ข้าไม่เอาสามีผู้นี้แล้ว

1876 Words
ทารกที่ 5 ข้าไม่เอาสามีผู้นี้แล้ว ฟูกที่นอนอ่อนยวบ เปลวเทียนถูกลมหายใจเป่าดับ สายตาเมิ่งจื่อตกอยู่ในความมืด จากนั้นนางรู้สึกว่าผ้าห่มที่ปลายเท้าถูกเลิกขึ้น ตามมาด้วยไอเย็นปะทะเข้ากลางหว่างขา เพราะกระโปรงชุดแต่งงานของนางถูกถอดออก เมิ่งจื่อสะดุ้งเฮือก นางขัดขืนเพราะขาทั้งสองถูกมือเย็นๆ จับแยก สาวน้อยไม่รู้ความจึงถามสามีว่า “ท่านพี่จะทำไรหรือ?” นี่เป็นท่านแม่สอนให้เรียก นางบอกว่าหลังจากนี้ให้เรียกพี่ชายแปลกหน้าว่าท่านพี่ แม้นางจะไม่รู้ว่าสามีทำอะไร และไม่มีคำตอบรับกลับมา แต่เมิ่งจื่อยังยอมแยกขาออกให้ เพราะท่านแม่บอกว่าคืนนี้ให้อยู่นิ่งๆ เชื่อฟังสามี วิกาลคล้อยดึก เพื่อนบ้านของเมิ่งจื่อความจริงหลับหมดแล้ว แต่จู่ๆ มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น จับใจความได้ว่า “อ่า อ๊า โอ้ย! ไม่เอาแล้วท่านแม่ ข้าไม่เอาสามีคนนี้แล้วเจ้าคะ ไม่เอาแล้วเจ้าคะ ฮือ! ฮือ!” “…” บนเตียงนอนบ่าวสาว เมิ่งจื่อความจริงถูกทาบทับจากข้างหน้า แต่เพราะนางดิ้นรนเอาชีวิตรอด ถีบจนสิ่งที่แทงนางเจ็บปวดหลุดออก พลิกตัวคลานหนีลงเตียง แต่นี่เป็นการตัดสินใจผิดพลาด เซียวเฟิงเห็นท่าคลานของนางก็คึกยิ่งกว่าเดิม เขาตามไปกระชากบั้นท้ายดีดเด้งในความมืด ใช้มือคลำดูก็พบช่องทางสวาทคับแคบ เลยจัดการยัดแท่งเอ็นกลับเข้าไปกระแทกเสียเลย เสียง ตับ ตับ ตับ ดังลั่นห้อง เมิ่งจื่อไหนเลยรับรู้รสชาติ นางร้องโวยวายไปทั่ว บางครั้งก็อ้อนวอนของให้ท่านแม่ช่วยเหลือ ตะโกนให้ผู้เป็นมารดาได้ยิน กล่าวว่า “ไม่เอาแล้ว! ฮือ! ฮือ! ข้าไม่เอาสามีแล้ว!” รุ่งเช้า เมิ่งจื่อตื่นนอนขึ้นมาก็พบว่าเกือบเที่ยง นอกกระท่อมมีเสียงพูดคุยหัวเราะคิก ได้ยินท่านป้าผู้หนึ่งบอกว่า ลูกเขยเจ้าแรงดีขนาดนี้ ปีหน้าเจ้าคงได้หลานชายตัวอ้วนแน่ๆ เมิ่งจื่อแรกเสียสาวได้ยินก็โมโหมาก แรงดีอะไรกัน เมื่อคืนนางเกือบตายเลยนะ! แต่พอจะปีนลงจากเตียงไปโต้เถียง นางกับฟุบคว่ำจนเกิดเสียงดัง นางเมิ่งซือได้ยินเสียงกุกกักจึงเปิดประตูเข้ามา ก็พบเข้ากับบุตรสาวที่นั่งพับเพียบคุดคู้ จับก้นตนเองอยู่ข้างเตียง เพียงไม่กี่วัน ข่าวที่เมิ่งจื่อเข้าหอจนลงจากเตียงไม่ได้ถูกเล่าปากต่อปาก นับตั้งแต่แต่งสามีนางก็ร้องลั่นทุกคืน เพื่อนบ้านข้างเคียงได้ยินจนรำคาญหู ถึงกับเดินมาด่าทอนางถึงหน้าบ้าน บอกให้ครางเบาๆ กว่านี้ “…” *** “พั่บ พั่บ พั่บ” ผ่านมาสิบกว่าวัน เมิ่งจื่อเริ่มรู้รสชาติบุรุษแล้ว นางหงายท้องนอนถ่างขาให้ความร่วมมือเต็มที่ ข้อเท้าทั้งสองแกว่งไกวอยู่บนบ่าไหล่สามี “อืมมม จื่อจื่อ พรุ่งนี้เจ้าไปขายเนื้อที่อำเภอกับข้าดีหรือไม่” เซียวเฟิงขณะร่อนเอวกระแทกเนิบนาบ เขายังชวนภรรยาคุยไปเรื่อย ตอนนี้ทั้งคู่เริ่มสนิทกันมากแล้ว ทั้งยังติดใจในรสชาติราคะ หลังจากได้จับนางพลิกคว่ำพลิกหงายหลายคืน อิงเถาเล็กๆ ของเมิ่งจื่อสั่นกระเพื่อม เล็บมือนางจิกผ้าห่มอยู่เหนือศีรษะ กัดริมฝีปากตอบรับเสียงอ้อยอิ่งว่าไป ราวกับคันกั้นน้ำทะลัก ครู่ใหญ่นางอุ่นวาบในช่องท้อง จากนั้นกลางหว่างขาพลันโหวงเหวง เมิ่งจื่อหอบหายใจหนักหน่วงคิดว่ารอดแล้ว แต่ก็ผิดคาด เมื่อนางถูกสามีจับพลิกคว่ำให้คลานสี่ขา กระแทกใส่สุดเข้ามาภายในครั้งเดียว! เสียง อ่า อ้า อ๊า ยังคงทำร้ายเพื่อนบ้านต่อไป… ทางเกวียนหลายสิบลี้ทอดยาวไกล แต่สกุลเมิ่งหาได้มีรถม้า วันนี้เมิ่งจื่ออารมณ์ดียิ่ง นางเดินอยู่ริมทางน้อยโดยที่สามีแบกหลัวไม้ไผ่ ใส่เนื้อหมูสิบกว่าชั่งเพื่อนำไปขายในตัวอำเภอ สมัยก่อนเมิ่งจื่อมักจะขอติดตามบิดา เขาพอได้หมูป่ามาก็จะนำไปแล่เนื้อขาย แต่สองปีที่ผ่านมาท่านพ่อไม่ให้นางตามไปซักครั้ง บอกว่านางโตเป็นสาวแล้ว ไหนเลยไปยืนให้บุรุษโสโครกแทะเล็ม ใช่แล้ว! เมิ่งจื่อถูกกินเต้าหูประจำ แตกต่างจากเซียวเฟิง หลังจากเขาถูกกำหนดศักดิ์ฐานะใหม่ เมิ่งผู้พ่อก็แนะนำเขากับสหายนายพราน พาไปขายของที่ตลาดสิบกว่าครั้งภายในสองเดือน “อ้าวเซียวอัน พาภรรยามาด้วยหรือ?” เดินชั่วยามกว่าๆ ก็ถึงแผงขาย หงเป่าสหายเมิ่งผู้พ่อเห็นเซียวเฟิงมาพร้อมภรรยาก็เอ่ยทัก จากนั้นทั้งสองช่วยกันจัดร้าน ตั้งแผงขายสินค้าที่หามาได้ ในแวดวงนายพราน เซียวอันเป็นนามที่เพิ่งผุดขึ้นมาใหม่ ทุกคนต่างก็ทราบว่าเขาเป็นลูกเขยสกุลเมิ่ง ทั้งยังมีฝีมือร้ายกาจในการยิงธนู เมิ่งไท่อี้ราวกับเก็บได้ของวิเศษ เขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มที่ลูกสาวหิ้วมาจะฝีมือดีขนาดนี้ เพียงแค่ครั้งแรกที่พาขึ้นเขาก็ยิงได้กวางสองตัว ระยะเวลาเพียงสองเดือนชื่อเสียงเซียวอันก็โด่งดังไปทั่ว นายพรานที่หากินแถวป่าไท่หังมิมีผู้ใดไม่รู้จักเขา เมิ่งจื่อความจริงเชี่ยวชาญค้าขาย นางเห็นสามีถูกท่านลุงในหมู่บ้านที่สนิทกันชวนคุย จึงไล่ให้เขาไปนั่งดื่มน้ำชาร้านฝั่งตรงข้าม