แม่มะลิหรือแม่มารีนั้นเป็นลูกครึ่งโปรตุเกส ใบหน้าและผิวพรรณกระเดียดไปทางฝรั่งมากกว่าสยาม ทว่ารูปร่างนั้นกลับเล็กแบบเดียวกับผู้หญิงสยาม
คุณหนูทับทิมรู้จักกับเธอตอนไปเรียนภาษาอังกฤษกับแหม่ซาร่า แม่มะลิเป็นภรรยาคนที่หกของเจ้าสัวสุติวรวานิชย์ คหบดีที่แต่งตั้งโดยพ่ออยู่หัว
เป็นเมียแหม่มที่เจ้าสัวรักมากจึงมาปลูกบ้านให้ข้างนอกห่างจากบ้านใหญ่หลายกิโลเมตรแบบเดียวกันกับเมียคนที่ห้า เธอจึงไม่ต้องคอยปวดหัวหัวกับการแย่งชิง กับเมียอีกคนที่ออกมาอยู่นอกรั้วบ้านใหญ่เหมือนกันก็ต่างคนต่างอยู่
เจ้าสัวผัวของเธอนั้นอายุมากพอสมควรแล้ว ไม่มีแรงจะมาขย่มเด็กสาวๆ อีกต่อไปเธอจึงได้ปลดระวาง ไม่ต้องปีนขึ้นเตียงไปนอนกับผัวอีก
ทว่าการต้องอยู่เหงาๆ เปล่าเปลี่ยวสำหรับผู้หญิงที่ยังสาวนั้นเป็นเรื่องยาก แม่มะลิเองรู้จักกับพวกฝรั่งที่มาทำการค้าและรับราชการในพระนครอยู่พอสมควร บางวันที่นึกครึ้มอกครึ้มใจก็จะจัดปาร์ตี้เล็กๆ แล้วชวนผู้ชายเหล่านั้นมา
เธอได้เปิดบริสุทธิ์ก็เพราะเธอชวนมาปาร์ตี้ที่บ้านแบบนี้ ยังจำได้ดีว่าวันนั้นที่กลับบ้านไป เธอโดนดุ้นใหญ่ๆ ของผู้ชายชาวฝรั่งเศสทะลวงถ้ำเสียจนเจ็บปวดส่วนสงวนถึงขั้นจับไข้
โชคยังดีที่นางเยื้อนรู้เรื่องแล้วต้มยาแก้ไข้กับยาคุมกำเนิดให้กินเสียก่อน จึงไม่ต้องเชิญหมอมาให้ความแตก
หลังจากวันนั้น พอร่างกายหายดีคุณหนูที่ติดใจในรสกามกามาก็หาเรื่องกลับไปบ้านแม่มะลิอีกครั้งจนได้รู้ว่าวันไหนเธอจะจัดปาร์ตี้บ้าง พอรู้แล้วจึงใช้ข้ออ้างว่ามาเรียนภาษาอังกฤษ และได้นายเลิศซึ่งเป็นคนขับรถคนเก่ามาส่งอยู่บ่อยๆ
โชคดีที่นายเลิศนั้นมีนิสัยเหมือนนายเขื่อง ถึงจะอายุมากแล้วแต่ไม่สอดปากยุ่งเรื่องของเจ้านาย เรื่องที่เธอมาบ้านแม่มะลิบ่อยๆ ก็ไม่เคยถูกแพร่งพรายเช่นกัน
“ข้างในตกแต่งหรูหรามากเลยนะเจ้าคะ” นางรุ้งเอ่ยขึ้นอีกอย่างตื่นเต้น คุณหนูได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้ายิ้มๆ นอกจากนั้นก็ยังโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้บ่าวคนสนิท ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา
“วันนี้มีผู้ชายหลายคน หล่อนก็เลือกเอาแล้วกันว่าอยากนอนกับคนไหน เรือนแม่มะลิมีห้องส่วนตัวอยู่ด้านหลัง”
“จริงหรือเจ้าคะคุณหนู” นางรุ้งตาโตเอ่ยถามคุณหนู เล่นเอาคนเป็นเจ้านายขมวดคิ้วมอง
“ก่อนออกมาฉันก็บอกแล้วอย่างไรว่าให้เตรียมตัวเอาไว้ วันนี้จะทำตามสัญญา”
“เรื่องนั้นบ่าวรู้เจ้าค่ะ แต่หมายถึงบ่าวเลือกได้เลยหรือเจ้าค่ะ บ่าวเป็นแค่บ่าวเท่านั้น” เห็นเจ้านายขมวดคิ้วใส่แบบนั้นนางรุ้งก็พลันยอบตัวลง ใบหน้าสลดดวงตาช้อนมองคุณหนูทับทิมเหมือนเด็กโดนผู้ใหญ่ดุ
ท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวเสียจนคุณหนูทับทิมจำต้องหันมาแตะไหล่เบาๆ
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น ฉันไม่ได้ดุหล่อน”
“เจ้าค่ะ”
“ส่วนเรื่องที่ถาม คนที่นี่ไม่มีใครสนใจหรอก ครั้งที่แล้วฉันก็เอ่ยปากบอกแม่มะลิไปแล้วว่าเดี๋ยวจะพาคนของฉันมาด้วย แม่มะลิเองยังบอกว่าดี หนุ่มๆ พวกนั้นจะได้ลิ้มลองผู้หญิงใหม่ๆ บ้างวันนี้ฉันถึงให้หล่อนแต่งตัวดีๆ อย่างไรเล่า”
คุณหนูทับทิมเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ไม่ค่อยได้เห็นที่บ้านของเจ้าสัวเกียงนัก ยืนรอไม่นานบ่าวคนเดิมก็เดินออกมาเชื้อเชิญทั้งสองคนเข้าไปด้านในซึ่งอยู่ลึกเข้าไปเกือบถึงหลังบ้าน
ทันทีที่เดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงเพลงเบาๆ จากเครื่องเล่นแผ่นเสียงและการพูดคุย รวมถึงกลิ่นของยาสูบนั้นคละคลุ้งไปทั้งห้อง นางรุ้งที่ไม่คุ้นเคยนักขยับจมูกฟุดฟิดทว่าไม่นานก็ปรับตัวได้ดวงตากลมโตของบ่าวหน้าสวยมองกวาดไปรอบห้อง
เมื่อเห็นฝรั่งผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาลำตัวสูงใหญ่หลายคนมองมาทางตัวเองจากที่เคยเก่งก็พลันประหม่า ครั้นจะหลบหลังเจ้านายตัวเองคุณหนูก็เดินเข้าไปกอดทักทายกับแม่มะลิผู้เป็นเจ้าของบ้านเสียแล้ว
“อ้าวแม่ทับทิม มาแล้วรึ” แม่มะลิหญิงสาวลูกครึ่งนั้นเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง คุณหนูทับทิมได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับ
“สบายดีหรือไม่แม่มะลิ”
“ไอสบายดี ยูล่ะ” แม่มะลินั้นแม้ว่าจะเกิดและโตที่สยามแต่นิสัยนั้นฝรั่งไม่ต่างจากแหม่มคนหนึ่ง บางคราวก็พูดกับเธอเป็นภาษาอังกฤษ โชคดีที่คุณหนูเองก็พูดภาษาอังกฤษได้ทั้งสองคนจึงสนิทกันอย่างรวดเร็ว
“ไอก็สบายดี นี่คือรุ้งคนที่ไอบอกว่าจะพามาด้วย” เธอตอบก่อนจะผายมือมายังนางรุ้งที่ยืนอยู่ข้างหลัง
วันนี้นางรุ้งนั้นไม่ได้ดูเหมือนบ่าวนัก เพราะมันไว้ผมปล่อยยาวถึงกลางหลัง อีกทั้งยังแต่งตัวแบบสมัยใหม่ใหม่ไม่ได้นุ่งโจงกระเบนห่มสะไบเหมือนอย่างตอนที่อยู่บ้าน แต่สวมเสื้อคอบัวมีแขนและกระโปรงที่คุณหนูยกให้
แม่มะลิมองมาที่นางรุ้งแล้วก็ยิ้มอย่างพออกพอใจ เธอปล่อยมือจากคุณหนูทับทิมก่อนจะเดินเข้าไปหามัน มือสวยจับแขนนางรุ้งทั้งสองข้างยกขึ้นสำรวจเนื้อตัว ก่อนจะจับมันหมุนเสียหนึ่งรอบ
“บ่าวยูรึแม่ทับทิม”
“คนสนิทเลยล่ะ มันเหมือนไอหลายอย่างเลยเชียวแม่มะลิ แต่มันเคยนอนแต่กับผู้ชายสยาม วันนี้ไอเลยจะพามันมาลิ้มลองฝรั่งดู”
