รุ่งอรุณเงยหน้าจากอาหารบนโต๊ะมองหาเจ้าของชื่อ ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น คนที่เด็กรับใช้เรียกว่า ‘คุณยัก’ เดินเข้ามาด้วยฝีเท้าหนักแน่นและมั่นคง
แม่จ้าว เขาดูสูง บึกบึน หุ่นนี่น้องๆ tay tay คนที่แสดงบทเจคอบในเรื่องแวมไพร์ ทไวไลท์ อย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว
แม้จะสวมเสื้อยืดแต่ก็พอมองออก รุ่งอรุณสำรวจด้วยสายตาของนักกายภาพบำบัดทันที
ว่าตรงเดลตอยด์ ( Deltoid muscle )สองข้างนั่นช่างรับกับไบเซป (Bicep brachii muscle)ได้อย่างสวยงาม แผงอกเขามีกลุ่มมัดกล้ามของพวกเพคโทลาริส (Pectoralis group) ที่ได้รูปมาก ไม่ต้องดูก็รู้ว่าแอปโดมินอล (Abdominal muscle ) คงเป็นลอนหกชั้นสวยงามตามท้องเรื่องแน่ๆ
คราวนี้หญิงสาวเลื่อนสายตาขึ้นไปยังใบหน้า ที่เพิ่งมีโอกาสได้พิศมองตรงๆกันเป็นครั้งแรก
พยัคฆ์เป็นคนที่หล่อไม่ใช่เล่นเลย ถึงแม้ผิวจะคร้ามแดดไปหน่อย แต่ก็รับกับคิ้วเข้มๆที่พลาดเฉียงบนใบหน้า ดีหน่อยที่เธอพบเจอลูกหลาน แม้กระทั่งคนไข้หน้าตาหล่อเหลามาเกือบจะทุกรูปแบบแล้ว เลยทำให้ตัวเองค่อนข้างมีภูมิต้านทานกับคนหน้าตาดีดี แล้วตาคมๆที่มองตอบกลับมานี่เอง ที่ทำเอารุ่งอรุณถึงกับต้องกลั้นใจไปชั่วลมหายใจหนึ่ง
เคยไหมที่คนหล่อเหลาหน้าตาดี แต่ไม่ใช่สเปคน่ะ รุ่งอรุณกำลังรู้สึกกับผู้ชายตรงหน้าแบบนั้น
“อะแฮ่ม”
เสียงกระแอม เรียกสติให้กลับคืนมาที่จานอาหารตรงหน้าอีกครั้ง “นี่รุ่งอรุณ ส่วนนี่พยัคฆ์ เรียกพี่ยักก็ได้ คุณยักน่าจะเกิดก่อนรุ้งหลายปีอยู่เหมือนกัน”
พยัคฆ์มองหญิงสาวคนมาใหม่ที่นั่งในโต๊ะอาหารแล้วนึกถึงวันก่อนที่ได้ยินบทสนทนาของสาวนิรนาม ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก
“คุณป้า ท่านให้เราช่วยไปเป็นกอขอคอระหว่างลูกเลี้ยงกับอดีตแฟนเก่าด้วยนะอิง”
ก่อนจะหรี่ตามองอีกฝ่ายอีกครั้ง หญิงสาวหน้าตาเรียบๆ ท่าทีดูนิ่งๆเฉยเมยไม่ต่างจากคุณมาลาไพรคนนี้น่ะหรือจะมาเป็นก้างระหว่างเขากับพีรพรรณ พยัคฆ์นึกหมั่นไส้ขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ปั้นหน้าปั้นอารมณ์เก่งๆ มันดูเข้าถึงยากเกินไป หากแม่เลี้ยงท่านต้องการแบบนี้ เขาก็จะเล่นไปกับท่านด้วย อยากให้เขาเลิกกับใคร เขาจะคบต่อ อยากให้คบกับใครเขาก็จะเลิกคบ ดูสิว่าท่านจะทำอะไรเขาได้ หัวใจของเขามันตายด้านมานานแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้หัวใจเขาหวั่นไหวสักเท่าไรนักหรอก
แล้วเสียงหวานๆจากด้านนอกก็ตามเข้ามา “ยักขา”
คุณป้ามาลาไพรเปลี่ยนใบหน้าเป็นเรียบเฉยไปในทันที แววตาดูไม่ใคร่จะพอใจเท่าไรนัก ท่านติงขึ้นไม่เบานัก
“ไหนว่าไปส่งกันแล้ว ทำไมยังอยู่นี่อีก”
รุ่งอรุณมองออกไปยังทางเข้าของห้องอาหารบ้างแล้วหญิงสาวในชุดเสื้อครอปและกางเกงหนังรัดรูปสีดำก็ปรากฏกายเข้ามาเผลอมองเพลินเมื่ออีกฝ่ายเดินยักย้ายเยื้องย่างผิวหน้าท้องขาวเนียนก็จะผลุบๆโผล่ๆตัดกับสีดำของชุดชวนให้ใครมองคงน้ำลายไหลกันเป็นแถบ
กางเกงหนังสีดำที่เจ้าตัวสวมใส่ยังสามารถอวดสรีระอิสตรีได้อย่างน่าอิจฉาอีกด้วย ผมสีดำยาวเหยียดตรงมัดเป็นหางม้าไว้ดูยุ่งเหยิงนิดๆแต่เซ็กซี่ชะมัดยาด
อย่าบอกนะว่าเธอต้องมาเป็นก้างระหว่างคุณยักกับแม่สาวเซ็กซ์ซิมโบลคนนี้
คุณป้าต้องคิดใหม่แล้วล่ะ ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนะนั่น
“อ้าวคุณป้ากลับมาแล้ว” พีรพรรณยกมือไหว้เจ้าบ้านชดช้อยทีเดียว แล้วมายืนเคียงข้างลูกเลี้ยงของท่านประสานนิ้วของตนเองเข้ากับนิ้วของพยัคฆ์ แหงนหน้าพูดอ้อนๆขึ้นว่า “พีพีลืมเสื้อไว้ที่ห้องยักขาน่ะค่ะ”
นั่นไง แสดงความเป็นเจ้าของอีกต่างหาก จบกัน แพ้ราบคาบตั้งแต่ยังไม่ออกศึกเลยฉัน รุ่งอรุณเสยกแก้วน้ำขึ้นจิบ เพราะเกิดคอแห้งขึ้นมาเสียอย่างนั้น
คุณป้ามาลาไพรมองด้วยสายตาไม่ใคร่ชอบใจนัก แต่ยังสงวนคำพูดเอาไว้อยู่ ยังไม่ปริปากใดๆ
“จะไม่ชวนพีพีรับประทานอาหารด้วยเหรอคะ”
ผู้อาวุโสสุดบนโต๊ะอาหารขยับตัวเล็กน้อยก่อนตอบ ท่านทำหน้าที่เจ้าบ้านได้ดีจริงๆ “ต้องให้เรียกด้วยเหรอ แม่พีพี ปกติเธอก็ชอบมาลักกินขโมยกินเป็นนิจอยู่แล้วนี่”
อูย แรงจนจุก รุ่งอรุณเลิกคิ้วเบือนหน้าไปอีกทาง เพื่อจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ให้ตัวเองเสียมารยาทจนเกินไปนัก
“คุณยักนั่งกินข้าวกับมะ...กับน้าก่อนสิคะ”คุณป้ามาลาไพรชะงักสรรพนามแทนตัวแล้วเปลี่ยนทันที เธอเห็นแววตาของท่านไหววูบไปเลย คล้ายมีความหมางเมินไม่เข้าใจระหว่างท่านและพยัคฆ์ แต่มันเรื่องอะไรกันล่ะ
“ครับ” พยัคฆ์รับคำหน้านิ่งเรียบ จนคาดเดาไม่ได้ว่าเขาอยู่ในโหมดไหน แล้วเลือกที่นั่งข้างเธอเฉยเลย
