ห์กินฟรี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD