ตอนที่ 1.เมื่อความซวยถาโถมเข้าใส่
เบนท์ลี่ย์คันนั้นดูแล้วคุ้นตาพิกล ณิรินสะกิดแขนอังคณาแรงๆ “อังๆ แกเห็นเบนท์ลี่ย์คันนั้นมั้ย?”
“ทำไมมีอะไร?” อังคณามองตามแล้วก็ถามกลับ เธอจ้องรถยนต์คันที่อยู่ตรงหน้าตาเขม็ง
“เหมือนจะเป็นรถของคุณติณมั้ยวะ?” ณิรินขยับขาแว่น ช่วงนี้เอนอนน้อย สายตาเลยค่อนข้างมัวหน่อยๆ
“ใช่เลย มีอะไรมั้ย?” อังคณาตอบ ก๊วนของเธอประกอบด้วย ณิริน ทานตะวันและตนเอง ความที่สนิทกันมากๆ เรื่องส่วนตัวเลยไม่เคยปิดบังกัน
“พี่ตะวันบ่นให้ฟังน่ะ หมู่นี้คุณติณเขาห่างเหินแปลกๆ” ณิรินเปรยลอยๆ สัญชาตญาณผู้หญิงค่อนข้างมีเซ้นส์ ไม่ว่าจะรู้สึกสะกิดใจนิดหน่อย หรือบางทีก็มีเรื่องหยุมหยิมกวนใจ พอตามสังเกตเข้าจริงๆ ส่วนใหญ่มักจะจับโป๊ะได้
ผู้ชายอาจคิดว่าน่ารำคาญ แต่หลายครั้งเขาก็อาจทำให้ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นสั่นคลอนได้
“มีหญิงใหม่เหรอไง?” อังคณาถามต่อ
“ไม่แน่ใจไม่เข้าเค้าอะไรเลย บางทีอาจเป็นพี่ตะวันที่คิดมากไปก็ได้” ณิรินถอนใจแรงๆ ผู้ชายอย่างติณไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวแย่ๆ ออกมาปละปลาย มันเลยเป็นการยากที่ทานตะวันจะไว้ใจคนรัก แม้ทั้งสองคนจะวางแผนแต่งงานกันช่วยปลายปีที่จะถึงนี้แล้วก็ตาม
“เห้ย!!” จู่ๆ อังคณาก็ร้องเสียงหลง “ตามมั้ยณิริน ทางนั้นมันไปผับนะ เขานัดใครไว้หรือเปล่า” คงเพราะเส้นทางที่คุ้นเคย อังคณาเป็นนักข่าวสายบันเทิง เธอตามดาราดังหลายคน ที่แอบมาเที่ยวที่ผับแห่งนั้น
“แน่ใจนะ?” ณิรินยิ้มแหยๆ
เธอฝังตัวอยู่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่ งานของเธอไม่จำเป็นต้องออกมาเจอะเจอผู้คน นานๆ ออกมาทีเลยไม่ชินเว้นทางนัก
“แกลืมแล้วเหรอว่าฉันทำงานอะไร?” อังคณาย้อนถาม หมุนพวงมาลัยตามแบบไม่ต้องรอคำตอบ
“เอาก็เอา” ณิรินผ่อนลมหายใจยาวเหยียด
ไม่ใช่เรื่องของเธอแท้ๆ แต่ก็ปล่อยผ่านไม่ได้ ผู้หญิงที่นิสัยดี มีจิตใจโอบอ้อมอารีไม่ควรถูกคนรักสวมเขาให้ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ณิรินตั้งใจจะกระชากหน้ากากของติณ เพื่อให้พี่สาวแสนดีของเธอหลุดพ้นจากคนชั่วๆ นั่น
ณิรินเป็นเด็กกำพร้า เติบโตมาได้เพราะบิดา มารดาของทานตะวัน ทับแก้วเป็นป้าของเธอ ท่านรับเธอมาอุปการะหลังบิดา มารดาของเธอประสบอุบัติเหตุ ตะวันคือลุง เป็นบิดาของทานตะวัน คนในครอบครัวนี้รักและเอ็นดูเธอ ณิรินเลยยอมไม่ได้หากใครก็ตามจะทำให้พี่สาวของเธอเสียใจ
เรื่องของติณ ณิรินไม่ค่อยเห็นด้วย ผู้ชายคนนั้นมีข่าวฉาวมากเกินไป ผู้หญิงอย่างทานตะวันควรเจอผู้ชายที่ดีกว่านี้ แต่ณิรินท้วงมากไม่ได้ เพราะทั้งลุงและป้า เห็นดีเห็นงาม หลังทานตะวันพาติณมาทำความรู้จักกับครอบครัว
“บางทีฉันก็งงกับพี่ตะวันเขานะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าถนนเส้นนี้มันเสี่ยงเจ็บตัว ทำไมถึงอยากกระเสือกกระสนขึ้นไปเดินนัก” อังคณาบ่นอุบอิบ
เธอเป็นนักข่าวสายบันเทิงที่คุ้นหน้าคุ้นตาติณเป็นอย่างดี ผู้ชายคนนี้เป็นไฮโซเบอร์ต้นๆ ที่นิยมมีคู่ควงเป็นดารา หรือเซเลป ติณเปลี่ยนคู่ควงบ่อยพอๆ กับรถยนต์ที่เขาใช้ อังคณากับณิรินถือเป็นคนนอก ที่เหมือนคนน้ำท่วมปาก พูดมากจะพลอยให้กินแหนงแคลงใจกันเปล่าๆ
ณิรินเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน ทานตะวันไม่มีทางตามทันผู้ชายอย่างติณ อนาคตที่ไม่ต้องเดามีทางเกิดขึ้นแน่นอน ต่อให้ตอนนี้รักกันจี๋จ๋าแค่ไหน วันหน้าไม่พ้นการหย่าร้างอย่างแน่นอน
ผู้ชายอย่างติณขี้เบื่อ และไม่มีทางยอมจบแค่ผู้หญิงคนเดียวอย่างทานตะวัน
“เห้อ...” ณิรินถอนใจ “ฉันขวางมากก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าฉันอิจฉาพี่ตะวัน” เสียงบ่นพึมพำ
“ลุงกับป้าแกโอ๋หมอนั่น โดยไม่ห่วงอนาคตลูกสาวได้ไงวะ?” อังคณาบ่นต่อ สองตายังจับจ้องไฟท้ายรถยนต์ของติณตาไม่กะพริบ
“อัง ครั้งนี้ฉันต้องจับผิดหมอนั่นให้ได้” รถยนต์คันหน้าชะลอตัวทำท่าจะจอด อังคณาฟังเสียงณิรินแล้วก็ชะลอตัวเตรียมจะจอดด้วย
“เดี๋ยวณิริน แกตามหมอนั่นเข้าไปในสภาพนี้ไม่ได้ แกเดินเข้าไปทั้งอย่างนี้หมอนั่นรู้ตัวก่อนแล้ว” อังคณาหันมามองแล้วก็ส่ายหน้า
“ฉันต้องจับให้ได้คาหนังคาเขาเลย คลาดสายตาไม่ได้เด็ดขาด” ณิรินเถียงกลับ
อังคณาส่ายหน้า “หมอนั่นไม่ธรรมดาหรอกณิริน ขนาดฉันมีสายดีๆ ยังไม่เคยจับภาพหมอนั่นได้เลย ในนั้นไม่ได้แค่ที่เสพสุขของคนที่อยากมาพักพักผ่อนหรอกนะ เขาแบ่งโซนกันยะ ไอ้หมอนั่นเป็นโคตรเมมเบอร์เลย เขามีที่พักผ่อนส่วนตัวให้ ยิ่งกว่าซูเปอร์VVIP อีกนะ” อังคณาแย้ง
“แล้วฉันต้องทำยังไง??” ณิรินถามเสียงอ่อย
เธออยากจับติณให้ได้แบบจะๆ ตา
“ฉันมีวิธี” อังคณายิ้มเจ้าเล่ห์ “หาที่จอดก่อน เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง”
“แต่...” ณิรินท้วง เธอมองตามติณที่เดินเข้าไปในสถานบันเทิงแห่งนั้นด้วยแววตาละห้อย
“เชื่อฉันสิ ฉันมีวิธี” อังคณายืนกราน
ณิรินจำใจเชื่อ เธอไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วนี่
อังคณาใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที เธอแปลงโฉมสาวเฉิ่มที่สวมแว่นตาหนาๆ กับเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ๆ ทรงผมที่เห็นจนชินตามีแค่ทรงเดียว คือขมวดไว้ง่ายๆ เสียบด้วยดินสอหรือไม่ก็ตะเกียบ