รุ่งอรุณไม่ทันได้ตั้งตัวพลันประหม่าขึ้นมาเสียอย่างนั้นพีรพรรณที่มองดูอยู่เดินตามมานั่งข้างพยัคฆ์อีกฝั่งหนึ่งด้วย อุ๋ยกุลีกุจอหาจาน หาแก้วมาให้ด้วยรอยยิ้มพริ้มพรายเต็มใบหน้า
รุ่งอรุณพอรู้มาบ้างว่าคุณป้าทานอาหารไม่ปรุงแต่งมากรวมไปถึงพวกอาหารคลีน ดูจากอาหารตรงหน้านี่แล้วเธออดถอนหายใจไม่ได้ ปลากะพงนึ่งรองด้วยผักกาดขาว ข้างๆมีสารพัดเห็ดประดับอย่างสวยงามแต่ดูสีก็รู้ทันทีว่ามันต้องจืด และยังมีต้มจืดอีกถ้วย ซึ่งสีก็ไม่ได้ต่างกันนัก
ต่างจากเธอที่ชอบที่ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่มีแป้งน้ำตาลและอาหารรสจัดๆพวกอาหารอีสานเป็นชีวิตจิตใจ
พอตักอาหารเข้าปากก็ได้แต่นึกในใจว่าเธอคงแย่แล้ว ถ้าต้องใช้ชีวิตที่นี่อีกหกเดือน เรี่ยวแรงเธอต้องหดหายไปพร้อมกับเซลล์ไขมันแน่ๆ
แล้วพีรพรรณก็ชวนคุยเรียกให้หลุดจากความคิดด้วยสีหน้าท่าทางแบ๊วๆใสๆว่า “นี่เหรอคะ นักกายภาพที่คุณป้าจ้างมา”
พอท่านพยักหน้าคนพูดก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วแบบคนรู้มากรู้ดี
“ทำไมไม่เรียกหมอนวดมานวดให้ล่ะคะคุณป้าขา จ้างมาให้เสียเงินป่าวๆ”
เอาอีกแล้ว นักกายภาพบำบัด ไม่ใช่ หมอนวดนะยะ รุ่งอรุณไม่ใคร่พอใจเท่าไรนัก ที่มีคนมาเข้าใจอาชีพของเธอผิดเพี้ยนไปแบบนี้ ไหนจะหน้าตาดูถูกนั่นอีก จึงวางช้อนลงบนจาน บิดปากเล็กน้อย ตั้งท่าจะสวนกลับ แต่คุณป้ามาลาไพรกลับแย้งขึ้นมาก่อน “หมอนวดก็หมอนวดสิจ๊ะหนูพีพี นี่นักกายภาพบำบัดจ้ะ”
ดีหน่อยที่คุณป้าของเธอเข้าใจในอาชีพนี้ รุ่งอรุณเลยยืดหลังตรงด้วยความภูมิใจขึ้นมาได้ รู้สึกดีขึ้นมาแทบจะทันทีเลยทีนี้
ตลอดการรับประทานอาหาร มีคุณป้ามาลาไพรและพยัคฆ์ คอยถามตอบเรื่องทั่วไปในรีสอร์ทและฟาร์มโคแอนด์กระบือของเขา พีรพรรณแทรกขึ้นมาบ้างเป็นระยะๆ และเธอนั่งเงียบฟังอย่างเดียว
จนเรียบร้อย พีรพรรณโดนโทรศัพท์จากใครไม่รู้ตามตัวให้ออกไป พร้อมรถหรูที่ขับมารับหลังจากวางสายไม่ถึงสิบนาทีดี คุณป้ามาลาไพรที่มองอยู่ เห็นพีรพรรณขึ้นรถแล้ว ท่านจึงหันมาทางชายหนุ่มคนเดียวบนโต๊ะ
“คุณยัก เดี๋ยวน้าวานที พายัยรุ้งไปดูรอบๆหน่อย แล้วแนะนำสถานที่ให้น้องด้วย เผื่ออยากออกไปไหน จะได้ไม่หลง”
“ครับ”
พยัคฆ์รับคำเสียงเรียบขรึม แล้วเดินนำออกมา
