"ท่านแม่ ต้องเรียกเสี่ยวเจิ้งว่าคุณหนูได้แล้วท่านอ๋องหายจากอาการบาดเจ็บ ท่านอ๋องจะจัดงานเปิดตัวบุตรีบุญธรรม"
ป้าจงอ้าปากค้าง
"เป็นวาสนาของเจ้าแล้วสวรรค์คงเห็นใจเจ้าลำบากมาไม่น้อยดีแล้วต่อไปข้ากับหลินลี่จึงวางใจ"
จงหลินพยักหน้ากุมมือเสี่ยวเจิ้งที่ส่ายหน้าไปมา ส่งภาษามือให้เข้าใจว่าหากทั้งจงหลินและป้าจงไม่อยู่ที่นี่ด้วยกัน เสี่ยงเจิ้งก็ไม่อยู่
จงหลิน จับให้เสี่ยวเจิ้งนั่งลงแปรงผมให้ช้าๆ
“ดูนี่ ดูใบหน้างดงามของเจ้าก่อนเเสี่ยวเจิ้ง ทุกอย่างเป็นเพราะสวรรค์กำหนดไว้แล้ว ว่าเจ้าจะต้องเป็นบุตรีบุญธรรมของท่านอ๋อง”
“พวกเจ้าก็อยู่ด้วยกันเสียที่นี่ คอยดูแลเสี่ยวเจิ้ง นางอาภัพพูดไม่ได้บางทีพวกเจ้าอาจเข้าใจที่นางพูดแล้วส่งต่อมายังข้า”
องครักษ์ข้างกายหยวนกังเข็นรถเข็นที่ชิงกวานอ๋องนั่งบนนั้นเข้ามาในห้อง เสี่ยวเจิ้ง จงหลินและป้าจงต่างย่อกายลงตรงหน้าอย่างอ่อนช้อย
“เสี่ยวเจิ้ง ข้าไม่ส่งสาวใช้ให้เจ้าเพราะกลัวว่าเจ้าจะอึดอัด ให้แม่นางจงแม่ลูกคอยดูแลเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าก็คงต้องการเช่นนี้ พรุ่งนี้ให้ช่างตัดอาภรณ์ชุดใหม่ให้พวกเจ้าเข้ามาวัดตัวในจวนอ๋อง และให้ร้านเครื่องประดับนำเครื่องประดับมาเยอะหน่อยให้พวกเจ้าเลือก”
“ขอบคุณท่านอ๋อง”
จงหลินเอ่ยปากแทนคนทั้งหมด ที่ย่อกายลงพร้อมกันอีกครั้ง
“เฮ้อ สมบัติมากมายของข้าเวลาใกล้จะตายไปก็กลับติดตัวไปไม่ได้ แม้มีสมบัติมากมายจะจ้างคนคุ้มกันก็ไม่มีใครมาทันเวลา มีเพียงเจ้าเสี่ยวเจิ้งที่มือเปล่าช่วยข้าไว้ยามยาก หากจะพูดไป ข้ากับเจ้าคงมีวาสนาเกื้อกูลกันมาก่อน”
เสี่ยวเจิ้งยิ้มส่งสัญญาณมือแสดงความขอบคุณ
“หยวนกังรับคำสั่ง ต่อไปคุณหนูให้เรียกคุณหนูเจิ้งเหม่ยอิง และเชื่อฟังคำสั่งคุณหนูเหมือนดังคำสั่งของข้า”
"น้อมรับคำสั่งท่านอ๋อง”
หยวนกังประสานมือ หันไปสบตากับเสี่ยวเจิ้งยิ้มๆ
“อีกไม่มีกี่วันเมื่อข้าหายดีจึงจัดงานรับขวัญเจ้าดีไหม เพื่อประกาศออกไปทั่วเขตวังหลวงว่าชิงกวานอ๋องรับบุตรีบุญธรรม ที่งดงามเพียบพร้อม”
เสี่ยวเจิ้งโบกมือห้ามว่าไม่ควรจัดงาน
"ไม่ได้ ข้าชิงกวานอ๋องไร้ภรรยาและลูกได้เจ้าคอยเกื้อกูล เจ้าช่วยชีวิตข้าข้ามอบทุกอย่างให้เจ้าจึงสมควรแล้วต่อไปอย่าถือเป็นบุญคุณเพราะนี่คือข้าที่ต้องตอบแทนเจ้าที่ช่วยชีวิตข้า"
จงหลินดึงเสี่ยงเจิ้งให้ย่อกายลงพร้อมกัน
อู่อินเฉิงก้าวขายาวๆ ป้อคุนก้าวตามแทบไม่ทัน
"ฝ่าบาท ช้าหน่อยพ่ะย่ะค่ะ"
"ส่งคนตามสืบที่มาที่ไปของเสี่ยวเจิ้งคนนั้นให้เร็วที่สุด ก่อนที่ท่านอาจะยกย่องนางในตำแหน่งใดๆ "
"ฝ่าบาท ท่านอ๋องไม่มีภรรยาและลูกรับนางเป็นลูกบุญธรรมก็เหมาะสมยิ่งแล้ว"
"ท่านอาเป็นน้องคนเล็กของเสด็จพ่อ ยังหนุ่มแน่นอีกทั้งยังไม่มีภรรยาเป็นคนอ่อนโยนมีไมตรี แล้วยังรูปงามเป็นหนึ่งเจ้าคิดว่าหญิงยากไร้ที่เข้ามาเพื่อต้องการแค่เพียงที่พักพิงหรือไร"
"แต่หากท่านอ๋องจะยกทรัพย์สมบัติให้นางก็ไม่แปลก เพราะนางช่วยชีวิตท่านอ๋องหรือหากท่านอ๋องจะยกย่องนางเป็นภรรยานั่นก็ยิ่งไม่แปลก เพราะท่านอ๋องเองยังหนุ่มแน่นเพิ่งจะสามสิบต้นๆ ฝ่าบาท จะทรงห้ามปรามท่านอ๋องได้หรือไร"
อู่อินเฉิงหยุดเดินหันมามองป้อคุน
"ข้าจะทำทุกวิถีทางไม่ให้ใครหลอกลวงท่านอา ข้าเชื่อว่าหญิงนางนี้ไม่ได้เข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ"
ป้อคุนถอนหายใจประสานมือจากไป
อู่อินเฉิงก้าวเดินเข้าไปในตำหนักชิงหนิงกง หมิงเยว่นั่งเย็บหอมสีชมพูสีที่อู่อินเฉิงโปรดปราน
“หมิงเยว่ของข้า ช่างขยันเสียจริง ถุงหอมของข้าไม่เคยจะซ้ำกันในแต่ละวัน”
“หมิงเยว่เพียงได้ทำสิ่งเล็กน้อยให้กับฝ่าบาท”
คว้ามือบางซีดขาวมาจุมพิตเบาๆ
“เจ้าได้ข่าวท่านอาหรือไม่”เอ่ยปากถาม
“เพคะ”
“เจ้ามีความเห็นเช่นไร”
“ท่านอ๋องแม้จะเป็นคนที่จิตใจดีหัวอ่อนทว่า เวลามุ่งมั่นสิ่งใดไม่อาจเปลียนใจได้ง่ายๆ บางทีเรื่องนี้ฝ่าบาทควรจะปล่อยตามใจท่านอ๋อง”
“ครั้งนี้ท่านอาถูกลอบสังหาร ข้ายังไม่อาจแน่ใจได้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่ ที่คิดถึงกับเอาชีวิตท่านอา แต่ชิงกวานอ๋องเป็นคนสำคัญสำหรับข้า อีกทั้งมีความสำคัญต่อราชสำนักยิ่งกว่าใคร สามารถบัญชาการรบและจัดเก็บภาษีได้เคร่งครัดยุติธรรมข้าจึงเพียงแค่อยากจะกันท่านอาออกจากคนชั่ว หญิงนางนั้นบางทีอาจมีคนบงการ”
“ หากฝ่าบาทจะกันท่านอ๋อง ฝ่าบาทอาจจะต้องใช้ไม้แข็ง เพราะท่านอ๋องได้ตัดสินใจไปแล้ว แค่เพียงคำพูดโน้มน้าวคงไม่อาจกระทำ มิสู้ทำให้นางหายไปเสีย ก่อนที่ท่านอ๋องจะถลำตัวมากไปกว่านั้น”
“จริงด้วยทำไมข้าคิดถึงข้อนี้ไม่ได้นางมาดีมาร้ายไม่มีใครรู้แต่เพียงแค่ชั่วข้ามคืนท่านอาถึงกลับจะยกย่องนางเป็น บุตรบุญธรรมปล่อยไว้คงไม่ดีแน่”