ส่วนตนจะรับหน้าที่ค้าขายเอง เหล่าหงเหล่าจางหัวเราะฮ่าฮ่า บอกว่าในเมื่อเมียปล่อยตัวแล้วเจ้าก็ตามพวกเรามา ไปดื่มกันให้สะใจซักตั้ง เห็นว่าวันก่อนได้หมู่ป่าหนักร้อยกว่าชั่งมามิใช่หรือ เซียวเฟิงได้แต่ฝากร้านไว้กับเมิ่งจื่อ ติดตามท่านลุงทั้งสองเข้าร้านไปดื่มสุรา... *** “เจ้ารู้หรือไม่? เมื่อวานมีคนพบศพเจ้าหน้าที่ทางการหกคนบนเขาทางทิศตะวันตก เห็นว่าแต่ละคนถูกสังหารในหนึ่งฝ่ามือ!” ลุงหงเป็นคนเปิดประเด็น ข่าวนี้โด่งดังมาก โต๊ะข้างๆ ก็กำลังพูดคุยเรื่องนี้ เซียวเฟิงก็แสดงท่าทีสนอกสนใจ พูดคุยกับพวกเขาอยู่นานสองนาน… ตำหนักเว่ยเฉียน “ปัง! บัดซบ! ล้วนเป็นพวกทรยศ! เป็นพวกทรยศ!” แท่นฝนหมึกถูกฟาดลงพื้น ในมือฮ่องเต้เป็นรายงานลับ ช่องทางที่ส่งมาก็เป็นความลับขั้นสูง เพราะได้มาจากสายข่าวพิเศษขององครักษ์เงา มิได้ผ่านหน่วยงานใดๆ ที่ผ่านมาข่าวสารจากเมืองห่างไกลมาไม่ถึงมือฮ่องเต้ แต่บัดนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว ตงฉ่างและซีฉ่างที่เคยเป็นหูเป็นตาให้ราชวงศ์กว่าสองร้อยปี บัดนี้มีผู้คนคิดคดทรยศ แบ่งพรรคแบ่งพวกอยู่ในองค์กร นี่เป็นภาษาลับที่มีแต่คนในหน่วยเงาและฮ่องเต้อ่านออก สองเดือนก่อนเซียวเฟิงจำความได้ จึงรีบเขียนรายงานส่งกลับ ทั้งยังแนบรายชื่อขุนนางใหญ่สิบกว่าคนที่เอาใจออกห่าง และขอกำลังเสริมที่มิใช่ขุนนางท้องถิ่นให้ติดตามแฝงตัวในแดนส่านซี เพื่อสืบเรื่องของเฉิงอ๋อง ทั้งยังลงท้ายในรายงานว่า เป็นไปได้สูงที่เฉิงอ๋องคิดก่อกบฏ! หลังจากขาดการติดต่อไปสองเดือน ฮ่องเต้มิได้โล่งใจแม้แต่น้อย คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะร้ายแรงขนาดนี้ กับพัวพันขุนนางในราชสำนักมากมาย นี่เขาถูกปิดหูปิดตามานานเท่าใด “พวกเจ้าแบ่งคนไปช่วยหัวหน้าซะ! อย่าให้เรื่องนี้รั่วไหลออกไปภายนอก” องครักษ์เงามีไม่ถึงร้อย ตอนนี้ยังต้องแบ่งกว่าครึ่งไปทำงานข้างนอก ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับแต่ก่อตั้งราชวงศ์ แต่ข่าวนี้ไม่เชื่อไม่ได้! นี่เป็นคนข้างกายฮ่องเต้ หากเซียวเฟิงทรยศ ในโลกนี้พระองค์ก็ไม่เหลือผู้ภักดีอีกแล้ว แปดเดือนก่อนเซียวเฟิงแฝงตัวตามคำบัญชา เขาลอบปลอมแปลงเป็นเจ้าหน้าที่ตงฉ่างและซีฉ่าง ปกติสองหน่วยงานนี้รับข่าวจากภายนอก เพียงใช้รหัสลับติดต่อกัน ซึ่งเซียวเฟิงย่อมรับรู้ จึงเริ่มแฝงตัวส่งข่าวไปยังแดนเหนือแดนใต้ ใช้ข่าวลับเป็นเหยื่อล่อ สืบหาว่าสายข่าวถูกตัดขาดตรงจุดใดกันแน่ แต่ละอำเภอของต้าเว่ยจะมีเจ้าหน้าที่สายลับ ใช้ส่งข่าวสือสาร เซียวเฟิงอาศัยที่รู้เส้นสนกลในติดต่อกับพวกเขา กระทั่งคลำเครือไปเรื่อยๆ จนพบผลแตง เดินทางมาถึงเมืองส่านซี ตัวตนของเขาก็ถูกเปิดเผย แม้มือดีตงฉ่างซีฉ่างสามสิบกว่าคนจะรับมือไม่ยาก แต่พิษที่พวกเขาใช้กับรุนแรงยิ่ง เซียวเฟิงพลาดท่าถูกไปเพียงน้อยนิด เขาถึงกับต้องใช้กำลังภายในทั้งหมดขับออก จนถูกธาตุไฟเข้าแทรก ร่างกายร้อนรุ่มจนต้องโดดลงแม่น้ำ เซียวเฟิงเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายที่ถูกส่งออกไป ฮ่องเต้อยู่นิ่งไม่ได้แล้ว อำนาจการบริหารของพระองค์ถูกท้าทาย ตอนนี้จำเป็นต้องแยกพวกที่ยังใช้งานได้ และพวกคิดคดออกจากกัน เปลวไฟเริ่มปะทุ ขุนนางในราชสำนักทั้งหมดกลายเป็นที่ขัดตายิ่ง แต่ฮ่องเต้ยังคงออกว่าการเช้าราวกับไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น ปล่อยให้พวกเขาส่งฎีกาคำร้องตามปกติ ส่วนพระองค์ก็เออออไปเรื่อย เห็นดีเห็นงามกับงานราชการทั้งหมดที่ขุนนางใหญ่เสนอมา *** เนื้อหมูชั่งสุดท้ายถูกขายไปแล้ว เมิ่งจื่อยิ้มหน้าบาน นางนับดูก็พบว่าขายได้เกือบเก้าร้อยเหวิน จึงจัดเก็บมีดและเขียง จากนั้นเดินตามไปหาสามีที่โรงน้ำชา “ท่านพี่ ขายหมดแล้วเจ้าคะ” เมิ่งจื่อยืนอยู่ข้างโต๊ะ ท่านลุงหงและจางชมเชยว่านางขายเก่งมาก ใช้เวลายังไม่ถึงครึ่งชั่วยามเลย เมิ่งจื่อนำเงินทั้งหมดวางไว้บนโต๊ะ ส่งสัญญาณว่าให้ท่านพี่เป็นคนเก็บไว้ แต่เซียวเฟิงกับหยิบแล้วยัดเข้าใส่สาบเสื้อนาง ฉวยโอกาสสัมผัสปลายถันนางเล็กน้อยจากนั้นกล่าวว่า “เจ้าเป็นคนเก็บเถอะ” ต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งสอง เมิ่งจื่อเขินอายจนหน้าแดง แต่เหล่าจางเหล่าหงหาได้สังเกตเห็นไม่ พวกเขายังคงพูดคุยเรื่องการออกล่า นัดแนะกันว่าจะไปยิงสัตว์ป่าอีกทีเมื่อใด ยังคงเป็นการพูดคุย เซียวเฟิงสั่งบะหมี่กับไก่นึ่งตัวหนึ่งให้ภรรยา แม้นางจะปฏิเสธบอกว่าไม่เป็นไร ซื้อที่นี่แพงจะตาย กลับบ้านค่อยเชือดทำกินเองก็ได้ แต่เซียวเฟิงยังคงสั่งให้นางกินอยู่ดี เมิ่งจื่อเคี้ยวน่องไก่แสนอร่อยตุ้ยๆ นางเงยหน้ามองสามีเป็นระยะๆ ชมดูความหล่อเหลาของเขา ยามพูดคุยหัวเราะเฮฮากับท่านลุงทั้งสองคน… ***
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD