ตอนที่ 1 ความผิดของตัวเอง
ทันทีร่างสูงเดินออกจากเครื่องบิน สายตามองหาเธอกับเขาคนนั้น แต่ก็ไม่เห็นเสียแล้ว พศิกรจำใจเดินไปตามทางออก เรียกรถแท็กซี่ไปส่งที่บ้านของเขาทันที
ใบหน้าใสมองนอกหน้าต่างรถ นานๆจะได้มาสัมผัสบรรยากาศในเมืองแบบนี้สักครั้ง หลังจากไปบรรจุเป็นครูอยู่ภาคเหนือเสียหลายเดือน ตอนนี้โรงเรียนปิดเทอมเขาจึงกลับมาบ้าน และการกลับมาครั้งนี้ทำให้เจอ ศิริลนภาอีกครั้ง
“เราเลิกกันเถอะ” คำพูดของเธอในวันนั้นยังก้องอยู่ในหู ทั้งหมดมันเพราะเขาคนเดียว ชายหนุ่มได้แต่นึกถึงอดีตที่มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว
รถแท็กซี่เคลื่อนเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ แต่ขาดความอบอุ่น พ่อกับแม่ของเขาใช้ชีวิตเที่ยวรอบโลกไม่เคยสนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว นานๆจะกลับมาให้เห็นหน้าสักครั้ง ยิ่งตอนนี้เขาไปบรรจุเป็นครูอยู่ภาคเหนือ ยิ่งทำให้เขาแทบไม่ได้เจอหน้าพ่อกับแม่อีกเลย
หากวันนี้ในรอบหลายเดือนเขาได้เจอหน้าแม่ตัวเอง ศิณี เดินมารับลูกชายพร้อมสั่งคนรับใช้ยกกระเป๋าไปเก็บ
“ตากร กลับมาทำไมไม่บอกพ่อกับแม่ละ แม่จะได้ส่งคนไปรับ” พศิกรถอนหายใจใครจะไปรู้ว่าพ่อกับแม่อยู่บ้านที่ใหญ่แต่ไร้ความอบอุ่นแบบนี้ ขนาดเขาบาดเจ็บนอนในโรงพยาบาลหลายวันยังไม่คิดมาหาเลยด้วยซ้ำ
“ผมไม่รู้นี่ครับ ว่าพ่อกับแม่จะอยู่บ้าน” ใบหน้าใสชะเง้อมองคนเป็นพ่อ
“เข้าไปในบ้านก่อน พ่อนั่งรออยู่” ว่าแล้วศิณีคล้องแขนลูกชายเดินเข้าไปข้างในบ้านด้วยกัน
“มาแล้วเหรอ” พศิน ถามลูกชายเสียงเรียบตายังคงมองจอไอแพต
“ครับพ่อ”
“แล้วหนูศิไม่มาด้วยเหรอลูก” คนเป็นแม่ถามทำเอาชายหนุ่มสะอึก
“ใช่ ไม่เห็นพามาเที่ยวบ้านด้วยเลย”
“เอ่อ คือว่าผมกับศิเราสองคนเลิกกันแล้วครับ” ทั้งสองหันมองหน้าด้วยความตกใจ
“ตากร ทำไมปล่อยหนูศิหลุดมือแบบนี้ละ หนูศิดีที่สุดแล้วนะ” ศิณีผิดหวังในตัวลูกชายคำสัญญาที่รับปากเอาไว้แบบนี้เธอจะบอกวิญญาณเพื่อนทั้งสองคนได้ยังไงกัน
“ผมขอโทษครับ แต่ศิก็เจอคนที่ดีกว่าผมนะครับแม่”
“ดีแล้ว ดีกว่าอยู่กับคนอย่างแก” พศินเอ่ยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ในความโลเลและเจ้าชู้
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ว่าแล้วพศิกรเดินขึ้นไปชั้นบนเข้าห้องนอนตัวเอง
สนามบิน
ร่างสูงโปร่งในชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงินคาดฟ้าพนักงานสายการบินบลูสกายแอร์ไลน์กำลังเดินถือกระเป๋าลากลงมาจากเครื่องบินพร้อมสจ๊วดหนุ่มร่างสูง เดินมาด้วยกัน
“นี่แพร วันนี้เราไปนั่งชิลเหมือนเดิมดีมั๊ย” เรวัตชายร่างสูงหากใจเป็นหญิงเอ่ยปากชวนเพื่อนสนิทอย่างแพรไพร
“ดีเหมือนกันนะ” ใบหน้าสวยแต่งแต้มเครื่องสำอางหันมาบอกเพื่อนชายใจเป็นหญิง
“แล้วเมื่อกี้บนเครื่องบิน ทำอะไรกันอ่ะ ฉันเห็นนะ” เรวัตจีบปากจีบคอถามเธอกับชายหนุ่มคนนั้น
“ผู้โดยสารไง จะล้มฉันก็เลยรับไว้” แพรไพรเอ่ยทำหน้าเรียบเฉย หากในใจกลับนึกถึงแต่ใบหน้าใสของเขา แววตาของเขาดูเหมือนเศร้าสร้อย คล้ายกับมีเรื่องทุกข์อยู่ในใจ
“แต่ฉันเห็นเธอมองจนลับสายตาเลยนะ” เรวัตยังถามไม่เลิก
“ไม่มีอะไรหรอก คิดมาก เร็วๆ อยากกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเนี่ย” ร่างสูงโปร่งเดินนำไม่สนใจทั้งที่ เรวัตยังพูดไม่จบ
“รอด้วยสิ” ว่าแล้วสจ๊วตหนุ่มรีบก้าวเท้ายาวๆตามเพื่อนสาวไปอย่างรวดเร็ว
ตอนเย็น
“ไปไหนอีกละ ตากร” ศิณีเอ่ยถามลูกชาย
“ไปเที่ยวครับ อยากสัมผัสแสงสีในเมืองกรุงบ้าง” พศิกรเอ่ยขึ้น อยากสัมผัสบรรยากาศในยามราตรีแบบนี้มานานแล้ว
“ตามใจก็แล้วกัน อย่ากลับดึกละ”
“ครับ” พศิกรเดินออกจากบ้าน ไม่นานเสียงรถยนต์ดังขึ้นแล้วก็ขับเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว
ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
พศิกรเดินตรงมายังโต๊ะอาหารที่อยู่ด้านในสุด เขาอยากนั่งฟังเพลงเป็นการส่วนตัว พนักงานเสิร์ฟตามมาถึงโต๊ะ แล้วยื่นเมนูอาหารและเครื่องดื่มให้
“รับอะไรดีคะ”
“ครับ” พศิกรเปิดเมนูอาหาร ก่อนจะสั่งไปสองสามอย่างพร้อมเบียร์สามขวด
“รอสักครู่นะคะ”
ภายนอกร้าน
“นี่ แต่งชุดแบบนี้เดี๋ยวเขาก็หาว่าแกเป็นแฟนฉันหรอก” แพรไพรมองเรวัตในชุดเสื้อคอปกกางเกงสีครีมขายาว
“เอ่อน่า บางคนเค้าก็ดูออกว่าฉันชอบผู้ชาย” เรวัตบ่นเพราะคำว่าผีเห็นผียังใช้ได้ผลเสมอ
“ไปกันได้หรือยังละคะ” แพร่ไพรเริ่มเบื่อต้องยืนรอนอกร้าน
“ไปสิ ตามมาๆ” ร่างสูงเดินนำหน้ามองตามโต๊ะเพื่อจะได้ดูชายหนุ่มหล่อๆหลงมาติดกับบ้าง
พศิกรเห็นแอร์โฮสเตสสาวคนนั้นเขาจำได้ ซึ่งเธอเดินมากับผู้ชาย เขาจึงเดาว่าเป็นแฟน หากเขาไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย เพราะในตอนนี้เขายังรู้สึกผิดที่เสียศิริลนภาไป ทำยังไงได้เพราะมันเป็นความผิดของตัวเองทั้งนั้น
อึก อึก ชายหนุ่มยกแก้วกระดกดื่มเพื่อลืมผู้หญิงที่ชื่อ ศิริลนภา หากยิ่งดื่มภาพใบหน้าอันน่ารักของเธอล่องลอยเข้ามาทุกครั้งไป
“ทำไมกรยังลืมศิไม่ได้นะ” เขาพูดกับตัวเองเพียงลำพัง ตอกย้ำกับความผิดของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า