4
สีหราชวางร่างบอบบางลงบนเบาะด้านหลังและรีบก้าวตามขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
“กลับไร่เลยชาติ” ชายหนุ่มบอกลูกน้องคนสนิทพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้า
พรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานของพยัคฆ์กับสาวน้อยตรงหน้าเขาแล้ว แต่ถ้าเจ้าสาวดันหายตัวไปก่อนจะถึงวันแต่งงานเพียงแค่วันเดียว น้องชายและคุณหญิงอมราจะทำยังไงนะ แค่คิดมันก็ชักจะสนุกแล้วล่ะซิ เสียดายว่าเขาอยู่จนได้เห็นใบหน้าขาวเหลืองหรือซีดหรือว่าจะแดงเหมือนเลือดของทั้งสองคนไม่ได้
บุษย์น้ำพราวเงยหน้าขึ้น เมื่อครู่เธอคงฟังไม่ผิดใช่ไหม เขาบอกว่ากลับไร่ ไม่ได้บอกว่าจะพาเธอไปหาหมอนี่ งั้นตอนนี้...เธอก็กำลังถูกลักพาตัวนะซิ!
ตายแล้ว...!
บุษย์น้ำพราวรีบถอยหนีไปอีกด้านของรถ เธอยื่นมือไปหวังจะเปิดประตูรถ แต่กลับถูกชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้วยกระชากตัวกลับมานั่งบนตักหนา โดยมีแขนแกร่งราวกับคีมเหล็กโอบรัดรอบตัว ทำเอาเอวเล็กคอดแทบจะหักคาแขนใหญ่
“จะไปไหนล่ะสาวน้อย”
“ปล่อยฉันนะคุณ ปล่อย!” หญิงสาวหันมาทุบตีชายหนุ่มเป็นการใหญ่ แม้จะกลัวสักเพียงไหนแต่บุษย์น้ำพราวก็ต้องข่มกลั้นความกลัวเอาไว้ เพราะตอนนี้ความกลัวช่วยให้เธอหลุดรอดจากน้ำมือชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ นอกจากต้องสู้เท่านั้น
“เสียใจน่ะสาวน้อย ตอนนี้เธออยู่ในกำมือฉันเรียบร้อยแล้ว อย่าหวังว่าจะหนีรอด” สีหราชบอกเสียงแข็งกร้าว ชายหนุ่มก้มมองหญิงสาวในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้มประดุจมารร้าย
“คุณทำแบบนี้ทำไม ฉันไปทำอะไรให้คุณ” หญิงสาวถามเสียงสั่น ถึงแม้จะบอกกับใจตัวเองว่าอย่ากลัวๆ แต่เธอก็ยังอดที่จะใจสั่นไม่ได้
“ใช่ เธอไม่ได้ทำ แต่ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอและคุณหญิงอมราเป็นคนทำ” ชายหนุ่มตอบกลับสีหน้ายิ้มๆ เขากวาดมองหญิงสาวด้วยสายตาแพรวพราว
“ใครทำร้ายคุณ คุณก็ไปเอาคืนกับคนนั้นซิ มาเอาคืนกับฉันทำไม ฉันไม่ได้รู้เรื่องของพวกคุณสักหน่อย และฉันก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณเสือด้วย” บุษย์น้ำพราวรีบบอกด้วยหวังว่าคำพูดที่ออกไปจะทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจ ปล่อยตัวเธอไป
ชายหนุ่มหัวเราะกลั้วคอ “มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้วล่ะ แล้วก็ไม่ต้องพูดมาก นั่งเงียบๆ ถ้าไม่อยากโดนมัดเหมือนหมู” สีหราชขู่ด้วยความรำคาญ
“แล้วคุณจะพาฉันไปไหน” หญิงสาวถามด้วยความอยากรู้ เมื่อเห็นรถคันใหญ่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนมันกำลังพาเธอออกนอกเมืองใหญ่ ห่างไกลจากบ้านและครอบครัวอันแสนจะอบอุ่นไปอย่างเร็ว อย่างที่เธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับ
“ไม่ต้องถามมาก เดี๋ยวไปถึงเธอก็จะรู้เอง” ชายหนุ่มดันร่างบอบบางลงนั่งเคียงข้าง
บุษย์น้ำพราวคิดว่าชายหนุ่มเผลอและไม่สนใจ เธอเลยรีบถลาไปยังประตูรถหวังจะเปิดมันออกและกระโดดหนีเหมือนที่นางเอกละครบางเรื่องเคยทำ แต่เพียงแค่ขยับตัวเท่านั้น มือใหญ่ก็คว้าเข้าที่แขนและกระชากอย่างแรงจนร่างบอบบางถึงกับกระแทกเข้ากับบางสิ่ง
“ฉันบอกให้อยู่เฉยๆ ไง ไม่ได้ยินหรือไง!” สีหราชตวาดเสียงดัง “ผู้หญิงนี่เหมือนกันหมดเลยหรือไง บอกว่าให้อยู่เฉยๆ ก็ดันหาเรื่องเจ็บตัว น่าเบื่อชิบ!”