หน้าตาที่ไร้สีสัน มีแค่ลิปสติกมันที่ริมฝีปาก นอกนั้นแทบไม่เคยแตะต้องเครื่องสำอาง
“แกแน่ใจนะว่าวิธีนี้ได้ผล?” ณิรินถามกลับเสียงอ่อย
เธอมองเงาตัวเองที่สะท้อนกับกระจกข้างของรถยนต์ด้วยความไม่มั่นใจ ผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดเดรสผ้ายืดสีเขียวอ่อนรัดทั้งบนและล่าง มีรองเท้าเปิดส้นสีขาว แถมแต่งหน้าจัดจนแทบไม่หลงเหลือความเป็นตัวเอง ขนตาปลอมหนักอึ้งนั่นเกือบทำให้ณิรินลืมตาแทบไม่ขึ้น
“ถ้าแกเอาดีทางนี้น่าจะรุ่งนะณิริน” อังคณาเดินวนมองทั้งบนและล่าง แถมวิจารณ์เสียงขรม
“บ้าสิ ฉันแขม่วท้องจนเกร็งไปทั้งตัวแล้วนะ” ณิรินส่ายหน้าโวยเสียงแหลม
“นี่ๆ แกดูนั่น ขนาดแกยืนอยู่ตรงนี้ ผู้ชายยังจ้องแกเหมือนแกเป็นขนมเลยนะ” ณิรินมองตาม แล้วก็ทำท่าผวา
“แกดูแขนฉันนี่ ขนลุกเลย” เธอชี้ให้อังคณามองขนบนแขนของเธอ ที่พร้อมใจกันลุกตั้งชัน
“ณิริน ฉันบอกแกแล้ว การที่แกอยู่แต่บ้าน มันจะทำให้แกเป็นโรควิตกจริต แกควรออกมาเผชิญโลกใบนี้บ้าง”
“ไม่ ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย ฉันอยู่แบบนั้นก็สบายดี” หลังจากเรียนจบ และเริ่มเดินบนเส้นทางที่ตัวเองชอบ ความที่ณิรินมีสมบัติเก่าของบิดา มารดาที่ทิ้งเอาไว้ให้ เธอเลยไม่จำเป็นต้องออกมาแก่งแย่งกับใคร เธอใช้ชีวิตแบบสบายๆ มีสตางค์เลี้ยงตัวเอง ทำงานที่ตัวเองรัก
“แกกับฉันน่ะ อายุยี่สิบห้าแล้วนะ หากเลยไปกว่านี้ หนทางขึ้นคานค่อนข้างชัดแล้วแหละ” อังคณาบ่น แล้วก็ลากณิรินเดินไปอีกทาง
“จะพาฉันไปไหนหะ?”
“พาไปสมัครงาน แกแต่งเต็มมาแบบนี้ ที่นั่นไม่มีทางปฏิเสธแน่”
“สมัครงาน?” ณิรินครางเสียงหลง
“การที่แกจะแฝงตัวเข้าไปแบบโคตรเนียนก็มีแค่ทางนี้แหละ”
“แล้วแกละอัง?”
“ฉันจะเข้าไปในฐานะลูกค้า และคอยกันลูกค้าชีกอให้แกเอง” อังคณายืดอก
“ก็คงต้องแบบนั้นแหละ” ณิรินส่ายหน้าเริ่มปลงหน่อยๆ หากเธอต้องการจับให้มั่น คั้นให้ตายในครั้งเดียว การลงทุนแค่นี้ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรเลย แลกกับการทำให้ทานตะวันตาสว่าง ที่เธอทำก็แค่เรื่องเล็กน้อย
มันเหมือนที่อังคณาคาดคะเน ทันทีที่เธอยื่นใบสมัคร สถานบันเทิงแห่งนั้นก็รีบตะครุบเธอได้เริ่มงานทันที ตามที่ตัวเองต้องการ ที่นี่มีชุดฟอร์มสำหรับพนักงาน ชุดฟอร์มที่ไม่ต่างอะไรกับเศษผ้า กว่าณิรินจะตัดใจยอมสวมชุดที่วาบหวิวนั่นได้ ก็ต้องทำใจเกือบสิบนาที
ผ้าคาดอกสีดำกับกระโปรงรัดรูปสีเดียวกัน ไม่ว่าจะส่วนโค้งหรือส่วนเว้า ไม่มีทางปกปิดได้เลย เพราะชุดที่เธอสวมมีความยาวช่วงบนหนึ่งคืบ ส่วนล่างนั้น หากไม่เซฟตัวเองดีๆ อะไรๆ ที่ควรเป็นความลับ ก็ไม่น่าจะมีหนทางปิดได้เช่นกัน