เธอมองสายน้ำตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเบิกบาน สัมผัสถึงความเย็นที่สัมผัสกับผิวกายเป็นระยะๆ
“พี่จะเป่าขลุ่ยให้แก้วฟัง” กล้าบอกแล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะปีนขึ้นไปหยิบขลุ่ยที่เก็บเอาไว้บนหลังคาท่าน้ำ เขาทำคล้ายๆ กับที่เก็บของมีกุญแจสามารถไขได้
“พี่กล้าเป่าขลุ่ยเป็นด้วยเหรอคะ”
“เป็นสิ พี่ชอบเป่าขลุ่ยเวลาพี่อารมณ์ดีๆ เหมือนตอนนี้ และอยากเป่าขลุ่ยให้ผู้หญิงที่พี่รักฟังก่อนนอน จะได้หลับฝันดี” น้ำคำแสนหวานของเขาทำให้สาวน้อยพวงแก้มแดงเรื่อ เสมองไปทางอื่นอย่างเขินอายไม่กล้าสบสายตาอ่อนโยนคู่นั้น
เสียงขลุ่ยอ่อนโยนในยามราตรีทำให้สาวน้อยยิ้มกว้างอย่างเป็นสุข เขากำลังเป่าขลุ่ยเกี้ยวเธอให้เขินอาย ดวงตาของเขาทำให้เธอล่องลอยไปตามเนื้อเพลงหวานคล้ายต้องมนตร์สะกด
“เพราะมากๆ เลยค่ะพี่กล้า” เธอตบมือเอ่ยชื่นชมด้วยดวงตาเป็นประกาย สาวน้อยเริ่มคุ้นชินกับชายหนุ่มมากขึ้น เธอไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าอีกต่อไป
“ขอบใจจ้ะ พี่ก็พอเป่าได้” เขายกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างอายๆ รอยยิ้มของสาวน้อยทำให้โลกอันเงียบเหงาของเขาสว่างไสวขึ้นทันตาเห็น
“พี่กล้าเก่งมากๆ เลยค่ะ ไม่ใช่ว่าพอเป่าได้ แต่เพราะมากๆ เลยค่ะ”
“ดีใจที่แก้วชอบ”
“พี่กล้าชอบเพลงไทยเดิมเหรอคะ” สาวน้อยเอ่ยถามเมื่อเห็นเขาเอาแต่เป่าขลุ่ยเพลงไทยเดิม
“ใช่จ้ะ พี่เป่าเพลงไทยเดิมได้หลายเพลงเลยนะ เพลงไทยเดิมเพราะ แล้วก็เป็นอมตะ ฟังแล้วไม่เบื่อ เอ๊ะ! แต่แก้วรู้จักเพลงไทยเดิมด้วยเหรอ” เขาเผลอถาม แล้วก็อยากจะฆ่าตัวตายเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาว
“ทำไมพี่กล้าถามแปลกๆ ล่ะคะ ก็พี่กล้าเป็นคนเป่าขลุ่ยเพลงไทยเดิมให้แก้วฟังไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงถามว่าแก้วรู้จักหรือเปล่า” สาวน้อยถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ... พี่หมายถึงว่าแก้วจำอะไรไม่ได้ แต่จำเพลงไทยเดิมที่เป่าให้ฟังทุกวันได้ไงจ๊ะ ก็เลยแปลกใจ” เขารีบแก้ตัว ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อได้ยินประโยคของเธอ
“แก้วจำได้ค่ะว่าเคยฟัง สงสัยว่าแก้วจะจำได้เพราะพี่เป่าขลุ่ยเพลงไทยเดิมพวกนี้ให้ฟังประจำแน่ๆ เลยค่ะ”
“จ้ะๆ แล้วพี่ก็เปิดเพลงพวกนี้ฟังทุกคืนด้วยนะ” กล้ารีบบอก ซึ่งเรื่องนี้เขาไม่ได้พูดโกหกเลยแม้แต่น้อย เขาชอบเปิดเพลงไทยเดิมฟังทุกคืน แค่ว่าฟังคนเดียวเท่านั้น จริงๆ แล้วเธออาจจะเป็นคนชอบฟังเพลงไทยเดิมมาแต่แรก จึงไม่แปลกที่จะคุ้นเคยและจดจำมันได้ เพราะขนาดเธอทำอาหาร เธอยังทำมันได้อย่างคล่องแคล่ว
“นั่นไง แก้วก็เลยจำได้นี่เอง” รอยยิ้มของเธอทำให้เขาตาพร่า
“เดี๋ยวพี่เป่าเพลงอื่นให้ฟังอีกนะ” เขาเอ่ยบอก ก่อนจะรีบเป่าขลุ่ยเพลงอื่นให้สาวน้อยฟังเพื่อหันเหหัวข้อสนทนา
เพลงไทยเดิมเก่าๆ ทั้งเพลงลาวดวงเดือน* และอีกมากมายถูกเสียงขลุ่ยขับกล่อมให้สาวน้อยอิ่มเอมไปด้วยความสุข
โอ้ละหนอ ดวงเดือนเอย พี่มาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ว่าดึกแล้วหนอ พี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นห่วงรักเจ้าดวงเดือนเอย
ขอลาแล้วเจ้าแก้วโกสุม (เอื้อน) พี่นี้รักเจ้าหนอขวัญตาเรียม
จะหาไหนมาเทียมโอ้เจ้าดวงเดือนเอย (ซ้ำ)
หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้ หอมกลิ่นคล้ายคล้ายเจ้าสูเรียมเอย (ซ้ำ)
หอมกลิ่นกรุ่นครันหอมนั้นยังบ่เลย เนื้อหอมทรามเชยเอยเราละเหนอ
“ง่วงหรือยัง ขึ้นนอนกันเถอะ”
คำชวนของเขาทำให้สาวน้อยแก้มแดงเรื่อ เมื่อคิดว่าตัวเองต้องนอนร่วมห้องกับเขา แต่มือหนาที่ยื่นมาตรงหน้า ทำให้เธอยื่นมือวางไปบนมือใหญ่ที่แสนอบอุ่นด้วยความเผลอไผลเหมือนต้องมนตร์สะกด เธอบอกตัวเองว่าการนอนห้องเดียวกับเขาไม่ใช่เรื่องน่าอาย ในเมื่อเขาเป็นสามีของเธอนี่นา
“ฝันดีนะครับ พี่จะนอนข้างนอก แก้วนอนในห้องนะ”
คำพูดของเขาทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองอย่างงุนงง เขาจึงให้เหตุผลที่ทำให้เธอยิ้มตามในความน่ารักนั้น
----------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
เพลงลาวดวงเดือน* ประวัติของเพลงลาวดวงเดือน มีอยู่ว่า เมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมได้เสด็จไปนครเชียงใหม่ และเกิดชอบพอกับเจ้าหญิงชมชื่น พระธิดาองค์โตของเจ้าราชสัมพันธวงศ์และเจ้าหญิงคำย่น ณ ลำพูน โปรดให้ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพเป็นเถ้าแก่เจรจาสู่ขอ แต่ได้รับการทัดทาน ไม่มีโอกาสที่จะได้สมรสกัน ทำให้พระองค์โศกเศร้ามาก และได้ทรงพระนิพนธ์เพลงนี้ขึ้น เมื่อใดที่ทรงระลึกถึงเจ้าหญิงชมชื่น ก็จะทรงดนตรีเพลงลาวดำเนินเกวียน (ลาวดวงเดือน) เพลงนี้ หรือให้มหาดเล็กเล่นให้ฟังมาตลอดพระชนม์ชีพ และสิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุได้เพียง 28 พรรษา ด้วยโรคปอดเรื้อรัง ซึ่งบ้างก็ว่าทรงตรอมพระทัยเพราะความอาลัยรัก
“พี่รู้ว่าแก้วเกร็งเพราะจำอะไรไม่ได้ แถมยังจำไม่ได้ว่าพี่เป็นสามี พี่เลยไม่อยากให้แก้วกังวลกับความไม่คุ้นเคยที่ต้องนอนเบียดกับคนแปลกหน้าอย่างพี่ แก้วนอนเถอะ พี่นอนข้างนอกได้ ไม่ต้องเป็นห่วง” เขาถือโอกาสจุมพิตหน้าผากของเธอ ก่อนจะปิดประตูให้อย่างเบามือ
สาวน้อยยกมือขึ้นสัมผัสที่หน้าผากสวยด้วยใบหน้าแดงก่ำ แนบแผ่นหลังกับประตูด้วยความรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจ ก่อนจะเดินไปสวดมนต์แล้วทิ้งตัวลงนอนด้วยรอยยิ้มในความเป็นสุภาพบุรุษของชายหนุ่มที่เป็นสามี เสียงเพลงไทยเดิมที่ถูกเปิดจากเครื่องเล่นทำให้สาวน้อยนอนมองประตูด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความสุขใจ
กล้านอนยิ้มกับสัมผัสที่เขาได้จุมพิตหน้าผากนูนเกลี้ยงของสาวน้อย กลิ่นหอมของเรือนร่างและผมนุ่มสลวยยังติดตรึงทำให้เขานอนหลับฝันดี
สายตาอ่อนโยนซื่อๆ ของกล้าหันมองประตูห้องนอนด้วยความรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวาน เขาจะต้องทำให้เธอรักเขาให้จงได้ ชายหนุ่มบอกตัวเองอย่างหมายมั่น เสียงเพลงไทยเดิมไพเราะขับกล่อมให้เขานอนหลับฝันดีในเวลาต่อมา...
วันรุ่งขึ้นของวันใหม่ที่อากาศสดใส แสงแดดอ่อนๆ ที่อุดมไปด้วยวิตามินดี กล้าลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาอย่างขะมักเขม้น เขาออกไปพรวนดิน รดน้ำต้นไม้ตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนจะเก็บผักและปลากลับมาทำอาหารมื้อเช้า ชายหนุ่มทำไร่ทำสวน ทำงานกลางแจ้งจึงบริโภคข้าวและอาหารหนักๆ ในมื้อเช้าเพื่อเพิ่มแรง
หญิงสาวที่ตื่นนอนนานแล้วลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน ปัดกวาดเช็ดถูบ้านรอสามีกลับมา ก่อนจะช่วยกันปรุงอาหาร วัตถุดิบส่วนใหญ่เป็นของที่มีอยู่รอบบ้านสวนอันร่มรื่น ทั้งผัก ปลา ไก่ หรือแม้กระทั่งเห็ด ที่ชายหนุ่มเป็นคนเพาะเอง เขานำไปส่งขายที่ร้านค้าประจำในตัวเมือง ที่เหลือก็เก็บกิน
“วันนี้ทำอะไรทานกันดีแก้ว พี่เก็บเห็ด จับปลาช่อน แล้วก็เก็บผักข้างรั้วมาด้วยนะ แล้วนี่ไก่ พี่ถอนขนเรียบร้อยแล้ว” เขาหยิบขาไก่ขึ้นมาจากกะละมัง ไก่ทั้งตัวที่โดนลวกน้ำร้อนถอนขนออกจนหมดจึงมาอยู่ตรงหน้าเธอ
“ว้าย! พี่กล้า พี่ฆ่ามันเหรอจ๊ะ สงสารมันจัง” เธอร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นไก่ที่โดนถอนขนเรียบร้อยแล้วตรงหน้า
“เปล่าจ้ะแก้ว พอดีมันทะเลาะกันเลยโดนชนตาย พี่เลยเอามันมากิน พี่ไม่ได้ฆ่ามันหรอกจ้ะ”
กล้ารีบอธิบายเมื่อเห็นเธอส่ายหน้าไปมา มองไก่ในมือเขาด้วยความสงสาร ขนาดปลาเขาต้องฆ่าให้ตายก่อนเพราะเธอบอกว่าไม่อยากฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ถ้ามันตายแล้วไม่เป็นไร แต่ถ้าให้ฆ่าเลือดตกยางออกกันสดๆ เธอบอกว่าใจไม่กล้าพอ ขอกินผักหญ้าดีกว่า
กล้าเองก็คิดว่ามันเป็นอาหารของมนุษย์ เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พยายามฆ่ามันให้ทรมานน้อยที่สุด เพราะเขาอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกข้าวกินเอง ปลูกผัก เพาะเห็ด เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ อาหารการกินแทบไม่ต้องซื้ออะไรเลย นอกจากเครื่องครัวบางอย่างเท่านั้น
“ค่อยโล่งใจหน่อยค่ะ นึกว่าพี่กล้าฆ่ามันเสียอีก”
เธอมีสีหน้าดีขึ้น ทั้งสองปรึกษากันเพียงครู่ ก่อนจะคิดเมนูขึ้นมาได้หลายเมนู มีไก่ต้มข่า วัตถุดิบที่เป็นมะพร้าวและข่ามีอยู่ใกล้ๆ บ้าน กล้าปลูกมะพร้าวไว้หลายต้น มีทั้งมะพร้าวเอาไว้แกงและส่งทำกะทิขาย มะพร้าวน้ำหอมไว้ดื่มและเก็บส่งขายก็แทบไม่ทัน อีกทั้งผลหมากรากไม้มากมายเหลือกินเหลือใช้