7 ปีต่อมา
“โรสสส”
ไดม่อนสะดุ้งตื่นจากความฝันด้วยใบหน้าตกใจ มือหนายกมากุมขมับตัวเองทันทีเมื่อเขาฝันถึงตอนที่ตัวเองไล่โรสกลับไปในวันนั้น มันเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเขาตลอดเพราะวันนั้นคือวันที่ทำให้เขาทั้งโกรธและเกลียดตัวเอง หลังจากที่แม่ของเขาได้เล่าทุกอย่างให้ฟังไดม่อนก็เสียศูนย์ไปพักใหญ่ไม่ร่าเริงไม่พูดไม่จากับใครจนเขาอายุสิบห้าถึงเริ่มดีขึ้นแต่ไดม่อนก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจให้พ่อตัวเองช่วยตามหาโรสตลอดเพราะถ้าเธอตายในน้ำจริงก็ต้องเจอร่างเธอแล้วแต่นี่ไม่เจอร่างเธอเลย ไดม่อนจึงปักใจเชื่อว่าต้องมีคนมาช่วยเธอไปแน่ๆ จึงพยายามตามหาในระแวกใกล้แม่น้ำแต่ก็ยังไม่ได้เบาะแส ไดม่อนยังพยายามตามหาเธอมาเรื่อยๆ จนตอนนี้จากเด็กหนุ่มวัยสิบสามปีกลายเป็นหนุ่มหล่อวัยยี่สิบปีแล้ว โดยตอนนี้ไดม่อนกำลังเรียนมหาลัยปีสองคณะวิศวะช่างกล เมื่อตั้งสติได้ไดม่อนก็หยิบการ์ดอวยพรวันเกิดจากลิ้นชักหัวเตียงมาอ่านทันที
‘สุขสันต์วันเกิดนะม่อน สร้อยข้อมือถักนี้โรสตั้งใจทำให้ม่อนโดยเฉพาะเลยนะ โรสถักเองกับมือเลย สามารถปรับขนาดได้ด้วยเพราะถ้าม่อนโตไปข้อมือคงจะใหญ่กว่านี้เยอะ และอีกอย่างที่โรสเลือกเชือกสีแดงมาถักเอาจริงๆ ก็เพราะโรสชอบสีแดง อิอิ แต่ว่าเป็นสีนำโชคของโรสเลยนะโรสเลยอยากส่งต่อให้ม่อนด้วย อยากได้อะไรก็อธิษฐานขอพรกับสร้อยข้อมือนี้น๊ารับรองว่าขออะไรต้องได้สิ่งนั้นมาแน่นอน สุดท้ายนี้เรื่องที่ม่อนรอคำตอบจากโรส จริงๆ โรสจะตอบต่อหน้าม่อนก่อนแต่ก็อยากเขียนไว้เป็นความทรงจำของเราสองคนด้วย ม่อนถามว่าโรสรู้สึกตรงกันกับม่อนมั้ย โรสอยากจะบอกม่อนว่าโรสก็ชอบม่อนเหมือนกันนะ ไว้เรียนจบมอหกเมื่อไหร่ถ้าตอนนั้นม่อนยังไม่เปลี่ยนใจโรสจะตอบตกลงเป็นแฟนม่อนทันทีเลย หวังว่าทั้งของขวัญและคำตอบจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับวันเกิดม่อนในปีนี้นะคะ…โรส’
ไดม่อนลูบการ์ดอย่างเบามือด้วยความคิดถึงเพราะเป็นการ์ดอวยพรวันเกิดที่เธอให้ไว้ก่อนที่เธอจะหายไปเขามักจะหยิบการ์ดอวยพรมาอ่านทุกวันถ้านอนที่คอนโด มือหนาเก็บการ์ดอวยพรใส่ลิ้นชักเหมือนเดิมแล้วจับสร้อยข้อมือถักสีแดงข้างซ้ายที่เขาสวมใส่มันมาตลอดเจ็ดปีโดยไม่ยอมถอดเลยสักครั้งด้วยความคิดถึง
“เจ็ดปีแล้วนะโรส ม่อนอธิษฐานไปเจ็ดปีแล้วเมื่อไหร่คำอธิษฐานม่อนจะเป็นจริงซักที เมื่อไหร่ม่อนจะได้เจอโรส ม่อนคิดถึงโรสมากรู้มั้ย”
ไดม่อนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาตาคมมองสร้อยข้อมือที่ตัวเองสวมใส่อย่างโหยหาและคิดถึง ขณะที่เขากำลังจมอยู่กับความคิดถึงอยู่ก็สายเรียกเข้าของแม่ตัวเองโทรเข้ามาไดม่อนจึงเรียกสติตัวเองกลับมาแล้วกดรับสายทันที
“ครับแม่”
(ตื่นยังลูก วันนี้ไปเรียนกี่โมงคะ)
“ตื่นแล้วครับ ผมมีเรียนสิบโมงครับแม่”
(แล้ววันนี้ลูกงานยุ่งมั้ย แม่คิดถึงอยากให้มากินข้าวเย็นแล้วมาค้างที่บ้านใหญ่ด้วย)
“ได้ครับแม่ วันนี้งานที่สนามแข่งและที่ผับไม่ได้มีอะไรมาก งั้นผมเลิกเรียนจะรีบไปหานะครับ”
(ดีใจจัง งั้นแม่จะเตรียมของโปรดรอนะลูก)
“ครับแม่”
เมื่อคุยกันเสร็จไดม่อนก็วางสายแล้วลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน หลังจากเรียนเสร็จก็ขับรถกลับบ้านไปหาพ่อแม่ตัวเองทันที
“ลูกยังมาไม่ถึงหรอคะบี๋”
เมย์สาววัยกลางคนเอ่ยถามดินแดนผู้เป็นสามีขณะที่เดินมาหาดินแดนที่ห้องนั่งเล่น เพราะวันนี้เธอโทรให้ไดม่อนลูกชายคนเดียวของเธอมากินข้าวเย็นด้วยที่บ้าน
“ยังเลยครับ ให้พี่โทรตามลูกให้มั้ย”
ดินแดนตอบกลับเมย์พร้อมกับเอ่ยถามเธอกลับเมื่อเห็นสีหน้าร้อนใจของเมย์
“ผมมาแล้วครับแม่”
ขณะที่เมย์กำลังจะตอบดินแดนก็ต้องหยุดชะงักแล้วหันหลังไปตามเสียงทันทีก็เห็นไดม่อนลูกชายของเธอเดินเขามาในห้อง เมย์จึงรีบวิ่งไปกอดลูกชายทันที ทางด้านไดม่อนเมื่อเห็นแม่วิ่งมาก็รีบก้าวเท้าเดินอ้าแขนกอดแม่ตัวเองเหมือนกัน
“อืออ คิดถึงจังเลยลูก ช่วงนี้เรียนหนักหรอหรือว่างานที่ผับกับสนามแข่งรถมีปัญหาไม่เห็นลูกกลับมาบ้านซักทีเลย”
เมย์เอ่ยถามลูกชายด้วยความเป็นห่วงจนไดม่อนได้แต่ส่งยิ้มให้แม่ตัวเอง
“บี๋ครับ ลูกไม่ได้กลับบ้านแค่อาทิตย์เดียวเองนะครับ ถามเหมือนลูกไม่ได้กลับบ้านมาหลายเดือนเลยแบบนั้นล่ะ”
ดินแดนพูดแซวภรรยาทันทีเมื่อเห็นท่าทางที่ที่คิดถึงลูกชายของเธอ
“ก็คนมันคิดถึงลูกนี่คะ หิวยังลูกแม่เตรียมของโปรดไว้ให้ลูกเยอะเลย วันนี้นอนกับแม่นะ อยากนอนกอดลูกชายสุดที่รักของแม่”
“จะให้ผมนอนด้วย ขออนุญาตพ่อยังครับ เดี๋ยวก็มาไล่ผมเหมือนวันนั้นอีก”
ไดม่อนเอ่ยถามผู้เป็นแม่กลับด้วยรอยยิ้ม เพราะเวลาแม่ของเขามานอนด้วยทีไรพ่อก็ตามมาไล่เขาตอนแม่หลับตลอด
“ให้ลูกนอนคนเดียวเถอะครับบี๋ บี๋ก็รู้ว่าพี่นอนไม่หลับถ้าไม่ได้นอนกอดเมีย”
เมย์หันไปมองค้อนใส่ดินแดนทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของสามี
“มันใช่เวลามาพูดหวานมั้ยคะ ไม่อายลูกรึไง”
เมย์แว๊ดเสียงใส่สามีแก้เขินเมื่อโดนดินแดนพูดคำหยอดใส่ต่อหน้าลูก ขนาดลูกโตจนอายุยี่สิบแล้วสามีเธอก็ยังขยันหยอดขยันพูดหวานใส่เธอไม่หยุด ทางด้านไดม่อนเมื่อเห็นพ่อกับแม่กำลังหยอกล้อกันก็ยิ้มกว้างขึ้นมาทันที ปากหนายิ้มกว้างแต่แววตากลับสื่อความเศร้าออกมาจนเมย์และดินแดนยืนเงียบทันทีเมื่อเห็นแววตาของลูกชาย
“ไดม่อนลูก”
เมย์เดินไปลูบไหล่ลูกชายทันทีพร้อมกับเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ผมไม่เป็นไรครับแม่ แม่ไม่ต้องคิดมากนะครับแล้วก็ไม่ต้องพยายามหยุดสวีทหวานต่อหน้าผมด้วย ผมชอบที่พ่อกับแม่หยอกล้อกัน สวีทหวานใส่กันแบบนี้ ถ้าผมมีแฟนผมก็จะทำแบบที่พ่อทำกับแม่ครับ”
ไดม่อนพูดกับเมย์ผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้ม เพราะเขารู้ว่าพ่อกับแม่กังวลและคิดถึงความรู้สึกเขามากแค่ไหน
“โอเคลูก งั้นลูกจะกินข้าวตอนนี้เลยมั้ยหรือจะไปอาบน้ำก่อน”
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชายเมย์ก็ปรับสีหน้ามายิ้มแล้วเอ่ยถามไดม่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เดี๋ยวผมขึ้นไปอาบน้ำก่อนครับ จะได้ลงมานั่งเล่นกับแม่ยาวๆ เลยดีมั้ยครับ”
ไดม่อนตอบกลับผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและส่งยิ้มให้ท่านเพื่อให้ท่านคลายความกังวลลง
“ดีเลยลูก งั้นลูกไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวแม่เตรียมของอร่อยๆ ไว้รอ”
“ครับ”
ไดม่อนตอบกลับผู้เป็นแม่แล้วเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนตัวเองทันที
“ไม่มีเบาะแสหนูโรสเลยหรอคะบี๋ หนูเริ่มไม่ชอบคำว่า ผมไม่เป็นไรครับ ของลูกแล้วนะคะ ยิ่งโตขึ้นรอยยิ้มลูกก็เริ่มหายไป หนูสงสารลูก อคินก็หมั้นกับหนูแพรวาส่วนรามินก็มีหนูเค้กแล้ว ถ้าเด็กๆ ยังโสดด้วยกันเหมือนแต่ก่อนหนูจะไม่กังวลเลย แต่นี่พี่น้องมีคู่หมดแล้วลูกเราจะทำตัวยังไงคะ”
เมย์หันไปพูดกับดินแดนทันทีเมื่อเห็นลูกชายเดินไปแล้วใบหน้าเผยความกังวลชัดเจน
“ยังไม่มีความคืบหน้าเลยครับ พี่กับไอ้วิน ไอ้เชนทร์พยายามตามหาตลอด เพราะอุบัติเหตุในตอนนั้นทำให้หนูโรสกลายเป็นบุคคลสูญหายพวกพี่พยายามสืบหาทุกช่องทางทั้งทางโซเชียล ธุรกรรมทางการเงินที่มีชื่อหนูโรสแต่ก็ไม่มีเลย ขนาดตอนนี้มีไดม่อน อคินแลรามินคอยช่วยอีกแรงก็ยังไม่ได้ข่าวคราว แต่รามินเคยบอกว่าหนูโรสอาจจะเปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ก็ได้”
ดินแดนตอบกลับภรรยาไปตามตรงสีหน้าก็กังวลไม่ต่างจากเมย์ผู้เป็นภรรยา
“แล้วถ้าหนูโรสเปลี่ยนชื่อนามสกุลจริงๆ เราตามหาไม่ได้หรอคะ”
เมย์เอ่ยถามดินแดนด้วยความสงสัย
“ปัญหาของเราคือเราไม่มีรูปตอนปัจจุบันของหนูโรสครับบี๋ กับไดม่อนมีแค่รูปหนูโรสตอนอายุสิบสามปี ถ้าไม่รู้ชื่อก็ต้องเอารูปตามหาแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้หนูโรสหน้าตาจะเป็นยังไง ขนาดเจ็ดปีก่อนเราเอารูปตอนนั้นตามหายังหาไม่เจอเลยตอนนี้ยิ่งอยากกว่าเดิมอีกครับ แต่ยังไงพวกพี่ก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจแน่นอนเพราะดูท่าลูกของเราก็คงไม่ยอมหยุดตามหาหนูโรสแน่ๆ”
“เฮ้อ! ได้โปรดเถอะค่ะเทวดาฟ้าดิน ได้โปรดช่วยให้ลูกชายของลูกเจอผู้หญิงที่เค้ารักด้วยเถอะนะคะ”
เมย์ยกมือขอพรจากเบื้องบนทันทีด้วยสีหน้าเป็นห่วงลูกชาย จนดินแดนได้แต่เดินมาโอบกอดปลอบใจเธอไม่ให้คิดมาก
“อย่าคิดมากนะครับบี๋ พี่เชื่อว่าสักวันลูกต้องได้เจอหนูโรส เราไปเตรียมอาหารรอลูกดีมั้ยครับ”
ดินแดนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ค่ะ”
เมื่อคุยกันเสร็จดินแดนและเมย์ก็ไปเตรียมอาหารรอลูกชายตัวเอง สักพักไดม่อนก็ลงมาจากห้องด้วยเสื้อยืดกางเกงวอร์มตรงมานั่งกินข้าวกับพ่อแม่ตัวเอง ถึงในใจเขาจะจมอยู่กับความทุกข์แต่ก็ยังเผยรอยยิ้มออกเมื่อได้อยู่กับครอบครัวเพราะพ่อกับแม่เขามักจะทำให้เขาผ่อนคลายและยิ้มได้เสมอ เมื่อกินข้าวเสร็จไดม่อนก็มานั่งคุยเล่นกับพ่อกับแม่ตัวเองที่ห้องนั่งเล่นโดยส่วนมากจะเป็นแม่เขามากกว่าที่ชวนคุย ถามนั่นถามนี่ลูกชายไปเรื่อยด้วยความคิดถึงจนดึกจึงแยกย้ายกันเข้านอน