ข้าอยากตาย

1965 Words
ทารกที่ 1 ข้าอยากตาย หมูบ้านหลิวชิ่ง ไม่ไกลจากอำเภอไท่หัง แม้จะอยู่ใกล้ตัวเมือง แต่ความเป็นอยู่ชาวบ้านแถบนี้ยังคงกันดารมาก แต่ละวันเมิ่งจื่อต้องนำเสื้อผ้าของของตนและของน้องชายไปซัก หอบหิ้วไปที่แม่น้ำไท่ซุย ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของนางเอง หากแต่ตอนนี้นางไม่มีหน้าโผล่ไปที่นั่นแล้ว… บนเนินเขาลาดชัน เมิ่งจื่อเดินร่ำไห้หลั่งน้ำตานองหน้า นางอับอายจนไม่คิดมีชีวิตอยู่ต่อไป นี่เป็นเส้นทางหลังบ้านนางเอง สมัยก่อนนางมักจะขึ้นเขาด้วยทางลัดนี้ เสาะหาผักป่ากับน้องชายด้วยความเริงร่า ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หากแต่ตอนนี้กับไม่ใช่ ในใจของนางเจ็บมาก เจ็บจนไม่อยากพบผู้ใดอีก แม้แต่ท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่อยากพบ เลยเดินขึ้นเขากลางดึกโดยที่ในมือมีเชือกหนึ่งเส้น คิดว่าตายๆ ให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไป ย้อนเวลากลับไปครึ่งเดือนก่อน ความจริงอีกสามเดือนข้างหน้าจะเป็นกำหนดแต่งงานของเมิ่งจื่อ แต่ยังไม่ถึงวันแต่งก็ราวกับสายฟ้าฟาด คู่หมั้นของนางส่งผู้ใหญ่มาถอนหมั้น จนคนทั้งหมู่บ้านซุบซิบนินทากันไปทั่ว ว่านางมีปัญหาอันใดกันแน่ ยังคงเป็นบนเนินเขา เมิ่งจื่อเดินเหม่อลอยไปเรื่อยๆ เป้าหมายของนางอยู่ที่ต้นเฟิงต้นนั้น ต้นที่พี่เสิ่นจูบนางครั้งแรก และเป็นครั้งเดียวในชีวิตของนาง เมิ่งจื่อเกิดมาสิบสี่ปีไม่เคยลิ้มรสรัก แต่ปีก่อนจู่ๆ ท่านพ่อพาคนผู้หนึ่งมาที่บ้าน นางมิทราบพวกเขาคุยอันใดกัน แต่รู้ตัวอีกทีตนก็มีคู่หมั้นแล้ว จากนั้นพี่เสิ่นก็วนเวียนมาบ้านนางเรื่อยๆ หยอกเย้าจนนางหน้าแดงเขินอาย เขาเป็นนักศึกษาแก่เรียน นางพบว่าเขาร่ายกลอนมากมายก็นึกชอบ ถึงกับเผลอมอบจูบแรกให้ แล้วไฉนเขาทำกับนางเช่นนี้ ชื่อเสียงอิสตรีสำคัญยิ่ง ทันทีที่ถูกถอนหมั้นคนทั้งหมู่บ้านก็รับรู้ หญิงสาวรุ่นเดียวกับนางก็พากันยิ้มเยาะ ถากถางว่า “คิดกลายเป็นหงส์หรือ ตกลงมาจากฟ้ารู้สึกยังไงบ้าง คิก คิก” นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในความเลวร้าย เพราะหลังจากนั้นนางยังถูกเหยียดหยาม โดยถูกเศรษฐีผู้หนึ่งสู่ขอให้ลูกชายปัญญาอ่อน กลายเป็นที่ขบขันของผู้คน! “ฮือ ฮือ” เสียงร่ำไห้ของเมิ่งจื่อดังขึ้นที่ใต้ต้นเฟิง นางทำกรรมอันใดไว้หนอ ไฉนทุกคนรังแกนางเช่นนี้ หากเป็นเมื่อก่อนไม่เคยสัมผัสรสรักก็แล้วไป แต่ตอนนี้นางคิดถึงพี่เสิ่นมาก เขาสัญญาอะไรกับนางไว้ตั้งมาก