“จะไปไหนหะ?” คาลวินถาม เพราะแม่สาวนั่งดริ้งตรงหน้าทำท่าจะไปที่อื่น
ณิรินเม้มปาก เหลือบมองไปอีกทาง คาลวินมองตาม มุมปากเขากดลึกลง “เธออยากได้ทิปเยอะๆ ก็เอาใจฉันดีๆ สิ ฉันรับประกันได้ ไอ้แก๊งนั่นไม่มีทางเปย์หนักเท่าฉันแน่”
ณิรินถอนใจแรงๆ ทรุดนั่งที่เดิม เธอฉวยแก้วเปล่ามารินบรั่นดีลงไปแล้วก็เสือกแก้วไปให้เขา “ฉันเพิ่งมาทำงานวันแรกค่ะ เลยยังไม่ค่อยรู้วิธีเอาใจลูกค้า” คำแก้ตัวฟังไม่ขึ้น จากประสบการณ์ สาวนักตกทองเหล่านี้รู้จักวิธีฉกสตางค์ในกระเป๋าลูกค้าเป็นอย่างดี
“ฉันไม่ได้พกเงินสดมานะ โอนแทนได้ไหม?” ณิรินเหลือบมอง
และเพราะความหมั่นไส้เป็นเหตุ เธอล้วงโทรศัพท์ เปิดคิวอาร์โค๊ตให้คนแปลกหน้า อยากรู้เหมือนกันว่าราคาคุยของเขาจะสักเท่าไหร่กัน
คาลวินมองหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นคิวอาร์โค๊ต เขายื่นโทรศัพท์ตัวเองไปสแกน หลังจากนั้นก็ฉวยแก้วบรั่นดีมากระดกดื่ม
ณิรินเบิกตาโตจนตาเธอแทบจะถลนออกมาจากเบ้าตา จำนวนเงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ เธอเหลือบมองลูกค้าหนุ่มหล่อแล้วก็ยิ้มแหยๆ
“คุณกดเลขศูนย์ผิดไปตัวนึงมั้ยคะ?”
คาลวินส่ายหน้า “ถูกแล้ว ถ้าเธอสนใจจะไปกับฉัน เธอจะได้เพิ่มมากกว่านั้นสิบเท่า” แล้วก็พูดหน้าตาเฉย เขาหลุบเปลือกตาลง พยายามไม่มองเรียวขาที่ล่อแหลมตานั่น เนินทรวงที่กระเพื่อมตอนที่เธอสูดลมหายใจนั่นอีก หญิงตรงหน้ากำลังป่วนประสาทเขาชัดๆ
ณิรินผงะ...มีสตางค์สามแสนโอนเข้าบัญชีของเธอ และคำพูดของเขาก็ทำให้เธอตระหนก ผู้หญิงที่ทำอาชีพสุ่มเสี่ยงนี่ มีรายได้ต่อเดือนแค่ไหนกันนะ เธอเขียนนิยายหลังขดหลังแข็งทั้งเดือน รายได้ยังไม่เคยเกินเดือนละครึ่งแสนเลย โชคดีที่เธอไม่มีภาระหนี้สิน บ้านที่อยู่ก็ไม่ต้องผ่อน เธอมีรายจ่ายที่หนักเรื่องเดียวคือการเลี้ยงสุนัขสามชีวิต กับแมวส้มอีกสองตัว
ชีวิตสันโดษของเธอมีความสุขดี ไม่ต้องกระเสือกกระสนเหมือนคนอื่น
พอตั้งสติได้ ณิรินก็รีบส่ายหน้า “ฉันบอกคุณแล้วนี่คะ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้”
“จะโกหกอะไรก็ให้มันพอดีๆ หน่อย เธอปฏิเสธฉันแล้วอ้างว่ามีผัวแล้วไม่ได้ สัญชาตญาณฉันมันบอก”
เปลือกตาณิรินกะพริบถี่ๆ “ตามใจค่ะ อยากเชื่อสัญชาตญาณก็ได้ ฉันไม่ห้ามคุณหรอก แต่ฉันไปไม่ได้จริง”
