1
"พริกขิง ปิดเทอมนี้ลูกต้องไปช่วยงานที่ไร่ชานะลูก" เสียงของพ่อเอ่ยบอกฉันระหว่างที่กำลังทานอาหารเย็นกัน โดยมีแม่ที่นั่งอยู่อีกฝั่งตรงข้ามกับฉัน
"ได้สิคะพ่อ ว่าแต่ขิงต้องทำอะไรในไร่บ้างคะ" ฉันไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไรถ้าพ่อจะให้ไปช่วยงานที่ไร่จริงๆ เพราะตัวเธอเองก็อยากจะฝึกฝนงานด้วย
"ก็แล้วแต่พี่ไทเกอร์ว่าเขาจะให้ลูกทำอะไร ปละอีกอย่างคือ ห้ามดื้อกับพี่เขาเด็ดขาดเข้าใจไหม"พ่อพูดพลางห้ามปรามฉัน อย่างห่วงๆ
"ทำไมหนูต้องไปทำงานกับนายนั่นด้วยล่ะ และอีกอย่างหนูโตแล้วนะพ่อ ไม่ต้องห่วงหรอก" ฉันได้แต่ทำหน้าบึ้งใส่พ่อทันทีที่พูดถึงชื่อนายนั่น ฉันไม่ชอบขี้หน้าหมอนั่นมาตั้งแต่เด็ก เพราะตอนเด็กหมอนั่นชอบแกล้งฉันบ่อยๆ แต่จะว่าไปก็ไม่ได้เจอกันมาเกือบ 8ปีแล้ว ป่านนี้คงจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ
"เอาหน่าลูก ตามนี้นะ เตรียมตัวไว้เลยนะ"พ่อตัดบท ก่อนจะลงมือทานอาหารตรงหน้าจนอิ่ม จึฃแยกย้ายกันเข้าห้อง
ฉันนอนอยู่บนเตียง พลางคิดถึงเรื่องที่จะต้องไปช่วยงานที่ไร่ช่วงปิดเทอมนี้ ซึ่งจะไปอาทิตย์หน้าแล้วฉันยังไม่อยากเจอหน้าหมอนั่นเลย แต่ทำไงได้ล่ะ พ่ออยากให้ไปทำนี่นา
ฉันลุกไปอาบน้ำ ก่อนจะมานั่งดูซีรี่ย์สักพักจึงปิดไฟเข้านอน เพราะพรุ่งนี้มีสอบไฟนอล กลัวว่าจะไปง่วงเอาตอนสอบได้
และแล้ววันนี้คือวันที่เธอต้องเดินทางไปไร่ที่อยู่ทางภาคเหนือ โดยมีพ่อกับแม่มาส่งที่สนามบิน พริกขิงร่ำลาพ่อกับแม่ไม่นานนัก ก็ใกล้จะถึงเวลาขึ้นเครื่อง
ระหว่างนั่งเครื่องบินเธอนอนหลับตลอดทาง ผ่านไปราวๆสองชั่วโมงจึงถึงสนามบินปลายทาง
เธอจัดการรับกระเป๋าก่อนจะเดินออกมาที่หน้าสนามบินเพื่อรอให้คนงานที่ไร่มารับ
"ขอโทษนะครับ คุณพริกขิงใช่ไหมครับ" เสียงหนาทุ้มดังขึ้นทางด้านหลังของเธอ ก่อนจะหันไปมองก็พบกับวิโรจน์คนงานที่อยู่ในไร่มานาน และสนิทกับพ่อมาก
"สวัสดีค่ะ ลุงโรจน์" หญิงสาวไหว้ชายหนุ่มวัยห้าสิบกว่าด้วยความเคารพนับถือ เพราะเขาเป็นคนที่ลำบากมากับพ่อของเธอ
"คุณหนูโตขึ้นเยอะเลยนะครับ เรารีบไปกันดีกว่าครับ คุณไทเกอร์รออยู่" วิโรจน์ช่วยเธอยกกระเป๋าก่อนจะพาไปที่รถกระบะคันเก่าที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้าของสนามบิน
ใช้เวลาในการเดินทางนานราว2-3ชั่วโมง ก็เข้ามาถึงบริเวณไร่ พริกขิงมองไร่ที่มีผักผลไม้สำหรับส่งออกมากมายเต็มสองข้างทาง ใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มบางๆด้วยความอิ่มเอมใจ
ไม่นานนักรถกระบะคันเก่าก็หยุดจอดที่บริเวณบ้านไม้สองชั้นขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บริเวณด้านในสุดของไร่ ห่างไปทางขวาราวๆสามกิโลเมตรจึงเป็นบ้านพักและโรงอาหารของคนงาน บริเวณด้านหลังของบ้านเป็นป่าใหญ่
"คุณหนูครับ นี่ครับกระเป๋า ผมต้องไปแล้วล่ะครับต้องไปตรวจงานในไร่นิดหน่อยครับ"
"ค่ะ ขอบคุณที่ไปรับขิงนะคะ"
วิโรจน์บอกลาหญิงสาวก่อนจะขับรถกระบะออกไป
หญิงสาวยกกระเป๋าเดินทางเข้าไปภายในบ้านที่เธอไม่ได้มาที่นี่นานหลายปี เธอมองไปรอบๆบ้านพลางเดินสำรวจ ก่อนจะพบกับหญิงสาวที่กำลังทำอาหารอยู่ภายในครัวและแม่บ้านวัยห้าสิบกว่าที่กำลังนั่งเด็ดผักอยู่
"คุณมาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"หญิงสาวที่กำลังทำอาหารหันมาเห็นเธอที่ยืนอยู่บริเวณหน้าประตูก็เอ่ยทักด้วยความสงสัย หญิงสาวเองก็เพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงปี ทำให้ไม่ค่อยรู้จักใคร