บุษย์น้ำพราวสะดุ้งเฮือก น้ำตาเอ่อล้นคลอเบา แต่ก็ไม่ยอมให้มันไหลลงมา แม้จะกลัวชายหนุ่มแต่เธอก็จะต้องหาทางหนีให้จงได้
“อยู่เฉยๆ ให้คุณพาฉันไปต้มยำทำแกงนะหรือ ไม่มีทาง” หญิงสาวส่ายหน้าแรงๆ จนผมที่ผูกมัดไว้กระจายออก ส่งให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพูที่เธอใช้ลอยเข้าจมูกสีหราช
“อย่างเธอเอาไปต้มยำทำแกงนะเสียดายแย่ ฉันว่าเอาไปทำอย่างอื่นจะดีกว่ามั้ง”
ชายหนุ่มกวาดมองไปทั่วใบหน้ารูปไข่ ยิ้มใส่ตาให้หญิงสาว ก่อนจะละสายตาลงไปมองเรียวปากอิ่มเต็มที่เขาอยากจะรู้นักว่ามันจะหอมและหวานเพียงใด แล้วชายหนุ่มก็ไม่รอช้า เขาโน้มใบหน้าลงไปอย่างที่ใจคิด
ริมฝีปากหนาประทับลงบนเรียวปากอิ่มอย่างแม่นยำ ชายหนุ่มกดย้ำบนริมฝีปากอิ่มเบาๆ อยู่สองสามครั้งอย่างได้ใจ เมื่อเห็นคนในอ้อมแขนไม่ขัดขืน ลิ้นร้อนลากไล้ก่อนจะค่อยๆ เปิดปากนุ่มหวังจะได้ล่วงล้ำเข้าไปชิมรสหวานภายใน แต่หญิงสาวกลับขบกัดฟันไว้แน่นจนเขาแทรกเข้าไปไม่ได้
“อื้อ...” ชายหนุ่มร้องประท้วงอย่างไม่ชอบใจ
บุษย์น้ำพราวใจสั่นระรัว เธอพยายามแกะมือใหญ่สลับกับผลักร่างหนาออกห่าง แต่กลับโดนกอดรัดเสียจนหายใจติดขัด
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อสัมผัสร้อนผ่าวลากไล้บนผิวเนื้อและล่วงล้ำเข้าไปกอบกุมปทุมถันเต่งตึงที่ไม่เคยมีใครเคยได้แตะต้องอีกด้วย ปากที่ขบกัดไว้เปิดกว้างทันควัน ให้คนที่รออยู่ก็ฉกลิ้นเข้าไปทันที
บุษย์น้ำพราวรีบส่งลิ้นเล็กของตัวเองมาขับไล่สิ่งแปลกปลอบ แต่เธอไม่รู้เลยว่านั่นเป็นการยั่วยุและกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มมากขึ้นกว่าเดิม
สีหราชบดเบียดริมฝีปากหนักหน่วงและรุนแรงมากขึ้น มือก็ฟ้อนเฟ้นเคล้าคลึงปทุมงามเต่งตึงสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่ยอมให้น้อยหน้ากัน และด้วยความรำคาญกับสิ่งกีดขวาง ชายหนุ่มเคลื่อนมือไปด้านหลัง ทำการปลดตะขอเสื้อชั้นในปลดปล่อยก้อนเนื้อนุ่มให้เป็นอิสระเพื่อเขาจะได้แตะต้องจนพอใจ ก่อนจะยอมถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย
“ไม่คิดเลยนะว่าคุณหญิงอมรานี่จะสายตาเฉียบแหลมจริง ๆ หาเจ้าสาวที่ทั้งหวานหอมและนุ่มลิ้นให้เจ้าเสือได้ แต่ถ้ามันรู้ว่าฉันดันเป็นคนเปิดซิงค์เจ้าสาวเสียแล้ว มันจะรู้สึกยังไงนะ จะขอบใจที่ฉันที่สอนชั้นเชิงและประสบการณ์บนเตียงให้กับเมีย”
สีหราชยิ้มใส่ดวงตากลมโตที่ยังคงงุนงงแต่ก็มีประกายหวานเชื่อมอย่างไม่รู้ตัว เขาไล้ปลายนิ้วไปบนใบหน้ารูปไข่อย่างพอใจกับความหวานนุ่มที่ได้รับ
“หรือว่ามันจะเสียดายจนอยากจะฆ่าฉันกับเธอทิ้ง...แต่ถ้าให้ฉันเดานะ ไอ้เสือคงอยากจะหักคอเธอกับฉันทิ้งแน่ๆ ”
คำพูดจากชายตรงหน้าไม่เพียงเรียกสติบุษย์น้ำพราวให้กลับคืนมา หากนำเอาความหวาดกลัวมาสู่เธอด้วย หัวใจสาวน้อยหล่นกองอยู่ที่ปลายเท้า พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม
“คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย ทำไมต้องทำร้ายฉันด้วย”
“เธอดันถูกเลือกให้มาทำหน้าที่...เมียของไอ้เสือ มันก็เลยช่วยไม่ได้ที่จะต้องกลายมาเป็นหนึ่งในเกมของฉันกับไอ้เจ้านั่น” ชายหนุ่มวางมือบนริมฝีปากอิ่มเต็ม ใบหน้าคมก้มลงไปด้วยอยากจะได้จุมพิตหวานๆ อีกสักครั้งแต่หญิงสาวเบือนหน้าหนี ทำให้ริมฝีปากหนาประทับบนแก้มเนียนนุ่มแทน
“เธอต้องเชื่อฟังคำสั่งฉัน เมื่อฉันบอกว่าห้ามหนี ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ถ้าไม่เชื่อ ฉันอาจจะเปลี่ยนใจนอนกับเธอบนรถนี่ก็ได้” ชายหนุ่มดันร่างบอบบางลงนั่งเคียงข้างอีกครั้ง ชายหนุ่มเหยียดยิ้มกวาด มองบุษย์น้ำพราวดวงตาวาววับ เพื่อให้เธอรู้ว่า เขาพูดจริงทำจริงเสมอ
น้ำเสียงที่ออกจากปากหนาทั้งเย็นจัดและแข็งกร้าว ทำเอาบุษย์น้ำพราวถึงกับร้องไห้ด้วยความกลัว
‘พ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยพราวด้วย พราวกลัว เพชรช่วยพี่ด้วย’
บุษย์น้ำพราวเขยิบไปจนชิดกับประตูรถด้วยต้องการจะหนีห่างชายหนุ่มใจร้ายให้มากที่สุด รถคันใหญ่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว จนเธอมองไม่ทันว่าตอนนี้เดินทางไปที่ไหน
ตุ๊บ!
พยัคฆ์วางร่างบอบบางลงบนเตียงนอนในคอนโดส่วนตัวที่เขาไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาเลยสักคน เพราะถือว่าที่นี่เป็นที่ส่วนตัวจริงๆ ใช้หลบมุมเวลาที่อยากจะพักผ่อนเงียบๆ อยู่คนเดียว หรือไม่ก็เป็นเวลาที่อยากจะใช้สมองครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องงานหรือเรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้ไม่สบายใจ ขนาดว่าคุณย่าที่จุ้นจ้านมาก ก็ไม่เคยที่จะมาก้าวก่ายกับที่นี่