ภาพชาวบ้านคุกเข่าอ้อนวอนขอซื้อยาสมุนไพรจากคุณหนูสกุลหวังและบิดา ยังติดตาคุณชายโจวจวบจนถึงปัจจุบัน สองพ่อลูกปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือคนที่กำลังลำบาก และกล่าวว่าหากไม่มีเงินมากพอ เขาก็จะไม่จำหน่ายสมุนไพรให้ เมื่อครอบครัวนั้นกล่าวถามว่าเหตุใดจึงช่วยเหลือเด็กที่สิ้นสติ โดยที่มิรู้แน่ชัดว่าจะได้เงินตอบแทนหรือไม่ หวังโหย่งเจากลับตะคอกตอบว่า มองด้วยสองตาก็รู้แล้วว่าคุณชายมีฐานะ และสามารถจ่ายคืนได้อย่างแน่นอน
‘หากมิจ่ายค่ายา ข้าก็จะยึดปิ่นหยกนั่นแทน ส่วนพวกเจ้า ข้าไม่เห็นความหวังว่าจะได้กำไรเลยแม้แต่น้อย’
บทสนทนานั้นมิได้รอดพ้นจากหูของคุณชายที่อาการทุเลาลง หลังจากได้พักผ่อนอยู่ชั่วขณะหนึ่ง หวังฮุ่ยเหอตระหนักได้ว่าคุณชายเห็นยามที่ตนและบิดาตวาดไล่พวกขี้ขอไปให้พ้นทาง ทีแรกจึงตั้งใจว่าจะแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่พอได้ยินถ้อยความกระซิบด่าตามหลัง นางก็ถึงกับพูดไม่ออกอยู่เหมือนกัน
‘เจ้าและบิดาใจดำยิ่งกว่าอีกาเสียอีก...’
ใจดำเหมือนอีกาแล้วร่ำรวยติดอันดับต้น ๆ ของเมืองเฉินหยาง หวังฮุ่ยเหอยอมถูกเรียกขานว่าเป็นสตรีใจดำดั่งอีกา!
ตราบใดที่ท่านอาโจวหงเหลียงยังเข้าใจว่าการค้าก็คือการค้า ย่อมต้องมีการบวกราคาเพิ่มเติมตามสมควร หวังฮุ่ยเหอก็ไม่จำเป็นต้องสนใจคำของผู้อื่น ขอเพียงตำแหน่งคนโปรดยังไม่หลุดลอยไปไหน นางก็ยังจะมีโอกาสได้ครองตำแหน่งสะใภ้สกุลโจว และหากวันนั้นมาถึง นางก็จะกลายเป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเฉินหยาง ส่วนเรื่องของคุณชายโจวเล่อเทียนนั้นก็มิใช่เรื่องยาก หากอยู่ด้วยกันไปสักพักก็คงจะรักกันไปเอง
หวังฮุ่ยเหอคิดเช่นนั้น จนกระทั่งคุณชายประกาศชัดว่าชื่นชอบสตรีอื่น และสตรีนางนั้นก็กำลังยืนยิ้มเย้ยนางอยู่ตรงหน้านี้เอง
“เอาอะไรมาพูดว่ามิได้รักกันจริง” หลี่ซินเหมยควงแขนของคุณชาย มิรีรอให้เขาร้องขอให้เล่นละครอีก
“แค่ควงแขน ใคร ๆ ก็ทำได้”
คุณหนูหวังรู้สึกเจ็บประหลาด คล้ายกับว่าหัวใจของนางถูกเสี้ยนไม้ตำลึก และเสี้ยนไม้ที่ว่าก็มีนามว่าหลี่ซินเหมย
“ที่คุณหนูพูดมาก็มิผิดนัก แต่เจ้าของแขนจะยอมให้ควงหรือไม่ นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งมิใช่หรือเจ้าคะ”
“ไร้ยางอาย! ยอมควงแขนของบุรุษเพื่อยั่วยุให้ข้าเชื่อคำโกหก เสียใจด้วยนะที่ข้ามิได้โง่ถึงปานนั้น และอีกอย่าง น้ำหน้าอย่างเจ้าไม่มีวันดูแลคุณชายได้ดีเสมอข้าแน่ ๆ!”
“คุณหนูเจ้าคะ แค่นำสมุนไพรที่หาได้ทั่วไปมามอบให้คุณชาย นั่นเรียกว่าการดูแลที่ดีแล้วหรือเจ้าคะ”
“สู่รู้! สมุนไพรที่ข้าคัดเลือกมาล้วนแต่เป็นของดี คนโง่อย่างเจ้าจะไปรู้อะไรได้!” หวังฮุ่ยเหอรู้สึกร้อนสลับหนาว ลืมเสียสนิทว่านางมีความรู้เรื่องสมุนไพรที่ค่อนข้างจะเหนือชั้นอยู่มาก
“สมุนไพรสามตัวที่คุณหนูเลือกใช้ มีสรรพคุณธรรมดาอย่างมาก ช่วยแค่เพียงดับร้อนบำรุงตับ ข้าหลับตาปลูกก็ยังได้ แต่ก็คงจะต้องรออีกสักสองสามเดือน” หลี่ซินเหมยไล่ชื่อสมุนไพรทั้งสามชนิด โดยไม่สนใจคุณหนูที่กำลังโมโห เพราะว่านางไม่ผิดเลยสักคำ
“ซินเหมยปลูกได้จริงหรือ” โจวเล่อเทียนเลิกคิ้วถาม มิแน่ใจว่านางพูดจาเรื่อยเปื่อย หรือทำได้เช่นนั้นจริง ๆ
“เจ้าค่ะ เพื่อความสุขและสุขภาพของคุณชายแล้ว ซินเหมยย่อมทำได้ทุกอย่าง” นางกระชับแขนของคุณชายให้แนบชิดเพื่อความน่าเชื่อถือ ในเมื่อเล่นละครมาในแนวทางนี้แล้ว นางก็ควรจะทำให้สมจริงให้มาก
“เช่นนั้นรออีกสักสองสามเดือน เราก็คงมิต้องรบกวนคนของสกุลหวังอีกแล้วกระมัง” คุณชายเจ้าสำอางพึมพำ และนั่นทำให้ความอดทนของหวังฮุ่ยเหอขาดสะบั้น จนควบคุมตนเองมิได้อีก
“นางปีศาจ! คิดว่าตัวเองประเสริฐมาจากที่ใดกัน! หลอกว่าตนชอบพอกับท่านพี่ยังไม่สาแก่ใจ ยังทำตัวหน้าด้าน กล้าข่มขู่ว่าจะปลูกสมุนไพรแข่งกับร้านของข้าอีกหรือ!”
“ข้าจะแข่งกับคนที่คู่ควรเท่านั้น ส่วนเจ้าน่ะ...หาได้อยู่ในสายตาของข้าไม่!”
“ปากสุนัข!”
“ส่วนเรื่องข้ากับคุณชาย ชอบพอกันจริงหรือไม่ เหตุใดจึงไม่ลองถามคุณชายดูละ ว่ารู้สึกอย่างไรกับข้ากันแน่ ส่วนเรื่องข้าชอบคุณชายหรือไม่ ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นเอง!”
หลี่ซินเหมยทาบทับปากของตนลงบนแก้มของคุณชายโจว ความอยากเอาชนะทำให้นางขาดสติ ลงมือกระทำในสิ่งที่กุลสตรีในใต้หล้ามิกล้าทำ พอเห็นดวงหน้าแดงดั่งผลพุทราเชื่อมของคุณชาย นางก็ยิ่งเผยรอยยิ้มยินดี ที่ทุกอย่างออกมาดูสมจริงอย่างมาก
คุณหนูสกุลหวังเห็นปฏิกิริยาของว่าที่คู่หมายแล้ว จึงมิจำเป็นจะต้องเสียเวลาสอบถามอีก ชัดเจนแล้วว่าคุณชายโจวเล่อเทียนชอบสตรีปากเก่งนางนั้นอย่างมาก และนางจะไม่ยอมอยู่เฉยอย่างแน่นอน
บุตรสาวเจ้าของร้านขายสมุนไพรชื่อดัง ปราดเข้าไปตบศัตรูหัวใจทันที ทว่าเอื้อมมือยังมิทันถึงดวงหน้าหวาน นางก็ถูกหยุดเอาไว้เสียก่อน
นี่คือครั้งแรกที่โจวเล่อเทียนยอมแตะเนื้อต้องตัวนาง ทว่ากลับต่างจากที่หวังฮุ่ยเหอเคยจินตนาการเอาไว้อยู่มาก นางคาดหวังว่าจะได้รับสัมผัสที่อ่อนโยน เรื่องปัดมืออย่างแรงเพื่อปกป้องสตรีอื่น กลับไม่เคยอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าตั้งสติหน่อย นี่คนของข้า บ้านของข้า เจ้าหามีสิทธิ์ลงมือตามใจชอบแต่อย่างใดไม่” โจวเล่อเทียนเอ่ยเสียงเรียบ เพราะมิต้องการดึงความสนใจจากเหล่าคนสวนที่กำลังจ้องมองอยู่
“ท่านพี่หูหนวกตาบอดก็เพราะว่านาง ข้าจะฟ้องท่านอาให้ไล่นางออก!”
