บทที่5 ขอดูนมได้ไหม 18+

1496 Words
บทที่5 ขอดูนมได้ไหม 18+ อัสนีเดินเข้ามาในร้านอีกครั้งด้วยความกล้าหาญ เหมยลี่หันมาเห็นเธอก็รีบเดินออกมาหาแต่ดูเหมือนว่าขาของเธอจะอักเสบเมื่อเช้าเธอยังดูสดใสร่าเริงผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้ม "คุณมาอีกแล้วดอกไม้ไม่ถูกใจหรือเปล่าคะ" "ทำไมหน้าซีดแบบนี้ปวดขาใช่ไหม" "เมื่อเช้าหนูลืมหยิบยามาค่ะเลยปวดขาเราก็เจ็บแผลที่เข่าด้วย" "งั้นนั่งลงจะทำอะไรเดี๋ยวผมทำให้" "ไม่เป็นไรค่ะหนูแค่จะทานก๋วยเตี๋ยวคุณทานอะไรมาหรือยังคะทานก๋วยเตี๋ยวกับหนูไหม" "ไม่เป็นไร" เขาจัดการเทก๋วยเตี๋ยวใส่ชามให้เธอระหว่างที่เธอทานเขาก็ขออนุญาตจับขาของเธอมาดูบาดแผลและรอยฟกช้ำโชคดีที่ถัดจากร้านเธอไปเป็นร้านขายยาเขาจึงรีบเดินไปซื้อยาแก้อักเสบแก้ปวดและยาทามาให้เธอ "ว่าแต่ดอกไม้ที่คุณเอาไปคนรับชอบไหมคะ" เธอถามขณะที่ปากยังเคี้ยวลูกชิ้นตุ้ยๆ "คิดว่าน่าจะชอบ" "แล้วคุณสตาร์ตรถทิ้งไว้ไม่เปลืองน้ำมันหรือคะไปดับเครื่องก่อนก็ได้นะ" "ไม่เป็นไรเธอทำงานอีกกี่ชั่วโมงลางานได้ไหมบาดเจ็บขนาดนี้ทำไมไม่ลางาน" จะให้เขาดับได้ยังไงอัสวินกลัวดอกไม้ในรถจะเฉาเสียก่อน "วันนี้หนูเลิกห้าโมงค่ะว่าแต่คุณอยากได้ดอกไม้อีกหรือเปล่าหนูจะได้จัดช่อให้ค่ะ" "พอดีฉันไม่มีงานอะไรแล้วเลยแวะมาดูอาการมารอรับเธอกลับบ้านด้วยสภาพแบบนี้จะกลับยังไงช่วยเหลือตัวเองยังแทบไม่ได้" "หนูไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะคุณไม่ต้องเป็นห่วงแต่ก็ขอบคุณนะคะสำหรับความห่วงใย^^" แค่เธอกล่าวขอบคุณเขาก็ไปไม่เป็นแล้ววันนี้เขาใช้เวลาอยู่ในร้านดอกไม้หลายชั่วโมงจนถึงเวลาเลิกงานของเธอเขาก็ช่วยเธอเก็บของหวังว่าการที่เขาจะเซอร์ไพรส์และบอกความรู้สึกกับเธอในวันนี้จะทำให้เขาและเธอสุขสมหวังไปด้วยกัน "น้ำมันไม่หมดแล้วหรือคะ" "ไม่หรอกรถผมไม่กินน้ำมันเข้าไปนั่งสิ" "ค่ะ" เธอเปิดประตูรถสปอร์ตหรูก็พบกับช่อดอกไม้ที่เธอเป็นคนจัดเองกับมือ "ดอกไม้ยังอยู่เลยนี่คะ?" "ก็ดอกไม้ของคุณไง" "อะ อะไรนะคะของหนู?" เธอชี้มาที่ตัวเองพร้อมกับมองดอกกุหลาบช่อนั้น "ขึ้นรถสิจะได้คุยกัน" เธอยอมขึ้นรถมาอย่างว่าง่ายพร้อมถือดอกกุหลาบช่อนั้นไว้ในมือเมื่อรถสปอร์ตขับเคลื่อนออกมาจากหน้าร้านเขาก็เริ่มอธิบายเรื่องราวทุกอย่างให้เธอได้ฟัง เขาและเธอเคยเรียนโรงเรียนประถมศึกษาที่เดียวกันเพราะเธอได้ทุนการเรียนจากบริษัทองค์กรของครอยครัวเขา และเขาก็เห็นเธอครั้งแรกตอนที่เธออยู่ชั้นป.2 ส่วนตัวเขาเองอยู่ชั้นป.6 แม้มันจะเป็นเรื่องตลกขบขันแต่คนฟังและคนเล่ากลับรู้สึกแปลกประหลาดในใจของตัวเอง "หลังจากจบประถมผมก็ไปเรียนมัธยมอีกโรงเรียนนึงจนได้มาเห็นคุณอีกครั้งตอนงานเลี้ยงบริษัทแล้ววันนั้นก็เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่ประเทศไทยใจจริงผมอยากจะเข้าไปทักคุณในวันนั้นแต่ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปทัก" "หนูจำแทบไม่ได้เรื่องมันนานมากแล้วแต่งานเลี้ยงครั้งนั้นหนูจำได้ดีค่ะเพราะเป็นวันที่หนูเอากับข้าวกลับมาบ้านเยอะที่สุด^^" "หึหึ เพราะคุณที่ทำให้ผมไม่สามารถเปิดใจให้ใครได้เลย ผมตั้งใจว่าการกลับมาครั้งนี้ผมจะออกตามหาคุณจนกว่าจะเจอถ้าเกิดผมมาช้าไปคุณมีคนรักมีครอบครัวแล้วผมก็จะขอดูแลอยู่ห่างๆ อย่างน้อยคุณก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้ผมมีความซื่อตรงและไม่เคยคิดที่จะมีใคร" "เมื่อวานตอนที่คุณหยิบรูปหนูมาดูคุณจำได้เลยใช่ไหมคะว่าหนูคือเด็กผู้หญิงคนนั้น" "ใช่แล้วว่าแต่ตอนนี้คุณยังไม่ได้มีใครใช่ไหม" เหมยลี่ส่ายหน้าไปมาแก้มกลมๆ ของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเธอก้มหน้าลงไปหอมดอกกุหลาบในมือจนไม่ทันระวังตัว อัสนีโน้มตัวลงมาหอมแก้มกลมๆ ของเธอบ้างทำเอาเธอขนลุกขนชันแม้แต่อัสนีเขาทำเองยังเขินเองถึงขั้นลูบท้ายทอยตัวเองไม่รู้กี่รอบปากก็กัดริมฝีปากตัวเองจนเกือบเป็นห้อเลือด มาถึงบ้านของเหมยลี่อัสนีก็พาเธอมานั่งด้านในเขาจัดการโทรสั่งมื้อเย็นจากร้านดังมาให้เธอเรียบร้อยแล้วจะได้ไม่ต้องลงมือทำอาหารเองหรือซื้อแกงถุงที่มีแต่ผงชูรสมาทาน "ถ้าคุณไม่มีใครคุณจะลองเปิดใจให้ผมบ้างได้ไหม" "จริงๆ แล้วหนูก็อยากลองมีใครสักคนเหมือนกันค่ะ หนูเองก็ไม่เคยมีแฟนไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงกลัวทำตัวไม่น่ารักหนูกลัวว่าแฟนตัวเองจะรักหนูน้อยลง" "งั้นเราลองมาศึกษาดูใจกันไหมบางทีเราสองคนอาจจะเข้ากันได้คุณคิดว่าไง" เพราะความเขินทำให้เหมยลี่หยิบแก้วแชมเปญขึ้นมาดื่มจนหมดแก้วเธอพยักหน้าเป็นคำตอบให้เขาทำให้ตอนนี้ทั้งเขาและเธอเริ่มเปิดใจคุยกันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมัยเรียน กิจกรรมของโรงเรียนที่เคยได้ทำด้วยกันรวมถึงช่วงชีวิตของอัสนีตอนได้อยู่เมืองนอก "คุณรู้ไหมว่าความฝันของหนูคืออะไร^^" "อะไรเหรอ" อัสนีถามพร้อมยกแก้วแชมเปญขึ้นมาดื่ม "หนูมีความฝันที่จะเปิดร้านดอกไม้เป็นของตัวเองค่ะ ตอนนี้หนูเก็บเงินได้เยอะแล้วแต่ก็ยังต้องศึกษาเกี่ยวกับดอกไม้จากเจ้าของร้านไปก่อน" "ก็ดีนะเปิดร้านของตัวเองอาจจะเหนื่อยหน่อยแต่ผมเชื่อว่าคุณทำได้" "ขอบคุณค่ะ คุณเบื่อหนูหรือยังหนูไม่รู้ว่าคุณเป็นแฟนกันต้องทำอะไรกันบ้าง" อัสนียกยิ้มมุมปากเรื่องแบบนี้ถามใครเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าการออกเดตหลังจากเป็นแฟนกันต้องทำอะไรกันบ้างเขาเองก็เตรียมตัวมาบ้างในระดับหนึ่ง "ก็คงนั่งดูหนังกันจับมือกันหอมแก้มกันแล้วก็...." เหมยลี่ใบหน้าแดงก่ำเมื่อเขาเว้นประโยคหลังเธอเองก็โตเป็นสาวไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาที่จะไม่รู้เรื่องแบบนั้นแต่ถึงยังไงก็ต้องเก็บอาการเอาไว้เขาจะได้ไม่มองว่าเธอเป็นผู้หญิงแก่แดด อัสนีเปลี่ยนโหมดจากนั่งดื่มที่โต๊ะอาหารมาเป็นนั่งดื่มพร้อมดูหนังกับเธอที่โซฟาโดยที่มือของเขากับเธอประสานกันตลอดเวลาแม้เขาจะอายุเข้าเลขสามก็ใช่ว่าเขาจะเจนจัดเรื่องบนเตียงเขาเองก็ยังบริสุทธิ์ไม่ต่างจากเธอ "คืนนี้ไม่อยากกลับบ้านเลย" อัสนีพูดลอยๆ ออกมาแต่คนตัวเล็กนั่งบิดเป็นเลขแปดแล้วเธอได้ยินแถมยังเขินคิดไม่ออกเลยว่าชายหญิงอยู่ด้วยกันทั้งคืนอะไรจะเกิดขึ้น "ที่บ้านคุณจะว่าเอานะคะ" "ผมโตแล้ว.... โตจนปวดหมดแล้วตอนนี้" ให้ตายเถอะอัสนีแทบจะบ้าเขามีอารมณ์กับเธอตั้งแต่ตอนไหนกันแค่จับมือก็แข็งจนปวดร้าวไปหมดถ้าได้ทำคงไม่ได้หลับไม่ได้นอนแน่ "อะไรนะคะ" เธอหันไปมองหน้าเขาจนได้สบตากันอย่างใกล้ชิดสถานการณ์แบบนี้มันเหมือนฉากเลิฟซีนในซีรีส์ที่เธอเคยดูมาเลย "แก้มคุณมันน่าหอมมากเลยนะ ผมขอลองหอมได้ไหม..." "อื้มม~" แค่เธออนุญาตเขาก็จูบเข้าที่ริมฝีปากของเธออย่างเร่าร้อน เธอเองก็คล้อยตามเขาอย่างว่าง่ายไม่ว่าเขาจะลูบไล้ตัวเธอจนถึงขั้นปลดตะขอบราด้านหลังของเธอออกเธอก็ไม่ทักท้วงเขาเลย "นมใหญ่จัง มันใหญ่เกินตัวคุณมากเลยนะ" "คะ... คุณชอบไหมคะ" "ขอดูได้ไหมครับ ผมอยากเห็นของจริงให้เต็มตาอยากรู้ว่าจะใหญ่ขนาดไหน" ------------------------------------ ไอ้บ้าา ใครเขาขอดูกันแบบนี้ พรุ่งนี้มาอีก 2 ตอนค่ะ อย่าลืมคอมเมนต์ กดหัวใจ เพิ่มเข้าชั้นเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์บ้างนะคะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD