บทที่ 1 การ์ดแต่งงาน

2247 Words
หนึ่งปีที่แล้ว... @The hospital A [แผนกศัลยกรรมทรวงอกและหัวใจ] “สวัสดีค่ะคุณหมอพายุ...” เสียงเอ่ยทักทายยาวตั้งแต่ทางเข้าโรงพยาบาลไปจนถึงลิฟต์กลางภายในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาว เขาค้อมศีรษะให้แม่บ้านตลอดจนรุ่นน้องนักศึกษาแพทย์ “มาเช้านะคะวันนี้” “ครับ ป้าก็มาเช้านะครับ” เขายิ้มให้กับป้าแม่บ้านที่ในมือถือไม้ถูพื้นอยู่ ใบหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเองของเขาทำให้ใครต่างชื่นชม คุณหมอพายุ หรือนายแพทย์พายุ นฤบดินทร์ลูกชายคนโตของเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ เขาเป็นกันเองไม่ถือตัวจนใคร ๆ ต่างนับถือและพูดถึงเขามาโดยตลอด “ถืออะไรในมือคะ คุณหมอ” แม่บ้านยืนคุยกับคุณหมอหนุ่มให้กระชุ่มกระชวยหัวใจระหว่างรอลิฟต์ เขาขยิบตาข้างหนึ่งให้กับคุณป้าแม่บ้านด้วยความทะเล้น “การ์ดงานแต่งครับ” “โอ๊ะ! ใครแต่งงานกันคะเนี่ย อย่าบอกนะว่า...น้องชายคุณหมอ” เขาส่ายหน้าเบา ๆ คิดแล้วเชียวว่าคงไม่มีใครคิดว่าเขาจะแต่งงาน ชายหนุ่มยกมือขึ้นป้องปากทำทีเหมือนว่าเป็นความลับสุดยอด “ผมเองครับ” “ว้าย! ขุ่นพระ อย่าอำป้าเล่นสิคะ...คุณหมอไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอคะ” “หึ ครับ...ไม่มีแฟนแต่มีเมียเลย" เขาว่าด้วยน้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร เป็นจังหวะพอดีที่ลิฟต์ได้เลื่อนลงมาถึง “ผมไปก่อนนะครับ” “เดี๋ยวสิ...เรื่องนี้ต้องแถลงนะคะคุณหมอ!!” พายุฉีกยิ้มกว้างพลางยกหลังมือขึ้นอังริมฝีปาก เขานึกขันให้กับใบหน้าของคุณป้าแม่บ้าน ไม่นานข่าวของเขาที่กำลังจะแต่งงานคงแพร่สะพัดไปทั่วโรงพยาบาลยิ่งกว่าข่าวไทยรัฐหน้าหนึ่งแน่นอน ติ๊ง~ ฝ่าเท้าในรองเท้าหนังราคาแพงก้าวออกจากตัวลิฟต์เมื่อลิฟต์แก้วเคลื่อนมาถึงแผนกของเขา ชายหนุ่มค้อมศีรษะให้กับเหล่าพยาบาลและทีมแพทย์ทุกคน เขาอารมณ์ดีเป็นวิสัย ความใจดีไม่สมกับเป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลนี้ทำให้ใครต่างหลงรักและชื่นชอบเขา “หึ...หน้าบึ้งแต่เช้าเชียว” เขามองไปเห็นเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของเขาที่กำลังหน้าบึ้งอ่านชาร์ตคนไข้ในมือ บนต้นคอของเธอมีสายของหูฟังแพทย์คล้องอยู่ ผมยาวสีดำนั้นถูกมัดรวบไว้พร้อมกับมีหมวกอาบน้ำสีเขียวคลุมอยู่บนศีรษะ ซึ่งร่างหนาที่เดินเข้ามาใกล้นั้นไม่ได้เรียกสายตาของแพทย์หญิงอย่างขวัญตา “เฮ้!!...” “อ๊ะ!! จิ๊! เอาอีกแล้วนะพายุ!! อยากให้ฉันหัวใจวายตายหรือไง” “โธ่ ถ้าเธอหัวใจวายฉันจะช่วยเธอเอง ฉันน่ะ...ศัลยแพทย์มือหนึ่ง...” “มือหนึ่งหรือมือใหม่กันแน่ยะ หึ...ว่าแต่มาเช้านะวันนี้” “หึ...ก็เพราะว่าเอาอันนี้มาให้เธอก่อนไง” เขาว่าพร้อมกับวางซองสีชมพูลงตรงหน้าเธอบนเคาน์เตอร์บาร์สำหรับวางของต่าง ๆ ของเหล่าพยาบาล ซึ่งซองสีชมพูนี้ทำให้หัวใจของขวัญตากระตุกทันที “อะไรอ่ะ น้องแกแต่งไปแล้วไม่ใช่เหรอ” “ไม่ใช่ของน้องฉันน่ะสิ” “หืม?” “ของฉันไง” “อะไรนะ!!” พายุสะดุ้งให้กับการตะคอกของคนเป็นเพื่อน เขาขมวดคิ้วพร้อมกับยกมือขึ้นทาบอกของตัวเอง “จะร้องทำไมวะ ตกใจเป็นนะเว้ย!” “ฉันต่างหากที่จะต้องตกใจ แต่งงานอะไรของแกวะ” ขวัญตาว่าเสียงสั่น ดวงตาของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที ความรู้สึกสับสนถาโถมเข้ามาในเวลาอันรวดเร็ว “ก็ฉันจะแต่งงานไง พอดีว่าฉันจบเรสซิเด้นท์ [1] พ่อให้แต่งงานก่อน ขืนรอเฟลโล่ชิป [2] ก็อาจจะมีลูกยากพ่อก็เลย...” “เดี๋ยวพายุฉันไม่เข้าใจ แกว่าอะไรนะ” “หืม...” “อึก นายถูกบังคับแต่งงานงั้นเหรอ” “ก็...ไม่เชิง” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก พายุไม่ได้รู้สึกอะไรกับการหมั้นหมายของครอบครัวเขากับครอบครัวของเพื่อนพ่อ เพราะเขาไม่ได้มีแฟนและไม่ได้สนใจผู้หญิงคนไหน ถ้าพ่อหาผู้หญิงให้มันก็ยิ่งดีต่อตัวเขาเอง เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาจีบสาว เล่นเอาเวลาเหล่านั้นไปหาอ่านหนังสือยังดีเสียกว่า “ไม่เชิง? ฉันไม่เข้าใจ แกช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ” “หึ เธอเป็นอะไร ฉันแต่งงานนะโว้ยไม่ได้มีใครตายทำไมต้องตกใจขนาดนี้ด้วยวะ” “_” ก็ฉันชอบแกไงไอ้ผู้ชายบ้า ดูไม่ออกหรือไง!! ขวัญตาได้แต่คิดในใจไม่ได้โพล่งเสียงออกมาอย่างที่ใจต้องการ เธอเฝ้ารอสารภาพรักกับเขามาโดยตลอด แต่กลัวว่าจะเสียความเป็นเพื่อนทำให้ต้องกั๊กไว้ตลอด ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะร่อนการ์ดแต่งงานแบบนี้ “อ้าว...เงียบอีก คือกูไม่ได้มีปัญหาอะไร พ่อแม่ว่าโอเคก็โอเค” “แต่...การแต่งงานคือการที่ต้องใช้ชีวิตคู่นะ มันไม่ใช่แต่งแล้วก็จบ ๆ ไป” “กูก็ไม่ได้คิดว่าจบ ๆ ไปนะ ก็...แต่งงาน มีลูกให้พ่อแม่ แล้ว...ก็อยู่ด้วยกันผัวเมีย” ขวัญตายกมือขึ้นกุมขมับ เธอส่ายหน้าไม่เข้าใจที่เขาพูด “แสดงว่าแกก็ไม่ได้รักเธอ” “ถูกต้อง หน้ายังไม่เคยเจอด้วย” “อะไรนะ...” “ได้ยินไม่ผิดหรอก แต่มึงจะมาซีเรียสอะไรขนาดนี้วะ แม่บอกน้องเขาก็น่ารักดี เป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อ แล้วก็...ครอบครัวเรารู้จักกันมานาน” “แต่แต่งงานทั้ง ๆ ที่ไม่รักเนี่ยนะ” “ก็อาจจะรักกันก็ได้” ขวัญตาส่ายหน้าแรงกว่าเดิม คำพูดของเขานั้นดูไม่ใส่ใจอะไรเลย ต่างจากเธอที่เจ็บใจเจียนขาดใจ เขาจะกลายเป็นคนมีภรรยาอย่างนั้นหรือ “ไม่ได้ การแต่งงานต้องเกิดจากคนสองคนรักกัน” พายุขมวดคิ้ว เขาส่ายหน้าเบา ๆ ไม่ได้สนใจคำพูดของเธอแม้แต่น้อย “ในนั้นมีตั๋วเครื่องบินด้วย เธอเป็นลูกเสี้ยวอิตาลี ต้องไปแต่งที่อิตาลี กูเลยเอามาให้มึงด้วย มึงคนเดียวเลยนะที่กูเชิญ” ขวัญตาส่ายหน้าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน มองดูเวลาที่เขาจะแต่งงานนั้น อีกเพียงแค่สองวันเท่านั้นเอง แล้วอย่างนี้เธอจะทำอย่างไรให้เขาเปลี่ยนใจ... พายุหมุนตัวกลับไปทางเดิมหลังจากให้การ์ดเชิญงานแต่งงานของเขากับเพื่อนสนิทภายในชั้นเรียนเพียงคนเดียวอย่างขวัญตา ภายในแผนกศัลยกรรมทรวงอกและหัวใจกินพื้นที่ของตึกศัลยกรรมกว่าห้าชั้น เขาเดินไปที่ห้องพักของเขาที่ถูกแยกออกมาอย่างที่ใฝ่ฝัน เพราะตั้งแต่เรียนเฉพาะทางเขาต้องอยู่ห้องรวมกับแพทย์ประจำบ้านคนอื่น ๆ ทว่าพอเรียนจบแล้วเขาเรียนต่อยอดอีก แต่ยังดีที่เฟลโล่ชิปหรือแพทย์เฉพาะทางต่อยอดแยกห้องพักเวรแล้ว ทว่าพอเปิดประตูห้องพักเข้ามากลับพบกับความว่างเปล่าของแฟ้มเอกสาร ซึ่งมันควรจะมีเอกสารคนไข้ของวันนี้วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ความผิดปกตินี้ทำให้ชายหนุ่มชะเง้อคอออกมาจากห้องพักเพื่อถามพยาบาลที่เดินผ่านไปมา “ขอโทษนะครับนุชมายังครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามถึงพยาบาลที่ทำงานร่วมกับเขา “อ้อ ยังค่ะ แต่เธอส่งข้อความฝากมาบอกคุณหมอพายุว่าวันนี้คุณหมอหยุดนะคะ” “ห้ะ...” “เห็นบอกว่าเป็นคำสั่งของเบื้องบนให้คุณหมอลางานน่ะค่ะ ฉันก็เพิ่งเห็นข้อความเหมือนกัน” พายุยกมือขึ้นกุมขมับทันที คำสั่งจากเบื้องบนคงไม่ใช่ใครที่ไหน ก็พ่อเขาเองนั่นแหละ “โอเคครับ ขอบคุณนะครับ” พายุปิดประตูห้องพัก ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้นวม เขาล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อจะได้โทรหาคนเป็นพ่อ มองดูเวลาที่ยังไม่ถึงเวลาเข้างานทำให้รู้สึกสบายใจที่จะโทรพ่อของเขา ติ๊ด! “รับไวเหมือนกับรออยู่เลยนะครับ” ซึ่งพอกดโทรออกอีกฝ่ายก็กดรับทันที ราวกับรอสายเขาอยู่อย่างไงอย่างนั้น [หึ แหงสิ...] “พ่อให้ผมลาทำไมครับ” [ไปเตรียมตัวไง จะถึงวันงานอยู่แล้ว มัวรีรออะไร บินไปหาน้องก่อนวันนี้] “วันนี้เลยเหรอครับ ผมมีนัดคนไข้” [พ่อให้คนเข้าแทนหมดแล้ว] “งั้นผมรอส่งเวรก่อน” [อ่า พ่อให้คนเตรียมทุกอย่างให้แล้ว] “โอเคครับ ขอบคุณครับ” [นี่พ่อไม่ได้พูดเล่นนะพายุ พ่อให้ไปตอนนี้ก็ต้องตอนนี้ คนไข้พ่อให้คนดูแลแทนแล้ว] “เข้าใจแล้วครับ” พายุพ่นลมหายใจออกมา เขากำลังจะออกไปคุยกับหมอคนอื่นเพื่อฝากคนไข้ของเขาแล้ว ทว่าคนเป็นพ่อกลับรู้ทัน สั่งกำชับเขาอีกครั้ง ซึ่งพอได้ยินคนเป็นพ่อสั่งมาเช่นนี้ ก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ ชายหนุ่มกดตัดสายโทรศัพท์ เขาเอนตัวลงพิงพนักพิงเก้าอี้เพียงครู่เดียวก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน หากมัวอิดออดอยู่พ่อก็คงลงมาหา ร่างหนาคว้ากระเป๋าหนังมาสะพายข้าง ก่อนจะเปิดประตูห้องพักของเขาออก ซึ่งพอเปิดมาก็ได้ยินเสียงกัมปนาทของคนเป็นเพื่อนอย่างเช่นทุกวัน “ส่งอะไรต่อ ผลตรวจออกมาแบบนี้จะส่งตรวจอะไรต่อ” เธอยกกระดาษขึ้นชี้ใบหน้าของรุ่นน้องนักศึกษาแพทย์ที่ก้มหน้าไม่กล้าสบตา “ถ้ายังตอบไม่ได้จะช่วยอะไรคนไข้ได้ ไหนอีกคน ตอบมาซิ” พายุเห็นท่าไม่ดีที่เห็นรุ่นน้องสามคนก้มหน้าวางมือที่หัวเข็มขัดไม่กล้าตอบคำถามรุ่นพี่อย่างขวัญตา “ใจเย็นสิ...