“อยากจะฟ้องก็ตามใจ ข้าเบื่อที่จะฟังคำขู่ของเจ้าเสียเต็มทนแล้ว ซินเหมย เรากลับเข้าบ้านกันเถิด”
“ท่านพี่!” หวังฮุ่ยเหอยังคงตวาดเรียกเสียงดัง โดยมิสนใจเสี่ยวถิงที่กำลังร้องห้าม
“วันนี้เหนื่อยนัก ขออนุญาตไม่ส่งแขก” โจวเล่อเทียนมองไม่เห็นทางออกจึงรีบตัดบทสนทนา เดินนำหลี่ซินเหมยเข้าบ้านเพื่อยุติเรื่องราววุ่นวายให้จบเสียในตอนนี้
คุณชายเจ้าสำอางต้องทนฟังเสียงกรีดร้องอาละวาดอยู่ครู่ใหญ่ จึงจะได้ความสงบกลับคืนมา เขาสอบถามจากบ่าวจนทราบแน่ชัดว่าคุณหนูสกุลหวังไม่อยู่แล้ว จึงค่อยเริ่มสนทนากับหัวขโมยแปลงผักที่เพิ่งจะขโมยจูบแรกของเขาไป
“คุณชายเจ้าคะ ซินเหมยทราบว่าการแสดงเมื่อครู่นี้ออกจะเกินเลยไปบ้าง คุณชายอย่าถือสาข้าเลยนะเจ้าคะ”
“หลี่ซินเหมย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าแอบชอบเจ้าอยู่เงียบ ๆ โดยมิได้หวังว่าจะได้รับไมตรีตอบแทน ข้าอดทนเหนี่ยวรั้งความรู้สึกของตน เพราะทราบดีว่าไม่แข็งแรงพอที่จะดูแลใครได้ แต่หากเจ้ายังทำเรื่องแบบเมื่อครู่ที่ผ่านมา ข้าก็อาจจะรู้สึกมากกว่าคำว่าชอบ และนั่นคงไม่ยุติธรรมต่อหัวใจของข้านัก”
“คุณชาย...”
“ซินเหมยอย่าเพิ่งพูด แต่จงกลับไปลองพิจารณาดู ว่าการล้อเล่นกับความรู้สึกของคนที่มีใจให้เจ้าอยู่แต่เดิมนั้น เหมาะสมดีแล้วหรือไม่” คุณเจ้าสำอางมิยอมมองหน้านางอีก เขารอจนกระทั่งโฉมงามออกจากแปลงผักไปแล้ว จึงทรุดตัวลงนั่งคล้ายคนหมดแรง บ่าวไพร่โดยรอบขยับตัวเตรียมพร้อมจะให้การดูแล แต่กลับถูกคุณชายโบกมือไล่ไปให้พ้นทาง
มิใช่ร่างกายที่ปราศจากพละกำลัง ทว่าหัวใจของโจวเล่อเทียนต่างหากที่กำลังปวดร้าวอย่างหนัก
หลังจากสารภาพความรู้สึกแล้วถูกปฏิเสธ คุณชายเจ้าสำอางก็มิได้เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก เขาแสร้งเห็นด้วยว่าความชอบที่ก่อตัวขึ้นนั้นเป็นเพราะความใกล้ชิด
หลี่ซินเหมยกล่าวว่า หากคุณชายได้รู้จักกับคุณหนูบ้านอื่นก็คงจะลืมความรู้สึกที่ว่านั้นไปเอง ทั้งนางกล่าวย้ำอยู่ทุกวันด้วยว่า จะพาคุณชายลงไปเที่ยวในเมืองในวันที่ไม่มีแดด เพื่อทำความรู้จักกับเหล่าคุณหนูจากสกุลต่าง ๆ
‘สุขภาพของข้าไม่ค่อยดีนัก เหล่าคุณหนูพวกนั้นคงจะมินิยมชมชอบบุรุษที่ขี้โรคอย่างข้าหรอก’
‘คุณชายล้อข้าเล่นแล้ว ร่างกายท่านแข็งแรงมากกว่าคุณชายหลายบ้านที่ข้าเคยรู้จัก ประการสำคัญที่สุด คือท่านนิสัยดี มีน้ำใจอย่างมาก หน้าตาหรือก็หล่อเหลาไม่เป็นรองผู้ใดในเมืองเฉินหยาง หากคุณชายออกไปเที่ยวเล่นให้สาว ๆ ในเมืองเห็นหน้าสักหน่อย ข้าจึงเชื่อว่าจะต้องมีคุณหนูนิสัยน่ารัก ชื่นชอบหลงใหลในตัวท่านอย่างแน่นอน’
โจวเล่อเทียนทำได้แค่เพียงยิ้มกว้างและให้คำสัญญาว่าสิ้นฤดูร้อนแล้ว เขาจะลงไปเที่ยวในเมืองตามคำแนะนำของนาง
นี่คือปีแรกที่เขามิต้องการให้ฤดูร้อนจบสิ้นโดยเร็ว...