“ถ้าติดใจขึ้นมา ไอขโมยบ่าวแม่ทับทิมมาเป็นของตัวเองไม่รู้ด้วยนา” พูดจบทั้งสองคนก็หัวเราะขึ้นมา เล่นเอานางรุ้งถึงกับงงงวย
“ไม่ได้สิแม่มะลิ จะมาขโมยบ่าวของไอได้ยังไง”
“ก็หากมันเกิดติดใจดุ้นฝรั่งจนอยากมาอยู่เรือนนี้…” แม้มะลิเว้นเสียงไปก่อจะหันมายิ้มให้นางรุ้ง
“พูดไปเรื่อยน่าแม่มะลิ ว่าแต่อย่าไปบอกพวกนั้นนาว่ามันเป็นบ่าว ไอเสียดายหน้าสวยๆ ของมัน กลัวผู้ชายพวกนั้นจะปฏิบัติกับมันไม่ดีด้วยหากรู้เข้า” ถึงแม้จะพูดว่าไม่มีใครสนใจแต่คุณหนูทับทิมก็เป็นห่วงบ่าวขอตัวเองอยู่พอสมควร
ถึงจะเคยเห็นมิตรสหายของแม่มะลิจูงมือบ่าวสาวๆ ของบ้านนี้เข้าไปขย่มในห้องอยู่บ่อยๆ แต่เธอก็ยังอดเป็นห่วงนางรุ้งไม่ได้ ยุคนี้ถึงเลิกทาสไปแล้วแต่ยังมีสังคมศักดินานายบ่าวอยู่อย่างแน่นหนัก ถึงเป็นฝรั่งก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะมองคนไม่เท่ากันแล้วทำนางบ่าวของเธอเจ็บตัวหรือไม่
“ไม่ต้องห่วงหรอกแม่ทับทิม พวกนั้นไม่ถือ ยิ่งเป็นบ่าวสวยๆ แบบนี้ยิ่งเอามัน” แม่มะลิจีบปากจีบคอพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ หันมามองสำรวจเนื้อตัวของนางรุ้งจนเจ้าตัวพลันรู้สึกเขินอาย
“ไอเป็นห่วงมันน่ะสิ เดี๋ยวจะฝากให้มันอยู่ที่นี่กับแม่มะลิสักพักด้วย” ทว่าเมื่อเห็นว่าคุณหนูทับทิมเป็นกังวลเกี่ยวกับบ่าวคนสวยนี้พอสมควร สุดท้ายแม่มะลิจึงพยักหน้ารับก่อนจะหันไปแตะแขนขาวของเจ้านายนางรุ้ง
“เอาเถอะๆ เอาเป็นว่าไอรับปากแล้วกัน แล้วยูจะไปไหนถึงจะฝากมันไว้กับไอ” ถึงอย่างนั้นก็อดถามไม่ได้ด้วยความสงสัย เพราะปกติตอนที่คุณหนูมาบ้านหลังนี้ก็จะมาอยู่ร่วมสังสรรค์นานหลายชั่วโมงถึงจะกลับ
“ไปคุยกันตรงนู้นเถอะแม่มะลิ แต่ก่อนอื่นยูพาแม่รุ้งไปส่งให้พวกนั้นก่อน ดูสายตาที่มองแม่รุ้งสิ ท่าทางหิวโหยจนน้ำลายไหลย้อยกันหมดแล้ว” คุณหนูกระเซ้ายิ้มๆ พยักหน้าเป็นอันรู้กันกับแม่มะลิ
ไม่นานเจ้าของบ้านก็พานางรุ้งเดินเข้าไปหากลุ่มหนุ่มๆ ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ที่ชุดเก้าอี้นวมมุมหนึ่งของห้อง ฝรั่งพวกนั้นล้วนพูดภาษาสยามได้จึงไม่มีปัญหาในการสื่อสารกับนางรุ้งเลยแม้แต่น้อย
“มิสทับทิม ไอคิดถึงยูม้าก!” ทว่ายังไม่ทันที่แม่มะลิจะได้เดินกลับมา จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มชาวดัตช์ปลีกตัวจากเพื่อนคนอื่นเดินเข้ามาหา มือหนาโอบเอวบางก่อนจะโน้มใบหน้าลงจูบที่ริมฝีปากแดงปลั่ง
ปลายลิ้นสอดเข้ามาพัวพันอย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกันมือที่วางไว้บนหลังเอวบางก็พลันลูบลงต่ำ ก่อนจะขยำบั้นท้ายมนเสียเต็มอุ้งมือจนคุณหนูคนสวยเผลอครางในลำคอ แอ่นสะโพกล้อไปกับจังหวะนวดเฟ้นของชายหนุ่มอย่างยั่วเย้า
ละทิ้งภาพลักษณ์คุณหนูผู้เรียบร้อยดังผ้าพับไว้ไปจนหมดสิ้น
“เดิร์ค ไอก็คิดถึงยูเหมือนกัน” คุณหนูว่าพลางลูบมือไปตามกรอบหน้าคมคาย ชายหนุ่มตาน้ำข้าวคนนี้เป็นคนล่าสุดที่เธอได้ระเริงกามด้วย ทั้งสองคนร่วมเตียงกันหลายครั้งในห้องส่วนตัวของบ้านแม่มะลิ
เดิร์คเป็นอีกคนหนึ่งที่เธอติดใจและยอมอ้าขาให้ทะลุละลวงอยู่หลายครั้งเพราะชายหนุ่มเป็นพวกเอาเก่ง รู้ว่าต้องจับตรงไหนต้องกระแทกอย่างไรผู้หญิงถึงจะดิ้นพล่านเสร็จสมจนตัวสั่น
ครั้งสุดท้ายที่ได้เสียกัน เธอก็เสร็จคาดุ้นใหญ่ยาวของเขาเสียหลายทีจนน้ำแทบหมดตัว กลับบ้านไปทีขาสั่นจนน่ากลัวว่าคุณแม่จะจับได้
อีกทั้งเดิร์คนั้นยังพูดรู้เรื่องมากกว่าคนอื่นๆ เรื่องไม่ทำรอย เขารู้ว่าเธอยังไม่ได้แต่งงานและยังอยู่กับพ่อแม่ คงไม่เป็นการดีนักหากพ่อเห็นรอยขบดูดจากการร่วมรักเข้า
หากเธอถูกจับได้ดีไม่ดีคงถูกจับคลุงถุงชน และไม่มีโอกาสได้มาสังสรรค์ในปาร์ตี้ที่บ้านของแม่มะลิอีก ตัวเขาก็จะอดนอนกับเธอเช่นกัน ดังนั้นการที่เขาไม่ทำรอยบนตัวเธอเลยจึงเป็นการรักษาประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย
“วันนี้ยูพาเพื่อนมาด้วยเหรอ” ภาษาสยามสำเนียงแปร่งๆ ตามประสาฝรั่งถามขึ้น ขณะที่มือหนาของชายหนุ่มล้วงเข้ามาในตัวเสื้อของเธอ ลูบไล้หน้าอกสวยผ่านเสื้อทรงพริ้นเซสก่อนจะบีบเบาๆ แบบไม่เกรงใจสายตาใคร
คุณหนูทับทิมเองก็ไม่ได้ใจเรื่องนั้นเช่นกันเพราะรู้ดีว่าในนี้ไม่มีใครสนใจเรื่องการจับเนื้อต้องตัวแบบนี้อยู่แล้ว เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยในปาร์ตี้ของแม่มะลิจนเป็นเรื่องปกติ
“ใช่ เพื่อนไอไม่เคยนอนกับฝรั่งแบบยู เลยอยากมาลองดู”
“แล้วยูล่ะ อยากนอนกับฝาหรั่งหมาย” เดิร์คโน้มใบหน้าเข้ามาคลอเคลียที่ข้างแก้ม ก่อนจะจับจูงมือของหญิงสาวไปจับที่เป้ากางเกงของตัวเอง ที่ตอนนี้มีงูเหลือมยักษ์ซึ่งกำลังตื่นตัวซุกซ่อนอยู่
ยิ่งเธอจับๆ นวดๆ ก็ยิ่งแข็งขึ้นเป็นลำดันเนื้อผ้าออกมา ส่วนสงวนของตัวเธอนั้นถูกชายหนุ่มจับลูบนอกเนื้อผ้าเช่นกัน คุณหนูทับทิมสูดปากอย่างเสียวกระสัน
“ไอคงไม่ได้อยู่เล่นกับยูนะ แค่พาเพื่อนมาส่งก็จะกลับแล้ว พอดีไอมีเรื่องต้องไปทำ” ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสติมากพอที่จะเอ่ยปฏิเสธไป ทำเอาชายหนุ่มหัวทองถึงกับโอดครวญเสียยกใหญ่
“ไปทำเรื่องอาราย สำคัญมากกว่าการเอากับไอเลยเหลอ” สิ้นคำถามคุณหนูก็ยิ้มหวานก่อนจะพยักหน้า ดวงตาสวยมองออกไปทางหน้าบ้านของแม่มะลิ แม้ว่าที่จริงจะติดใจเดิร์คมากก็ตามที
“สำคัญมากเลยล่ะ”