ตอบไม่ได้ก็ให้น้องเปิดหนังสือก่อนก็ได้” ขวัญตาหันมามองใบหน้าของพายุ เธอยังคุยเรื่องที่ค้างคาใจกับเขาไม่แล้วเสร็จเสียด้วยซ้ำ ทว่าเวลานี้กลับมีเรื่องปวดหัวเข้ามาอีก “เหอะ...ถ้ามัวแต่เปิดหนังสือคนไข้รอได้ไหมพี่ถาม แบบนี้แสดงว่าไม่ได้เตรียมตัวมาเลยสินะ” “ขอโทษครับ” “ขอโทษ? เก็บไว้ขอโทษญาติคนไข้เถอะนะ...” พายุยิ้มแหย่ ๆ ให้กับรุ่นน้อง เขาดึงต้นแขนของขวัญตาออกมา “ใจเย็นสิ ถ้าเธอสอนน้องแบบนี้น้องก็ยิ่งไม่กล้าตอบ” ร่างบางเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เพราะอารมณ์ที่ค้างอยู่กับการได้ยินข่าวแต่งงานของเขาทำให้เธอสติแตกไปในเช้าวันนี้ “เพิ่งลงเวรมาสิท่า ไปหาอะไรหวาน ๆ กินก่อนดีกว่าไหม” “นายกำลังใจดีกับฉัน” “หืม...” “คิดบ้างไหมว่าฉันรู้สึกยังไง” เธอว่าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา ทำเอาพายุมองด้วยความตกใจ เขางงที่อยู่ ๆ หญิงแกร่งที่ได้รับฉายาว่านังแม่มดประจำศัลยแพทย์หัวใจจะร้องไห้ออกมา “ก็อยากให้รุ่นน้องเก่ง กูก็รู้...ว่ามึงอยากกฝึกให้น้องเก่ง แต่มันโหดมากไป เวลามึงด่าน้องเขาต่อหน้าคนเยอะ ๆ” ถึงกระนั้นพายุก็ยังไม่เข้าใจว่าเธอร้องไห้เพราะเรื่องอะไร “_” “เราก็เคยเป็นเรสิเด้นท์นี่หว่า” ขวัญตากำลังจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา แต่ก็ถูกฝ่ามือหนาจับไว้เสียก่อน “หึ...เป็นหมอจริงไหม เอามือเช็ดตาตอนนี้ติดเชื้อกันพอดี” เขาว่าก่อนจะล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกจากกระเป๋าสะพายข้างเพื่อเช็ดน้ำตาให้เธอ “อย่าโหดมาก หนุ่ม ๆ ไม่กล้าจีบแล้ว” “หึ...ทำไมจะไม่กล้าจีบ ฉันสวยจะตาย” พายุหัวเราะออกมาให้กับสาวเจ้า เขาไหวไหล่ขึ้นเบา ๆ “ไม่งั้นจะโสดแบบนี้หรือไง สามสิบแล้วนะเว้ย!” “_” เพราะฉันรอนายไง ขวัญตาเม้มริมฝีปาก เธอคิดในใจไม่กล้าเอ่ยพูดออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นจับข้อมือของเขาไว้ “นายไม่ต้องแต่งงานได้ไหม” “หืม...” “แกบอกโดนบังคับนี่ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ” “กูไม่ได้บอกว่าโดนบังคับนะ กูยินดีที่ทำให้พ่อแม่สบายใจ” เขาตอบอย่างไม่ยี่หระพลางก้มมองนาฬิกาบนข้อมือไปด้วย “แต่...แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการถูกบังคับ ถ้าแกปฏิเสธไปฉันเชื่อว่ายังไงท่านประธานก็ยอม” “คือ...กูไม่เข้าใจว่าทำไมกูต้องปฏิเสธไง กูกำลังไปหาน้องเขาแล้วด้วย” “_” “งานแต่งเตรียมมานานแล้วด้วย อยู่ ๆ กูจะไปยกเลิกมันก็ไม่ใช่” “แต่มันเป็นทั้งชีวิตเลยนะ” “ใช่ เพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งตัดสิน ถ้ามันไม่ใช่ก็ค่อยหย่าก็ได้ แต่ตอนนี้กูอยากให้ที่บ้านสบายใจกับกู” เขาว่าพร้อมกับยกมือขึ้นจับไหล่เล็กทั้งสองข้างของคนเป็นเพื่อนไว้ เพราะความสุขของพ่อแม่คือความสุขของเขาไปแล้ว “แกจะหย่าทีหลังใช่ไหม” “หืม...ก็ถ้าไปกันไม่รอดน่ะนะ ก็คงต้องทำแบบนั้น” ขวัญตาเม้มริมฝีปากพลางพยักหน้าหงึกหงัก เขาแต่งได้...ก็หย่าได้เช่นกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD