“อืม ก็เฉพาะสาขาที่เราเรียนน่ะ” นอกจากสิจะไม่ว่าอะไรแล้ว เรื่องที่ทั้งคู่เกือบจะจูบกันอีกรอบเมื่อครู่ทำให้อิทรู้สึกโล่งอก
“ถ้าไม่ทำได้หลายๆ อย่างจะไม่ทันเขาเอาน่ะ” สิพูดเสริม
“อืม” อิทมองตามคำสั่งที่รูมเมทของเขาเขียน ก่อนจะค่อยๆ อธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจอย่างละเอียด
“ตรงนี้นายพิมพ์ตก นายไม่ได้ใส่เซมิโคลอนเดี๋ยวก็บัครันไม่ได้หรอก”
“เออ...จริงด้วย” สิรภพมองตามนิ้วมือเรียวของอีกฝ่ายที่คอยอธิบายรายละเอียดของโค้ดเกม และก็พบว่าเขาลืมเขียนจริงๆ เสียด้วย
“ขอบคุณนะ” สิพูดพลางยิ้มๆ
“ไม่เป็นไร” อิทถึงกลับผงะเมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้เขา ช่างเป็นรอยยิ้มที่สวยจนใจเขาแทบสั่นรัวๆ
ไม่ได้ๆ เราจะเคลิ้มไม่ได้ ต้องรีบดึงสติกลับมาก่อน
อิทธิพัชร์คิดพลางส่ายหัวไปมาเพื่อเรียกสติของตนเองกลับคืนมา
“ตรงนี้ด้วย นายลืมวงเล็บ” คนอะไรพิมพ์เร็วชะมัด แต่ก็เป็นพวกพิมพ์ตกเยอะสินะ อิทคิด
“อ่า...ใช่พิมพ์ตกจริงๆ ด้วย” สิรีบแก้ไขงานทันที ชายหนุ่มอดบ่นกับตัวเองไม่ได้ที่หลงๆ ลืมๆ
เสียงกดแป้นพิมพ์กับเสียงเอ่ยเตือนแนะนำยังคงดังต่อเนื่อง และดำเนินไปเรื่อยๆ เกือบๆ จะ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดมินิเกมเล็กๆ ของสิรภพก็สามารถทำงานตามคุณสมบัติ (requirement) ที่กำหนดไว้ตอนร่างแบบเกมได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ไร้ปัญหา
“จบสักที” สิร้องออกมาด้วยความดีใจพลางหันมาพูดกับอิทด้วยใบหน้าเบิกบาน
“ขอบคุณมากนะอิท”
เยส! งานเสร็จก่อนกำหนดเกือบเดือนเราว่างเล่นเกมแล้ว ฮ่าๆ สิคิดกับตัวเองอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
“อืม...ไม่เป็นไร”
“อ๊ะ! นี่เวลาผ่านมาไวขนาดนี้แล้วเหรอ?” สิเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่บอกว่าตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงเย็นแล้ว
“ไปทานข้าวกันนะ” อิทรีบเอ่ยชวนทันที
“โอเค...เดี๋ยวขอเปลี่ยนชุดก่อนนะ” สิพูดพลางถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อน้อยๆ บริเวณหน้าอกเปลือยเปล่า ซึ่งอิทถึงกลับกลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อเห็นภาพๆ นั้น
“อืม” ขาวจังเลย…
ทันใดนั้นภาพใบหน้าของสิพลันผุดขึ้นในสมองของเขาอย่างไม่รู้ตัว รวมกับสัมผัสอันอ่อนนุ่มของริมฝีปากคู่นั้นช่างอ่อนละมุนชะมัด เขาอยากจะสัมผัสอีกครั้งจังเลย...
ไม่ๆ หยุดนะ! หยุดคิด สิเขาเป็นผู้ชาย ไม่ได้ๆ ท่องไว้ๆ
“นายออกไปได้แล้ว” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังนั่งนิ่ง สิเลยรีบหันกลับมาไล่แล้วคว้าเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่พาดไว้ที่เก้าอี้ทำงานขึ้นมาใส่ ชายหนุ่มไล่ติดกระดุมอย่างรวดเร็วตามด้วยจะถอดบ๊อกเซอร์ออก
“โทษที” ร่างสูงรีบลนลานลุกขึ้นก่อนจะรีบเดินไปที่ประตูห้อง
“เอ่อ...นายอยากกินอะไรไหม?” อิทกลั้นใจหันกลับมาถามอีกครั้งพร้อมหัวใจดวงน้อยที่เริ่มไหวหวั่น
“นั่นสิ” สิรภพละมือออกจากขอบกางเกงที่กำลังจะดึงลงพลางยกมือจับคางทำท่าครุ่นคิด “บุฟเฟ่ต์ดีไหม?”
“เห็นว่าเลี้ยงเลยเอาเต็มที่เลยนะนาย” อิทเมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายก็ไม่วายที่จะเอ่ยแซวไปแบบไม่จริงจังนัก
“ฮ่าๆ แล้วจะเลี้ยงไหมล่ะ” สิยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“อืม...ร้านหน้ามอเป็นไง?”
“โอเค” ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะร้านบุฟเฟต์หน้ามอมีเป็น 10 ร้าน มีร้านอร่อยอยู่ตั้งหลายร้านเลย
“จะไปร้านไหนดีมีแต่ร้านอร่อยๆ เพรียบ”
“…” อิทเผลอมองคนตรงหน้าอย่างใจลอย ทำไมเขาถึงไม่เคยมองเห็นความน่ามองของสิมาก่อนเลยนะ นี่เราพลาดอะไรไปป่ะเนี่ย
“งั้นนายออกไปได้แล้ว” สิรภพรีบเอ่ยปากไล่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมออกไปสักที
“ผู้ชายเหมือนกันกลัวอะไร?” ที่ไล่นี่อายหรอ? แค่แอบมองนิดเดียวเอง แต่จะว่าไปแล้ว...หุ่นดีชะมัด
“ห้องมันแคบน่ะ” สิพูดพลางถอดบ๊อกเซอร์ตัวในออกอย่างเซ็งๆ เพราะในห้องของเขามันแคบจริงๆ ไหนจะตู้ โต๊ะ เตียง และของอย่างอื่นอีกสารพัด
“ทะ..โทษที” อิทรีบเสมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว พลางแอบเช็ดน้ำลายของตัวเองไม่ให้ไหลไปมากกว่านี้
“ถะ...ถ้าอย่างนั้น เราออกไปก่อนนะ” พอพูดจบร่างสูงก็รีบออกจากห้องไปทันที
“เป็นอะไรของมันวะ” สิส่ายหน้างงๆ เดี๋ยวนี้รูมเมทของเขาคนนี้นี่ดูเพี้ยนๆ ขึ้นทุกวัน ตั้งแต่อกหักมาก็ชอบทำตัวแปลกๆ ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะเลิกสนใจหันมาจัดการกับตัวเองต่อให้เสร็จเรียบร้อยเพื่อไปให้ทันกินข้าว
เวลา 12.30 น. ณ โรงอาหารกลาง
ท่ามกลางความวุ่นวายในยามเที่ยงวัน อิทธิพัชร์และผองเพื่อนตัดสินใจพากันมาจับจองที่นั่งในโรงอาหารกลางของมหาลัยหลังจากที่เรียนคาบสุดท้ายเสร็จ ระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่เงียบๆ จู่ๆ ยูกิก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นพูดขึ้น
“ช่วงนี้เงียบเลยนะยะ” ยูกิพูดพลางเหล่สายตามาที่อิท เธอจ้องมองเพื่อนหนุ่มอย่างจับผิดเพราะพักนี้อีกฝ่ายเริ่มมีท่าทางผิดแผกไปจากเดิม
“จะชวนไปไหนก็ไม่ไป...”
“...” เอาอีกแล้วนะ หาเรื่องให้ฉันเสียคนอีกแล้วนะยัยยูกิ อิทคิดกับตัวเองในใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ยูกิสาธยายออกมาเป็นฉากๆ
“อยู่แต่ในห้อง…อ่านแต่หนังสือ จะขยันเกินไปแล้วนะยะ” หญิงสาวมองมาที่อิทอย่างเอาเรื่อง เพราะปกติกลุ่มเธอจะเที่ยวกันอาทิตย์ละครั้ง ทว่าตั้งแต่เพื่อนของเธออกหัก เจ้าตัวก็ไม่ยอมไปเที่ยวกับพวกเธออีกเลย