ภริดาเพิ่งควักเงินเก็บครึ่งหนึ่งซื้อคอนโดมิเนียมหรูใกล้ร้านอาหารของเธอ เธอซื้อเงินสดเพราะไม่อยากเสียดอกเบี้ยเงินกู้ จะว่างก เธอก็ยอมรับ แม้จะเสียดายเงินก้อนโต แต่เพื่อความสะดวกในการทำงาน และเธอเองจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เธอจึงยอมจ่าย ในส่วนเงินเก็บที่เหลือจากการซื้อคอนโด ครึ่งหนึ่ง เธอแบ่งไปลงทุนในแหล่งที่ไม่มีความเสี่ยง และอีกครึ่ง เธอนำไปลงหุ้นในแหล่งที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน ในส่วนการลงทุนที่มีความเสี่ยงนี้ เธอให้บริษัทแนะนำการลงทุนเป็นคนจัดการให้ ดังนั้น...ตอนนี้เธอจนจริง ๆ นะ นี่ก็ต้องทำงานหัวหกก้นขวิด เพื่อหาเงินมาเติมส่วนที่พร่องไป
“เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว ยังจะให้เลี้ยงอีก”
“ก็คุณพ่อรวยกว่าดา ไม่รู้ล่ะ มื้อนี้คุณพ่อจ่ายนะคะ”
พ่อวัตกอดอก แล้วถอนหายใจ
“เหม็นสาบคนจน เลี้ยงก็ได้”
ภริดายิ้มแก้มปริ พอรถจอดติดสัญญาณไฟแดง เธอก็หันไปยิ้มแฉ่งให้บิดา
“คุณภวัตสุดหล่อน่ารักที่ซู้ดดด”
แม่แก้วถอนหายใจใส่คนเป็นพ่อ ไม่ว่าอย่างไรคุณภวัตก็ไม่เคยทนลูกอ้อนของลูกสาวได้สักที แม้ภริดาจะโตเป็นผู้ใหญ่ ทำงานหาเงิน และรับผิดชอบตัวเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่เวลาอยู่กับพ่อแม่ ลูกสาวคนโตของพวกท่านก็ยังอ้อนและพูดคุยหยอกล้อกับพ่อแม่เสมอ โดยเฉพาะกับคุณภวัตสุดหล่อของเธอ อ้อนทีไร อยากได้อะไรก็ได้ อ้อนกันจนน่าหมั่นไส้
“ว่าแต่น้องมุกอยากกินอะไร บอกมาได้เลย พี่ดาคนนี้จะทำหน้าที่สารถีพาไปเอง ส่วนคนคนจ่ายตังค์คือคุณพ่อ แล้วพี่จะบอกอะไรให้นะ” ภริดาเอนตัวไปทางน้องสะใภ้ ทำท่าเหมือนกระซิบกระซาบ แต่เสียงดังจนได้ยินกันทั้งรถ
“คุณพ่อรวยมาก อยากกินอะไรก็สั่งได้หมดเลย ไม่ต้องกลัวว่าคุณพ่อจะไม่มีตังค์จ่ายนะ นอกจากตังค์ที่เก็บไว้ในธนาคารแล้ว ยังมีตังค์ที่คุณพ่อซ่อนคุณแม่ไว้ในบ้านอีกเยอะ พี่รู้ พี่เคยเห็น”
“อะแฮ่ม !” คนที่ถูกลูกสาวนินทาระยะเผาขนส่งเสียงปราม “ตัดออกจากกองมรดกดีไหมฮึ !”
“ว้าย ๆ คุณแม่ขา ที่ดาพูดมาทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริงนะคะ ดาแค่ล้อเล่น” คนกลัวถูกคุณพ่อตัดออกจากกองมรดกรีบบอกเร็วปรื๋อ
พ่อวัตกับแม่แก้วหัวเราะคนพลิกลิ้นคำให้การเมื่อครู่
บทสนทนาและการหยอกล้อของภริดากับพ่อวัตทำให้ไข่มุกพลอยหัวเราะไปด้วย
“ตกลงว่าเราจะกินอะไรกันดีจ๊ะน้องมุก” ภริดาถามอย่างใส่ใจ เธอไม่ได้ถามส่ง ๆ เพราะอยากให้น้องสะใภ้ผ่อนคลาย และมีความสุขกับการมาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวเธอ ไม่อยากให้เกรงใจจนเกินไป จนไม่กล้าพูดหรือไม่กล้าออกความเห็นอะไร
“มุกอยากกินสเต๊กค่ะ”
“สเต๊กเหรอ...ได้สิ ว่าแต่อยากกินร้านไหนจ๊ะ ว่ามาได้เลย”
ไข่มุกยิ้มดีใจที่จะได้กินสเต๊กร้านโปรด หญิงสาวบอกชื่อร้านที่เธออยากกินให้พี่ดาทราบ
พอน้องสะใภ้บอกชื่อร้าน ภริดาก็ร้อง อ๋อ ! ทันที เธอขับรถพาผู้โดยสารบนรถไปยังร้านสเต๊กที่ไข่มุกบอกโดยไม่ต้องถามทาง เพราะเธอเองก็ไปกินที่ร้านนี้บ่อยอยู่เหมือนกัน
พอได้ไปซื้อของใช้เข้าบ้าน ได้พูดคุยกันไปตลอดทางที่อยู่บนรถ และได้รับประทานอาหารนอกบ้านด้วยกัน ไข่มุกก็ผ่อนคลาย และพูดคุยหยอกล้อกับครอบครัวใหม่ของเธอได้อย่างสนุกสนาน พ่อวัต แม่แก้ว และพี่ดา ให้ความเป็นกันเองกับเธอ และเอ็นดูเธอมาก จากเมื่อก่อนที่สนิทกันในระดับหนึ่ง แต่พอได้พูดคุยได้ทำกิจกรรมร่วมกันตลอดทั้งวัน ไข่มุกก็เริ่มสนิทสนมกับทุกคนมากขึ้น
ภริดาขับรถพาทุกคนกลับมาถึงบ้านตอนหกโมงเย็น เธอซื้อสเต๊กมาฝากน้องชายด้วย เพราะวันนี้ไม่ได้ทำอาหารมื้อเย็นไว้ เลยต้องซื้อกับข้าวมาให้คนที่ไม่ได้ไปกินที่ร้านด้วย
ไข่มุกเป็นคนลงไปเปิดประตูรั้ว พอเปิดประตูออก เธอจึงเห็นรถของภากรจอดอยู่ในโรงจอดรถข้างบ้าน สามีของเธอกลับมาแล้ว ตะวันก็ตกดินไปแล้ว ใกล้จะถึงเวลาที่จะต้องอยู่กับเขาในห้องสองต่อสองอีกแล้วสินะ คืนนี้เขาจะทำเธอเจ็บอีกไหม หรือเขาจะว่าอะไรอีกหรือเปล่า...
“ทำไมกลับเร็ว” ภริดาถามน้องชายด้วยความแปลกใจ เมื่อเดินเข้ามาในห้องโถงของบ้าน แล้วพบว่าน้องชายนอนอยู่บนโซฟา
“ก็อยากกลับเร็ว” ภากรว่าพลางลุกขึ้นนั่ง พอเห็นว่าทุกคนที่เดินตามหลังพี่สาวเขาเข้ามาในบ้านพากันหอบข้าวของติดมือมาหลายอย่างเขาก็ขมวดคิ้ว
“ซื้ออะไรกันเยอะแยะครับ ตอนจะย้ายกลับบ้านตัวเอง คงลำบากขนหลายเที่ยว”
“นอกจากกวนตีนแล้วยังปากหมาอีก” ภริดาเบ้ปากใส่น้องชาย
“ยัยดา” แม่แก้วปรามลูกสาวเสียงดุ
ภากรไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับพี่สาว เขาจึงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินขึ้นบ้านไป
“ไอ้คนแล้งน้ำใจ จะขนช่วยสักนิดก็ไม่มี รู้อย่างนี้ ฉันไม่ซื้อของกินมาให้แกหรอก” ภริดาว่าตามหลัง และคาดโทษต่อว่า
“คอยดูเถอะ วันไหนแกน้ำตาเช็ดหัวเข่า ฉันจะไม่มีวันช่วยแกเด็ดขาด สาธุ ! ขอให้เมียทิ้ง”
“ยัยดา ! พอได้แล้ว ไปขนของจากรถมาไว้ในบ้านก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยจัด วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว จะได้พักผ่อนกัน” แม่แก้ววางของลงบนพื้น แล้วเดินออกไปขนของจากรถอีกรอบ