“ถ้ามันน้อยไปละก็ เธอเสนอมาสิ หากเธอจะไปกับฉัน ฉันต้องจ่ายเท่าไหร่?” คาลวินโบกมือ แล้วก็ถามเสียงเข้ม
ณิรินถอนใจแรงๆ “ถ้าฉันทำให้คุณไม่พอใจ จะเรียกคนอื่นก็ได้นะคะ ส่วนเงินที่คุณจ่ายมานี่ เดี๋ยวฉันโอนคืนให้” ณิรินยิ้มตบท้าย หลังจากจบเรื่อง พรุ่งนี้เธอจะไปธนาคารและโอนสตางค์คืนลูกค้ารายนี้
คาลวินเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เริ่มดื่มเหล้าไม่อร่อยลิ้นเสียแล้ว
เขาหรี่เปลือกตาลง มองท่าทางไม่ยี่หระแม้จะถูกเขาทาบ
“เธอไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร?” ชื่อเสียงของคาลวินค่อนข้างพอตัว มีผู้หญิงครึ่งร้อยยินดีเดินขึ้นเตียงกับเขา แบบไม่หวังค่าตอบแทนด้วย ขอแค่เขาชายตาแล คาลวินแน่ใจ ต้องมีใครสักคนกระโจนใส่เขา แต่หญิงตรงหน้าไม่สนใจเขาเลย แถมยังปฏิเสธเขาแบบไม่สะทกสะท้านด้วย
“ฉันต้องรู้ด้วยเหรอคะ?” ณิรินไม่ได้กวน
เธอไม่รู้ว่าชายตรงหน้าเป็นใคร ไม่สนใจด้วยว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ ผู้ชายรักสนุกที่เจอในสถานที่แบบนี้ ไม่ต้องเดาเลย เขามีรสนิยมเหยียดเพศหญิง ใช้เงินเพื่อซื้อความสนุกแบบไม่ตะขิดตะขวงอะไรเลย
คาลวินกะพริบเปลือกตาถี่ๆ “เล่นตัวเหรอ คิดว่าฉันไม่มีเงินจ่ายหรือไง?” อารมณ์เขาเดือดปุดๆ
ณิรินสูดลมหายใจลึกๆ เธอทรงตัวยืน ค้อมตัวลงเล็กน้อย “หากฉันทำให้คุณเข้าใจผิด ขอโทษด้วยนะคะ ฉันอาจจะเข้าใจผิดคิดว่างานนี้แค่ดื่มเป็นเพื่อนลูกค้า หากคุณไม่สบายใจ เรียกคนอื่นดีกว่าค่ะ ฉันคงไม่เหมาะกับงานแบบนี้จริงๆ” เธอพยายามชี้แจ้งแบบใจเย็นที่สุด
คาลวินไม่ได้ตอบ เขากำลังอึ้ง แต่เมื่อหญิงตรงหน้ากำลังจะเดินจากไป เขาก็กระเด้งตัวและรั้งเธอไว้ “เดี๋ยวสิ ฉันจะได้เจอเธอที่นี่อีกไหม?”
ณิรินยิ้มแล้วก็ส่ายหน้า “ฉันคงไม่มาที่นี่อีกแล้วค่ะ” เธอตอบตามจริง แล้วก็ลดสายตาต่ำลง เธอมือมองสีคร้ามแดดที่ตัดกับผิวของเธออย่างเห็นได้ชัด
“ฉันอยากเจอเธออีก” คาลวินถามเสียงแผ่ว
แพขนตางอนกระพือขึ้นลง หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น ความรู้สึกวูบวาบแล่นพล่านไปทั้งตัว
ณิรินปล่อยเวลาผ่านไปพักใหญ่ ชายคนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเธอ “ขอโทษค่ะ” เธอพึมพำขอโทษแล้วก็พยายามแกะมือของเขาออก คาลวินเกร็งข้อมือ เขารู้สึกเสียดาย เขาค่อนข้างแน่ใจ หากเขายอมปล่อยมือ เขาไม่มีทางได้เจอกับหญิงผู้นี้อีก
“เธอชื่ออะไร?”
“อย่ารู้เลยค่ะ ไม่มีประโยชน์หรอก” ณิรินตอบเสียงแห้ง พยายามขืนตัวและรั้งตัวเองออกจากพันธนาการ
“อย่างน้อยเธอก็ควรบอกชื่อฉันนะ” คาลวินท้วง
“หากคุณรับปากว่าจะปล่อย ฉันถึงจะบอกค่ะ” ณิรินต่อรอง สัญชาตญาณเตือนเธอ ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา หากเธอไม่อ่อนข้อให้เขาบ้าง วันนี้ภารกิจของเธอพังแน่
“ได้ ฉันชื่อคาลวิน หากเธออยากไปกับฉัน เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันนะ”
ณิรินพยายามจะไม่โกรธ เธอฝืนยิ้มให้ “ปล่อยฉันก่อนสิคะ แล้วฉันถึงจะบอก”
“อย่าลูกไม้แล้วกับฉันกันนะคนสวย หากเธอรู้ว่าฉันเป็นคนอารมณ์ร้อนแค่ไหน เธอจะไม่บิดพลิ้วเลย” เหมือนคาลวินจะรู้ล่วงหน้า หากเขาปล่อยมือ เขาจะไม่ได้อะไรจากหญิงตรงหน้าเลย
คาลวินยอมปล่อยมือ ณิรินยิ้มหวานให้แล้วก็พูดช้า “ในสายตาของคุณฉันคงต่ำต้อยไร้ค่าที่สามารถซื้อด้วยเงินได้ แต่ขอโทษนะคะ ฉันแค่มาทำงานไม่ได้คิดมาขายตัว ที่นี้คุณคงรู้คำตอบของฉันแล้ว ขอตัวค่ะ คุณเรียกคนอื่นมาบริการเถอะค่ะ ฉันไม่ได้โกรธคุณเลย แค่อยากอธิบายให้เข้าใจ ผู้หญิงไม่ได้ไร้ศักดิ์ศรีทุกคนหรอกนะคะ”
ณิรินเดินจากไป คาลวินมองตาม หลังจากนั้นเขาก็ทิ้งตัวลงนั่ง พยายามลดความระอุร้อนในใจ เขาไม่ควรทำลายศักดิ์ศรีของตัวเองด้วยการตามไปรั้งผู้หญิงต่ำๆ คนนั้นไว้ คาลวินปรายหางตามอง
ผู้หญิงคนนั้นเดินไปหยุดที่โซนVIP ถัดจากโต๊ะเขา
“เรียกน้องๆ คนอื่นแทนดีไหมครับ?” คาลวินส่ายหน้า
เขาหมดอารมณ์และไม่มีความอยากสนุกไปเสียแล้ว
“คิดสตางค์เถอะ” เขามาคนเดียว ดีนที่เป็นเลขาฯ และการ์ดของเขาไม่ได้มาด้วย คงเพราะทำงานหนักติดๆ กันมาหลายเดือน คาลวินตั้งใจที่จะมาพัก แต่กลับกลายเป็นว่าเขาต้องมาเจรจาธุรกิจแทนมารดาที่นี่ ดีนเลยมีความจำเป็นต้องไปหาข้อมูลคู่ค้า ที่มารดาตั้งใจจะร่วมหุ้นส่วน คาลวินส่งเครดิตการ์ดของเขาให้ แล้วก็ฉวยแก้วมาดื่มบรั่นดีที่เหลือ
“ใจเย็นๆ สิณิริน ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ” ใครบางคนเดินมาหยุดอยู่ใกล้โต๊ะเขา คาลวินปรายหางตามอง หัวคิ้วเขายกขึ้นสูง รู้สึกแปลกใจหน่อยๆ
ผู้ชายท่าทางดีแต่สีหน้าเคร่งเครียด กับผู้หญิงคนนั้น ท่าทางเหมือนมีเรื่องอะไรกันอยู่ คาลวินลดสายตามองต่ำ เรียวแขนกลมกลึงของหญิงผู้นั้นถูกจับยึดไว้
“ปล่อยค่ะ” ณิรินกระซิบเสียงต่ำ พลางรั้งมือของติณแรงๆ
“ณิริน ขอเถอะ อย่าบอกเรื่องนี้กับตะวันเลยนะ” ติณพูดเสียงแหบ เขาไม่อยากผิดใจกับทานตะวัน ทั้งๆ ที่กำหนดวันวิวาห์ใกล้เข้ามา
ณิรินตวัดตามอง เธอยกมือกอดอก “คุณไม่ควรทำแบบนี้ตั้งแต่แรกค่ะ” ช็อตเด็ดที่เธอเห็นเต็มตา ติณไม่สามารถหาข้อแก้ตัวได้เลย ผู้หญิงของเขาไม่ใช่พนักงานที่นี่ หญิงผู้นั้นเป็นลูกค้าที่ติณพามาด้วย คำกล่าวหาของณิรินไม่เกินจริง ติณกำลังนอกใจพี่สาวของเธอ เขาควรมีความซื่อสัตย์มากกว่านี้ หากติณตั้งใจจะแต่งงานกับทานตะวันจริงๆ