ท่านลอบมองลูกเลี้ยงด้วยสายตาตัดพ้อ นึกย้อนไปถึงเด็กชายพยัคฆ์คนท่านเลี้ยงมา คนที่รู้จัก คนที่ร่าเริง สนุกสนาน ขี้เล่น สุภาพนอบน้อมและสายตาเชื่อใจไว้วางใจท่าน ต่างจากตอนนี้ลิบลับ เรื่องทั้งหมดที่ทำให้ท่านและพยัคฆ์ รวมไปถึงคุณพายัพต้องผิดใจกันไปหมดนั่นเพราะยัยเด็กพีพีคนเดียว หญิงสูงวัยได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกๆบอกตัวเองว่า ท่านจะไม่รื้อฟื้นถึงมันอีก
คุณป้ามาลาไพรแต่งงานกับคุณพายัพบิดาของพยัคฆ์ตั้งแต่พยัคฆ์อายุห้าขวบ และท่านก็ทำหน้าที่เสมือนแม่แท้ๆมาโดยตลอด ท่านรัก ห่วงใย เอาใจใส่เขา แตกต่างจากแม่เลี้ยงในนิยายทั่วไปโดยสิ้นเชิง เขาเชื่อฟังท่านเหมือนที่เชื่อฟังบิดาเพราะเคารพและรักท่าน แต่จุดแตกหักระหว่างเขาและแม่เลี้ยงก็ตั้งแต่เขาบอกท่านว่าจะแต่งงานกับพีรพรรณ ท่านโกรธและบอกให้เขาเลิกเสีย คุณป้ามาลาไพรและพีรพรรณไม่เคยด่าทอกันเสียๆหายๆแต่ทุกครั้งที่เจอกันทั้งสองต้องได้กระแทกแดกดันกันเสมอ และเขาไม่รู้ว่าท่านไปพูดหรือทำอะไรกับพีรพรรณ เธอจึงโกรธและตัดสัมพันธ์เขาได้ง่ายๆแบบนั้น รู้แต่เพียงว่าเขาเจ็บปวดเหลือเกินกับความรักครั้งแรก มันไร้เหตุผลและงี่เง่าสิ้นดี
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขาและแม่เลี้ยงก็เหมือนมีเมฆหมอกของความไม่เข้าใจมาบดบัง ท่านไม่เคยอธิบายและเขาก็ไม่นึกจะถามถึงสาเหตุที่ท่านทำลงไป และนิสัยอีกอย่างที่เขาไม่ชอบใจท่านคือ แม่เลี้ยงของเขามักเอาแต่ใจ เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง หากท่านรู้สึกไม่ถูกชะตากับใคร ท่านก็จะตัดสินคนคนนั้นทันทีว่าเป็นคนไม่ดีไม่ควรคบหาสมาคมโดยไม่นึกตรึกตรองใดๆทั้งสิ้น
รุ่งอรุณเดินตามพยัคฆ์ออกมาด้านนอกบ้าน พร้อมกับคิดไปว่า นายยักนี่ต้องเป็นมือบิดที่ขับปาดหน้าเธอแน่ๆ แต่เธอจะไม่ถามเขาหรอก ถือว่าอโหสิก็แล้วกัน บอกตัวเองว่าอโหสิกรรม แต่สายตาเจ้ากรรมก็มองเหมือนอาฆาต ไปยังรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สีดำคันนั้นอยู่ตลอด
พยัคฆ์ลอบมองท่าทางอีกฝ่ายด้วยความไม่ชอบใจ รุ่งอรุณมีท่าทีเฉยเมยกับเขา จนพยัคฆ์อยากเอาชนะขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ชอบที่เธอทำเหมือนจ้องจับผิดอะไรเขาสักอย่าง เขาไม่ชอบที่เธอเข้าได้ดีกับแม่เลี้ยงของเขา หากเป็นเมื่อก่อนที่ยังไม่เคยมีปัญหากันเขาก็คงไม่คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ แล้วพยัคฆ์ก็สรุปกับตัวเองว่าเขาก็คงแค่หมั่นไส้เธอ แล้วเลยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหมิ่นๆเล็กน้อย
“มองเหมือนเคยเห็นมัน”
รุ่งอรุณตอบอย่างใจคิดออกไป“คุ้นๆตา ฉันว่าเคยเห็นแวบๆที่ไหนอยู่นะ”
พยัคฆ์สบตาด้วยแววตาที่ยิ้มได้ แล้วพูด “รถคันนั้น ก็คุ้นตาผมเหมือนกันนะ”
“เหมือนกับว่า...ฉันเคยโดนพวกขับบิ๊กไบค์ปาดหน้าแซงมาก่อนจะถึงที่นี่อย่างนั้นแหละ”
“ฮึ” พยัคฆ์ทำเสียงที่คนฟังอย่างรุ่งอรุณฉุนกึกขึ้นมาทันที “อย่างว่านะ ผู้หญิงขับ มัวแต่กดจิ้มหาเพลงฟัง หรือแต่งหน้าอยู่ล่ะ”
เธอเกลียดที่สุดเลย ต่อให้หล่อลากไส้แต่มาดูถูกเพศหญิงเรื่องขับรถแบบนี้ รุ่งอรุณทนไม่ได้ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากตอบโต้ พยัคฆ์ก็เดินนำหน้าไปยังรถจี๊ปที่จอดเหลืออยู่คันเดียวในโรงจอด เหมือนเป็นการตัดการสนทนาเรื่องเมื่อครู่ไปเสีย
ชั่วโมงก่อนหน้าจะเข้าบ้านไป รุ่งอรุณคลับคล้ายคลับคลาว่าตัวเองเห็นมีรถอีกสามถึงสี่คันจอดอยู่ในนั้นนี่นา แล้วตอนนี้มันหายไปไหนกันหมดล่ะนั่น แต่ดันใช้รถแบบนี้ นี่เขาคงไม่คิดจะรับน้องเธอหรอกใช่ไหม
ขึ้นรถแล้ว บนนั้นที่นั่งแคบเสียจนเธอต้องนั่งเกือบชิดกับเขา เลยพยายามเกร็งตัวเองนั่งให้ชิดกับประตูฝั่งของเธอ
“ปกติคนอื่นเขาจะนั่งกันได้นะ” เขาพูดโดยไม่มองหน้าเธอสักนิด แบบนี้หมายความว่าอย่างไร เธอตัวใหญ่จนคับรถของเขาอย่างนั้นเหรอ ตาบ้าเอ๊ย
“นั่งได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ ผมจะได้เบิกเงินคุณมาลาไพร หารถคันใหม่ที่มันที่นั่งกว้างๆพอดีตัวมาเอาไว้ให้ ดีไหม”
รุ่งอรุณตวัดตาค้อนทันที ตานี่กำลังว่าเธอทางอ้อมว่าตัวใหญ่ซ้ำๆซากๆ ใช่สิจะบอบบางร่างจ้อยแบบแฟนเขาได้อย่างไรกัน คนเราโครงสร้างมันต้องแตกต่างกันสิ มันเป็นความหลากหลายทางพันธุกรรมย่ะ
“ได้ด้วยเหรอคะ ดีจัง” รุ่งอรุณย้อนคืนก่อนจะขมวดคิ้วมองหน้าเขาเหมือนมีคำถาม เมื่อพยัคฆ์ออกรถไปหน้าตาเฉย โดยไม่เปิดแอร์เพราะอากาศตอนนี้ร้อนจนแทบไหม้ อีกฝ่ายเลยพูดขึ้นว่า “รถคันนี้แอร์เสีย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเปิดกระจกรับลมเอาก็ได้”
พอหมุนที่เปิดกระจกมันก็นิ่งไม่ขยับ ที่สำคัญประตูฝั่งเธอก็เปิดจากด้านในไม่ออกเสียด้วย
ทีแรกพยัคฆ์ทำท่าคล้ายไม่เชื่อ แล้วมองมาเหมือนจะกล่าวหาทางสายตาว่าเธอเปิดรถของเขาไม่เป็น พยัคฆ์แกล้งกลอกตาคล้ายหน่ายๆ ก่อนจะพึมพำขอโทษ แล้วโน้มตัวผ่านหน้ามาดันๆตรงประตูของฝั่งเธอ กลิ่นโคโลญจน์ผู้ชายแบบที่เธอไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนอวลเข้ามาในจมูก จนรุ่งอรุณต้องเกร็งตัวอีกครั้งแล้วกลั้นใจเอาไว้ครู่ ใจเต้นระรัวจนอดด่าเขาในใจไม่ได้ว่ามาทำแบบนี้ได้อย่างไร เธอตั้งตัวไม่ทันเอาน่ะสิ แต่เมื่อเห็นว่ามันเปิดไม่ออกจริงๆ เจ้าของรถเลยเปิดประตูเดินลงไปเปิดกระจกฝั่งที่เหลือ ให้ลมพัดผ่านแล้วขึ้นมาทำหน้าที่ต่อ
พยัคฆ์พาเธอขับรถไปรอบรีสอร์ทจนถึงฟาร์มโคแอนด์กระบือของเขา ดูจากสายตาเขาแล้ว ดูภูมิใจกับมันมากเหลือเกิน
พอรถจอดลงที่ไหน เขาก็จะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เธอทุกครั้งไป จนคนอื่นๆพากันมองเธอด้วยสายตาใคร่รู้ รุ่งอรุณนึกค่อนในใจ สงสัยตายักนี่คงไม่เคยเปิดประตูให้สาวๆคนไหนมาก่อนเลยสิท่า ถึงได้พากันมองแบบนี้
กว่าชั่วโมงที่เขาพาเธอชมจนทั่วอาณาจักรของเขา ก่อนวนรถขับมาส่งจนถึงบ้านอีกครั้ง
“ยินดีต้อนรับนะครับ”
ทำไมเธอไม่รู้สึกว่าเขายินดีแบบที่พูดเลยนะ มันเหมือนกับเขาเชื้อเชิญเธอให้ลงหลุมพรางที่มองไม่เห็นว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้นมากกว่าเสียอีก รุ่งอรุณสบตาคมของเขาแล้วให้รู้สึกประหม่าอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน มันเหมือนกับว่าในแววตาคมเข้มมีบางอย่างสะกิดใจเธอ แต่แล้วก็ยิ้มแล้วพยักหน้าให้เขา เดินเข้าบ้านไปในที่สุด
พอลับร่างหญิงสาวที่เดินเข้าบ้านไปแล้ว ร่างสันทัดของชายวัยไม่เกินยี่สิบปี ก็ทยอยขับรถเข้ามาจอดในโรงจอด ก่อนจะบ่นงึมงำคนเดียว นายของเขาให้ล้างรถพวกนั้นพร้อมกันทำไมก็ไม่รู้ เพราะโดยหน้าที่แล้ว มะเดี่ยวจะล้างรถพวกนั้นทุกสัปดาห์ และตนเองเพิ่งนำออกไปล้างก่อนหน้าพยัคฆ์กลับมานี่เอง แต่หากขัดคำสั่งมะเดี่ยวรู้ดีว่าจะเจออะไรจากนาย เมื่อจอดครบเรียบร้อย เด็กหนุ่มเดินยิ้มเผล่เข้ามาหารายงานเสียงกระตือลือล้น
“นายครับ มะเดี่ยวล้างรถเรียบร้อย ครบหมดทุกคันตามที่นายสั่งแล้วครับ”
พยัคฆ์พยักหน้าให้ แล้วหันไปมองที่รถญี่ปุ่นอีโคคาร์คันนั้น ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ แววตาเนือยๆจากกรุงเทพหายไปโดยพลัน ความรู้สึกเหมือนได้กลับมาเป็นเด็กชายพยัคฆ์คนเดิมอีกครั้ง