"ใครมาหน่ะ ยัยน้ำ ว้ายย! คุณหนู มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ" แม่บ้านวัยห้าสิบกว่าเอ่ยขึ้นถาม ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นคุณหนูที่เธอนั้นเคยเลี้ยงเมื่อตอนยังเด็ก แม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี แต่เธอก็ยังจำคุณหนูของเธอได้
"เพิ่งมาถึงเมื่อกี้ค่ะ พอดีไม่เห็นใครเลยเดินเข้ามาดูค่ะ ป้าแจ่มสบายดีมั้ยคะ"
"ป้าสบายดีจ้ะ ยัยน้ำไปเอาน้ำมาเสิร์ฟให้คุณหนูเร็ว คุณหนูคะ ไปนั่งก่อนเถอะค่ะ" แจ่มจันทร์รีบสั่งหญิงสาว ก่อนจะพาพริกขิงไปนั่งบริเวณห้องรับแขก
"ผู้หญิงคนเมื่อกี้คือใครเหรอคะ"
"อ๋อ มันชื่อ น้ำใส เพิ่งเข้ามาเป็นแม่บ้านเมื่อต้นปีนี่เองค่ะ อายุยี่สิบ มันเล่าให้ฟังว่าพ่อแม่ของมันจากมันไปตั้งแต่ยังเล็ก ก็เลยโตมากับบ้านเด็กกำพร้า ตอนนี้มันโตแล้ว ก็เลยต้องออกมาหางานทำเอง ป้าก็สงสารมันก็เลยชวนมันมาทำงานที่นี่แหละค่ะ" พริกขิงได้ฟังเรื่องราวของน้ำใส ก็รู้สึกสงสาร อีกทั้งเธอยังรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูก
"น่าสงสารจังเลยค่ะ แล้วเธอได้เรียนต่อไหมคะ"
"ไม่ค่ะ มันบอกว่าเรียนจบแค่มอหกไม่มีเงินเรียนก็เลยต้องออกมาทำงานค่ะ แต่ป้าคิดว่ามันค่อนข้างฉลาดมากเลยนะคะ เรื่องงานบัญชีมันก็ทำได้ค่ะ น่าจะเก่งกว่าคนที่เรียนบัญชีหลายคนเลยค่ะ"
"งั้นหรอคะ"พริกขิงครุ่นคิดอยู่ไม่นาน คนที่ถูกพูดถึงก็เดินเอาน้ำมาเสิร์ฟให้เธอ ก่อนจะไปยืนอยู่ด้านข้างของโซฟา
"นั่งลงสิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ" หญิงสาวทำท่ากลัวๆก่อนจะนั่งลงบนพื้นตามที่เธอบอก
"ขึ้นมานั่งบนโซฟาสิ จะไปนั่งพื้นทำไม"
"ค่ะ" หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาตามคำสั่งของเธอ
"งั้นคุณหนูก็คุยกับมันไปนะคะ เดี๋ยวป้าขอไปจัดการอาหารในครัวแปบนึงค่ะ" แจ่มจันทร์ลุกออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง เหลือไว้เพียงพริกขิงและน้ำใสที่ยังนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก
"คุณหนูมีอะไรจะคุยกับฉะ.."
"มาถึงนานหรือยัง"
ยังไม่ทันที่น้ำใสจะได้คุยกับพริกขิง เสียงของใครบางคนดังแทรกขึ้นมาทันที พริกขิงหันไปมองก็พบกับชายหนุ่มที่ดูแลที่นี่อยู่ในตอนนี้
"นี่นาย!! ไม่เห็นหรือไงว่าคนอื่นเขาคุยกันอยู่" หญิงสาวพูดด้วยความโมโห ทั้งที่เมื่อกี้เธอกำลังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ พอถูกขัดจังหวะก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
"เอิ่ม ขอโทษที พอดีฉันก็แค่สงสัยน่ะ" ไทเกอร์พูดอย่างไม่แคร์ ที่จริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะหรอก แค่อยากจะแกล้งเธอเท่านั้น
"น้ำใส ไปช่วยงานป้าแจ่มก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะเรียกมาคุยอีกที" น้ำใสลุกออกไปช่วยงานที่ห้องครัว
ส่วนเธอก็ได้แต่มองชายหนุ่มอย่างโกรธๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่นิสัยของเขาไม่เคยเปลี่ยน ซึ่งมักจะทำให้เธอโมโหเป็นประจำ
"ลุกขึ้นสิ จะพาไปดูห้อง" ไทเกอร์เดินไปยกกระเป๋าก่อนจะเดินนำเธอขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน
"อ่ะ นี่ห้องของเธอ พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าด้วยล่ะ ฉันจะอธิบายงานให้ฟัง แล้วก็ช่วยเรียกฉันดีๆด้วย ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปี"
"เฮอะ! ไม่มีทาง"พริกขิงพูดเบาๆพลางเหลือบตา มองบนอย่างไม่สนใจคำพูดของชายหนุ่ม
"แล้วก็ห้ามดื้อล่ะ ไม่อย่างนั้นเจอดีแน่" ชายหนุ่มบอกก่อนจะก้มลงมาใกล้ใบหน้าของเธอ
"ออกไปเลยนะ ไอ้บ้า ไอ้คนนิสัยไม่ดี" พริกขิงผลักชายหนุ่มออกห่างก่อนจะเข้าห้องปิดประตูไป
"หึ น่ารักดีแฮะ"ไทเกอร์ยิ้มออกมาบางๆก่อนจะเดินออกไปจากหน้าห้องของหญิงสาว