เสียงนกร้องแจ่ก แจ่ก ที่ริมหน้าต่างเหมือนเคยปลุกรุ่งอรุณให้ลืมตาตื่นขึ้นมา แต่ให้ตายเถอะ เมื่อคืนเธอดื่มอะไรลงไปบ้าง เช้ามาถึงได้ปวดหัวถึงขนาดนี้ เธอถอนหายใจแรงๆหงุดหงิดตัวเอง แล้วพลิกตัวไปมาเลยชนเข้ากับอะไรแข็งๆที่ฝั่งซ้ายมือของตัวเอง
นี่เธอนอนบนเตียง ในห้องของใคร
แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น รุ่งอรุณขยับตัวเล็กน้อยบนที่นอนอย่างอึดอัดแล้วงัวเงียไปทางประตูที่มีเสียงเรียกดังแว่วๆเข้ามา
“คุณยัก เปิดประตูหน่อย”
ยักเหรอ
นี่มันห้องตายักเขี้ยวใหญ่เหรอ เธอมาอยู่ห้องเขาได้อย่างไร ว่าแล้วก็หันไปมองที่นอนข้างตัวอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าถูกจับจ้องจากใครบางคน พอมองกลับมาคราวนี้ รุ่งอรุณใจหายแวบทันที เพราะเจ้าของชื่อตื่นแล้วแถมยังมองเธอเขม็ง และ... เขาไม่สวมเสื้อนอนด้วย เธอเผลอมองอกแกร่งเต็มไม้เต็มมือด้วยความเผลอไผล พยัคฆ์เองหรี่ตามองเธอเช่นกัน เขาเปิดผ้าที่ห่มคลุมลำตัวออก แล้วโน้มหน้าเข้ามาหาเธอคล้ายๆต้องการคำตอบให้ตัวเองมั่นใจว่าที่เขาเห็นไม่ใช่ภาพลวงตา
แต่ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คิดอะไรต่อ ประตูถูกเปิดผลัวะออกมา ภาพที่เห็นเลยกลายเป็นว่า พยัคฆ์หน้าชิดอยู่กับเธอจนเหมือนกับจะ...จู
“อะไรกันเนี่ย ยัยรุ้ง คุณยัก”
คุณป้ามาลาไพรเรียกเสียงดังจนเจ้าของชื่อสะดุ้งตกใจตามๆกันไป
เพียงแค่เจ็ดวันก่อนหน้า
“ตกลงจะไปอยู่ที่นั่นเลยเหรอ” เสียงคนถามราบเรียบสมบุคลิกภาพที่ดูสง่าในตำแหน่งผู้จัดการบิวตี้แอนด์สปาชื่อดัง ที่ตั้งสาขาใหญ่ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง
คู่สนทนาคือสาวอวบ ผิวขาวสีน้ำผึ้ง ผมตรงประบ่าเดินเคียงกันมา พยักหน้าก่อนตอบรับ “อือ ก็รับปากคุณป้าท่านเอาไว้แล้ว ว่าจะไป ไม่ไปก็เสียหมาเลยสิอิง”
“ว่าแต่ ต้องไปนานแค่ไหนล่ะนั่น”
“หมออี้นัดฟอลโลอัปอีกหกเดือน รุ้งก็ว่าจะอยู่ราวๆนั้นแหล่ะ”รุ่งอรุณบอกแล้วดึงแขนอิงฟ้าให้ตามเข้ามาอีกทาง โดยไม่สนใจสุชาเพื่อนอีกคนที่เดินตามมาด้วย เพราะสุชาเหมือนเพื่อนตัวแถม มักเข้ากลุ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามแต่โอกาสจะเอื้อ ด้วยนิสัยปากเปราะเพื่อนร่วมรุ่นจึงไม่นิยมคบหา แต่สุชาก็ชอบมาเกาะแกะอิงฟ้าและรุ่งอรุณเพราะสองคนนี้ไม่เคยออกปากไล่เหมือนคนอื่นๆ “นี่อิง เรามีเรื่องจะเม้า” สองสาวเดินไปคุยไปเรื่อยจนเลี้ยวเข้าไปในร้านเสื้อแบรนด์นอก คนพูดเดินตรงไปเลือกดูแถวราวที่แขวนป้าย new arrival ปากก็เริ่มเม้าอย่างที่บอก “คุณป้า ท่านให้เราช่วยไปเป็นกอขอคอระหว่างลูกเลี้ยงกับอดีตแฟนเก่าด้วยนะอิง”
“ฮึ ทำไมอ่ะ”
“ท่านว่าลูกเลี้ยงท่านน่ะไปติดพันกับแม่ม่าย ที่เคยเป็นแฟนเก่ามาก่อน แต่ยัยกระดังงาเนี่ยคุณป้าท่านไม่ชอบ เพราะคงหวังจะมาเกาะคุณลูกเลี้ยงนี่ไง”
“ไม่ คือ ทำไมคุณป้าถึงให้รุ้งทำแบบนั้นล่ะ”
คนพูดละมือจากเสื้อเชิร์ตผ้าชีฟองพลิ้วสลวยมาบอกด้วยท่าทีระอาหน่อยๆ “ท่านว่าไงรู้ปะล่ะ ท่านว่า ลูกเลี้ยงท่านน่ะคงไม่ชอบเราหรอก เลยตัดสินใจเลือกเราให้ช่วย ดูดิ่อิง”
อิงฟ้าฟังจบขำขึ้นมาอย่างน่ารักน่าเอ็นดูเชียว
“แล้วไปตกลงทำไมล่ะ”
“ไม่ตกลงได้ไงล่ะ คุณป้าท่านมีพระคุณกับเราแค่ไหนอิงก็รู้ ถ้าท่านไม่จุนเจือให้เราป่านนี้เราจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ แล้วอีกอย่างเราว่าท่านน่าสงสารนะอิง ที่คุณป๊าต้องนอนแบ็บอยู่นี่ก็เพราะเครียดเรื่องลูกชายท่านด้วย คุณป้าเลยเปรยๆขึ้นว่าอยากให้เราช่วยหน่อย”
สุชาขัดขึ้นตามนิสัยชอบสอด
“เลยตกลงเลยสิ”
“อือ ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว แค่เคส hip artroplasty ชิวจะตายไป” รุ่งอรุณบอกพร้อมยืดอกเล็กน้อยก่อนจะนิ่วหน้าบอกต่อ “แต่ไอ้เรื่องให้ไปเป็นกอขอคอคนอื่นเนี่ย บอกตามตรงนะ ว่าไม่ถนัดเลยอิง”
สุชาที่เดินตามมาด้วยได้จังหวะขัดขึ้นอีกตามนิสัย
“ไม่ใช่ว่าไปเป็น กอขอคอ แล้วเกิดไปหลงรักเขาขึ้นมานะรุ้ง”
รุ่งอรุณนิ่วหน้าน้อยๆ แม้เธอจะชอบอ่านนวนิยายรักชวนฝันมาบ้างแต่ฟังจากที่เพื่อนพูดมาบวกกับความเป็นไปได้ มันเป็นไม่ได้เลยทีเดียวที่ เธอจะไปหลงรักใครเอาง่ายๆอย่างนั้น “เน่าไปนะยะ บอกเลยว่าไม่มีทาง แล้วลืมกันแล้วเหรอว่าสเปครุ่งอรุณต้องหมอเท่านั้น”
อิงฟ้ายิ้มแล้วถามต่อ
“รุ้งเคยเจอเขาหรือยัง”
“ใคร? ตาลูกเลี้ยงนั่นน่ะเหรอ เราเคยเห็นแต่ข้างหลังแวบๆ ตอนมารับคุณป้า ตั้งแต่วันดิสชาร์ทนู่น ตัวสูงใหญ่มาก อิงคิดดู ขนาดเราว่าเราตัวล่ำๆแล้วนะ เจอพี่แก เรากลายเป็นคนหุ่นดีไปเลยอ่ะ” รุ่งอรุณหยุดเล่าแล้วถอนหายใจ แสร้งเปรียบเทียบชายสองคน “เทียบกับหมออี้แล้ว รุ้งว่าคงห่างชั้นกันมากอ่ะอิง” แล้วพูดอย่างสนุกปากไม่คิดอะไรว่า
“ถ้าเปลี่ยนจากนายนั่น มาเป็นหมออี้นี่เราจะไม่คิดมากแบบนี้เลยนะอิง”
“แล้วถ้าเกิดรุ้งไปเป็นก้างใช่ไหม แล้วถ้านายอะไรนั่นเกิดชอบรุ้งขึ้นมาจริงๆ คุณป้าท่านจะทำยังไงล่ะ” อิงฟ้าถามด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความคิด... คิดแบบพิเรนท์น่ะสิ
“อิงคิดว่าสภาพแบบรุ้งเนี่ยจะไปทำให้ใครมารักมาชอบได้อย่างนั้นเหรอ”
อิงฟ้ายิ้มมองใบหน้าคนพูดที่แก้มกลมดั่งลูกซาลาเปา ดูน่ามันเขี้ยวจนน่าหยิก พิศมองเพื่อนรักไปยังหุ่นที่อวบเกินกว่าสาวๆสมัยนิยมแล้วคิดอยู่ในใจอย่างชื่นชม แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่คนผอมเพรียวแบบเธอและสุชา แต่ดูแข็งแรงสมส่วนไม่ดูเป็นคนอ้วนสักนิด ทั้งยังดูเหมาะเจาะที่จะเป็นสเปคป๋าๆนักละ โดยเฉพาะอกอวบๆที่มักจะดึงดูดสายตาหนุ่มๆนั่นด้วย จนทำให้เจ้าตัวประสบปัญหาคุกคามทางสายตาอยู่บ่อยๆ แต่ยังไงยังไงอิงฟ้าก็ยังเห็นว่าเพื่อนของเธอน่ารักอยู่ดี
“ถ้าคุณลูกเลี้ยงเป็นคนไม่มองคนจากภายนอก อิงเชื่อว่าเขาต้องรู้ว่ารุ้งเป็นคนดี และต้องชอบรุ้งแน่นอน” อิงฟ้าทำนายล่วงหน้าอย่างยิ้มๆแบบเคย แล้วสุชาที่เงียบฟังอยู่นานก็ถามต่อด้วยความสงสัย
“สรุปแล้วลูกชายคุณป้านี่ เขาชื่ออะไรเหรอรุ้ง”
“ยักขา…”
เสียงเรียกหวานหยดย้อยข้างหู ดึงเจ้าของชื่อซึ่งกำลังฟังบทสนทนาของกลุ่มสาวนิรนามที่อีกฝั่งของราวผ้า ให้หันไปมองทางเธอ
พีรพรรณ เคยคบกับพยัคฆ์เมื่อครั้งเรียนที่อังกฤษ แต่แล้วเธอก็ตัดเยื่อไม่เหลือใย ทิ้งเขาไปหาลูกชายนักการเมืองคนดัง แค่นั้นยังไม่พอทั้งคู่ยังวิวาห์ฟ้าแลบกันอีกต่างหาก หลังจากนั้นเขาก็เลิกรักใครจริงจังไปเลย มีคบบ้างตามประสาชายหนุ่ม แต่ก็ไม่ได้ยาวนานเท่ากับเธอคนนี้ จนเมื่อกลางปีก่อน หญิงสาวที่เป็นรักแรกของเขาก็ติดต่อกลับมาหาเขาอีกครั้ง เธอร้องห่มร้องไห้ บอกว่าอยากกลับมาคบกับเขาดังเดิม พยัคฆ์บอกตัวเองว่าเขาเจ็บพอแล้ว แต่พีรพรรณก็ยังไม่ละความพยายามที่จะตามตื๊อเขาอยู่
“มายืนทำไมตรงนี้คะ มีแต่เสื้อผ้าไซซ์ใหญ่ๆทั้งนั้นเลยแบรนด์นี้ แก่ก็แก่”
เจ้าตัวพูดเสร็จเบ้หน้าแล้วลากแขนล่ำๆของชายที่เธอพยายามต้อนให้เข้ามาในคอกแห่งรักที่เคยโงหัวไม่ขึ้นมาแล้วให้กลับเข้ามาอีกครั้ง ก่อนจะอ้อนเสียงหวาน
“คืนนี้เราไปดินเนอร์ที่เดิมนะคะ”
พยัคฆ์พยายามไม่หลงไปตามคำของเธอ เขาอยากอยู่ให้ห่าง แต่พีรพรรณรู้ว่าเขาใจอ่อน เธอมักจะมีข้ออ้าง สารพันปัญหาต่างๆนาๆให้เขาต้องช่วยเหลืออยู่เสมอ
“ผมไม่...”
“ไปนะคะยัก หมอบอกให้พีพีดูแลตัวเองมากๆ ถ้าไม่ได้ทานข้าวกับยัก พีพีคงทานอะไรไม่ลงเลย แล้วเดี๋ยวพีพีก็จะป่วยอีก”
เขาอยากใจแข็งบอกเธอไปเลยว่าจงป่วยซะ แล้วให้ถอยความสัมพันธ์ลงมาเหลือแค่เพื่อน ท่าจะดีกว่า อย่างน้อยก็ดีกับเขาล่ะ แต่ที่ทำได้คือพยัคฆ์กลับไม่ตอบว่าอะไร แล้วพยายามจะเดินอ้อมราวผ้าที่แขวนไล่สเต็ปสูงขึ้นไปจนพ้นศรีษะ เพื่อจะดูสองสาวที่คุยกันเมื่อครู่ และพอเดินมาอีกฝั่งหนึ่งได้ เขาก็ไม่เห็นใครที่ตรงนั้นแล้ว ไม่อยากมั่นใจเลยว่าเรื่องที่เขาได้ยินเมื่อครู่จะเป็นเรื่องของเขาเอง
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเฉยไม่ตอบรับ พีรพรรณก็เริ่มชักสีหน้า แล้วงัดไม้เด็ดออกมาใช้ทันที
“ยักคงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรอกใช่ไหมคะ”
พยัคฆ์มองหน้าสาวสวยที่มักใช้ประโยคนี้บีบคั้นเขา จนตนเองต้องยอมทำตามอย่างที่เธอบอกแทบทุกทีไป ก่อนจะพาเดินออกไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดัง จบลงด้วยมื้ออาหารอย่างที่พีรพรรณต้องการ