บอกว่าหากสอบติดจิ่นสือจะพานางไปดูงิ้วที่เมืองหลวง แล้วจะทำให้นางมีบ่าวไพร่ล้อมหน้าล้อมหลัง เป็นภรรยาขุนนางที่ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งของแผ่นดิน ใช่แล้ว! พี่เสิ่นเป็นบัณฑิตชิวไฉ เขาอายุสิบห้าก็สอบได้ จัดเป็นผู้มีอนาคตไกลคนหนึ่งในอำเภอไท่หัง ขณะเมิ่งจื่อนึกถึงความหลัง นางก็สะอึกสะอื้นมัดเชือกเข้ากับกิ่งต้นเฟิง นำหินมาต่อกันจนสูง คิดปลิดชีพตนเองให้จบๆ ไป “หวังว่าท่านพ่อท่านแม่จะให้อภัยข้า” ก่อนรู้จักพี่เสิ่น เมิ่งจื่อใช้ชีวิตเลอะเลือนไปวันๆ นางไม่เคยคิดถึงการแต่งงานซักนิด แม้แต่บุรุษก็ไม่ชายตามอง ทั้งไม่ทราบว่าความรักระหว่างหนุ่มสาวคืออะไร จนกระทั่งตอนนี้นางก็ยังมิทราบ... เพียงแต่เมิ่งจื่อรู้สึกปวดใจ นางผิดหวัง ทั้งยังอับอายมาก เมิ่งจื่ออยู่ในหมู่บ้านไม่มีสหาย ทั้งนางก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมหญิงสาวคนอื่นรังเกียจนางนัก ทั้งๆ ที่นางก็โตมาพร้อมๆ กับทุกคน *** สูงจากพื้นไปราวหัวเข่า เมิ่งจื่อปลายเท้าสั่นกระตุก นางเตะขาของตนไปทั่ว ดิ้นกระแด่วกระแด่วห้อยอยู่บนกิ่งไม้ เพราะตอนนี้นางได้แขวนคอตายแล้ว! “อืมมม อืมมม อืมมม” ในเวลาสุดท้าย สองมือนางตะกุยไปที่เส้นเชือก นี่เป็นปฏิกิริยาเอาตัวรอดของร่างกาย แม้นางจะอยากตายแค่ไหนก็ตามที แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น! “แครก! โอ้ย! ตุบ!” ท่ามกลางความมืดของป่าเขา แสงจันทร์เพียงน้อยนิดสาดส่องลอดกิ่งไม้ น่าสมเพชเมิ่งจื่อยิ่งนัก นางฆ่าตัวตายไม่สำเร็จซ้ำยังฉี่ราด ถูกเส้นเชือกที่ขาดทำให้ตกกระแทกพื้น สลบเหมือดไปทั้งอย่างนั้นเลย “…” วันรุ่งขึ้น แสงตะวันแยงตาทำหน้าที่ปลุกเมิ่งจื่อ นางตื่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นปัสสาวะเหม็นคลุ้ง นี่เป็นนางเผลอปล่อยออกมาตอนควบคุมตนเองมิได้ “ฮือ! ฮือ! สวรรค์ พวกท่านรังแกข้า พวกท่านรังแกข้า!” เมิ่งจื่อพอรู้สึกตัว นางก็คร่ำครวญอีกครั้ง ถึงขั้นคิดว่าแม้แต่ทวยเทพยังกลั่นแกล้ง หรือยังเห็นหญิงสาวในหมู่บ้านรังแกนางไม่พออีก พริบตานั้นอารมณ์อยากตายพลันปะทุขึ้น บนเนินสูงเหลียวมองลงมาก็พบกับแม่น้ำ ที่นั่นอยู่ไม่ไกลจากบ้านนางมาก เมิ่งจื่อมั่นใจอย่างยิ่ง หากโดดลงไป นางต้องตายสมใจอย่างแน่นอน ณ บ้านตระกูลเมิ่ง ครอบครัวเมิ่งจื่อมีอยู่ด้วยกันเพียงสี่ชีวิต เมิ่งไท่อี้ประกอบอาชีพนายพราน แต่ละวันขึ้นเขาล่าสัตว์ หากเป็นปกติ ยามนี้คงปลุกบุตรีของตนไปซักผ้า บางครั้งก็ให้นางช่วยไปเก็บกับดักเป็นเพื่อนบนเขา “ท่านพี่ จื่อจื่อยังไม่ตื่นอีกหรือ คงมิใช่นางคิดสั้นผูกคอตายอีกแล้วนะ!” นางเมิ่งซือผู้เป็นมารดา ถามสามีที่ผ่าฟืนอยู่ตรงลานหน้าบ้าน สายตาก็จ้องมองไปที่ประตูกระท่อมของบุตรสาว เพราะตะวันสายโด่งขนาดนี้ นางยังไม่เปิดประตูออกมา “จื่ออี เจ้าไปเรียกพี่สาวออกมา” เมิ่งจื่ออีผู้เป็นน้องชายวางงานในมือลง เดินก้มหน้าก้มตาไปเรียก เขารู้ว่าหลายวันนี้พี่สาวทุกข์ใจมาก ในใจก็นึกสงสาร ไฉนเกิดเรื่องเลวร้ายกับนางแบบนี้ หลายวันก่อนผู้พี่ของเขาถึงขั้นผูกคอตาย! นับตั้งแต่ถอนหมั้น ความจริงเมิ่งจื่อก็เสียใจอยู่แล้ว แต่นางยังคงเป็นเพียงเด็กสาวแรกแย้ม ไหนเลยรู้จักคำว่าน้ำลายฆ่าคนได้ จนกระทั่งนางนำเสื้อผ้าไปซักที่แม่น้ำตามปกติ หลังจากนั้นนางถึงได้รู้ ว่าคำพูดเสียดแทงสามารถฆ่าคนได้จริงๆ ตอนแรกเมิ่งจื่อแม้เสียใจ แต่นางยังมิได้ถึงขั้นร่ำไห้ฟูมฟาย หากแต่วันรุ่งขึ้น นางนำผ้าไปซัก หญิงสาวในหมู่บ้านสิบกว่าคนก็อยู่ที่นั่น พวกนางถึงกับรุมถากถางรังแกนางไปทั่ว ซ้ำยังมีพี่สาวผู้หนึ่งกล่าวว่า เห็นนางจูบกับพี่เสิ่นบนเนินเขา แล้วพูดเยาะเย้ยว่า ต้องเป็นเพราะนางเป็นหญิงใจง่ายแน่ๆ คุณชายเสิ่นพอทราบว่านางไม่บริสุทธิ์ถึงได้ถอนหมั้น หรือไม่ก็เป็นเพราะเขาเล่นนางจนเบื่อแล้ว นี่เป็นความลับ เป็นความลับของเมิ่งจื่อ!!! ทั้งๆ ที่มั่นใจว่าไม่มีผู้คนอยู่แถวนั้นแท้ๆ เมิ่งจื่อจึงเผลอปล่อยตัวมอบจูบแรกให้เขา แต่กับคิดไม่ถึงว่ามีผู้พบเห็น ซ้ำยังนำมาเป็นเรื่องถมถุยใสนาง จากคราแรกเพียงเสียใจเล็กน้อยเท่านั้น พอถูกเปิดโปงความลับ เมิ่งจื่อพลันร้องไห้โฮออกมา ที่ริมแม่น้ำ หญิงสาวชาวบ้านหัวเราะคิกคัก พวกนางสะใจมาก ปกติเมิ่งจื่อก็เป็นที่ขัดตาอยู่แล้ว ยิ่งช่วงเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา นางถึงกับหมั้นหมายคุณชายเสิ่น แต่ละคนก็ยิ่งอิจฉาจนแทบอกแตกตาย! หมู่บ้านหลิวชิ่งเล็กแค่ไหน ชายหนุ่มรุ่นเล็กมีใครบ้างอ่านออกเขียนได้ ทั้งเขายังสอบชิวไฉได้ตั้งแต่อายุน้อย ดังนั้นจึงเป็นที่หมายปองของเหล่าสาวๆ ในหมู่บ้าน และริษยาเมิ่งจื่อที่วาสนาดี หลังจากถูกรังแกตอนไปซักผ้าหนึ่งรอบ เมิ่งจื่อยังมีเรื่องให้ทุกข์ใจเพิ่มขึ้น วันต่อมาข่าวของนางก็ดังไปทั่วหมู่บ้าน ทุกคนต่างกล่าวว่านางมิใช่หญิงบริสุทธิ์ เป็นนางแพศยาน้อยที่ใครๆ ก็ขึ้นขี่ได้! เมิ่งจื่อยังมิถึงวัยปักปิ่นเสียด้วยซ้ำ นางอายุเท่าไรกันเชียว มีหรือจะรับคำกล่าวหาร้ายแรงเช่นนี้ได้ ต่อจากนั้นอีกสามวันก็มีแม่สื่อมาหานางที่บ้าน บอกว่าต้องการสู่ขอไปให้ลูกชายพ่อค้าหมูคนหนึ่ง วันนั้นบิดานางข่มความโกรธแค้น ไล่แม่สื่อกลับไปอย่างสุภาพ แต่วันรุ่งขึ้นก็มีมาอีก ถึงกับทาบทามนางให้แต่งกับชายแก่กว่าพ่อ ทั้งยังเสนอสินสอดเพียงแค่แป้งสาลีกระสอบเดียว! แต่ละวันของเมิ่งจื่อผ่านไปด้วยคราบน้ำตา ในที่สุดความอดทนของนางขาดสะบั้น เมื่อเศรษฐีในอำเภอส่งพ่อบ้านมาหาท่านพ่อ บอกว่าต้องการแต่งนางให้บุตรชายของเขา ทั้งๆ ที่ใครๆ ต่างก็ทราบ ว่าเจ้าคนผู้นั้นอายุสามสิบกว่าแล้ว แต่เพราะปัญญาอ่อนจึงยังไม่แต่งเมีย ค่ำคืนนั้น เมิ่งจื่อคิดสั้นเป็นครั้งแรก นางผูกคอตนเองกับขื่อกระท่อม เพราะนางทนถูกคนใจร้ายพวกนั้นรังแกไม่ไหวแล้วจริงๆ ชื่อเสียงของนางป่นปี้ นางมิกล้าแม้แต่จะออกจากบ้าน ไม่กล้าเผชิญหน้าผู้คน เพราะว่าพวกเขาใจร้ายกับนางเหลือเกิน เพียงแต่สิ่งที่ไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น ขื่อกระท่อมของนางกับหักลงมา “…” นี่คือแม่น้ำไท่ซุย ชาวบ้านหลิวชิ่งกว่าพันชีวิตอาศัยแม่น้ำสายนี้ ไม่ว่าจะหาบไปใช้สอยหรือซักผ้า ล้วนตักมาจากสายน้ำแห่งนี้เอง ความกว้างสิบกว่าวา หากข้ามสะพานก็จะไปยังอำเภอภูไถ เมิ่งจื่อกลัวถูกผู้คนพบเห็นจึงเดินเรียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ หวังจะไปกระโดดฆ่าตัวตายตรงชะง่อนหิน ตรงที่นางเคยมานั่งตกปลากับน้องชายเป็นประจำ “ฮือ! ฮือ! ข้าไม่ผูกคอตายแล้ว ดูว่าพวกท่านยังจะรังแกข้าได้อีกหรือไม่!” “…” เมิ่งจื่อเดินร่ำไห้พึมพำ พวกท่านที่ว่าย่อมหมายถึงเทวดานางฟ้า ในความเข้าใจของสาวน้อย นางคิดว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง แม้แต่เทพเซียนสวรรค์ยังรังแกนาง น่าเวทนาเมิ่งจื่อยิ่งนัก ในวัยไม่เต็มสิบห้า นางกับหัวใจแตกสลายสิ้นหวัง แม้แต่ตนเองก็ไม่เข้าใจไฉนสิ้นหวังเช่นนี้ เป็นเพราะถูกยกเลิกการหมั้นหมาย หรือถูกข่มเหงเหยียดหยามรังแก “ฮือ! ฮือ! ฮือ!” !!! บนชะง่อนหิน เมิ่งจื่อพอมาถึงก็ต้องทรุดตัวลงกอดเข่าร้องไห้โฮ นี่มันสวรรค์กลั่นแกล้งชัดๆ ขนาดเปลี่ยนมาเป็นโดดน้ำ ยังรังแกนางอีกหรือ ห่างไปราวสิบกว่าวา กลางแม่น้ำตอนบน เมิ่งจื่อแทบไม่อยากจะเชื่อ ตรงนั้นมีศพลอยอยู่ในน้ำ เป็นศพคนไม่ผิดอย่างแน่นอน! เสียงร้องโหยหวนของเมิ่งจื่อดังลั่น นางไม่อยากตายแล้ว นางไม่อยากตายแล้ว! เมื่อเห็นศพลอยขึ้นอืด จู่ๆ เมิ่งจื่อที่โง่งม พลันไม่อยากตายแล้วจริงๆ ตรงหน้าสาวน้อยเป็นศพไร้ญาติ เมิ่งจื่อพอคิดถึงสภาพของตน หากโดดลงไปก็คงเป็นเช่นนี้ อุบาทจนทนดูไม่ได้เลย “…” ***
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD